กลุ่มเหมาอิสต์ยกระดับการต่อต้านรัฐบาลเนปาล “ระลอกสาม” ด้วยการประกาศเขตปกครองอิสระ 2 แห่งเมื่อวานนี้ ทำให้ล่าสุดเหมาอิสต์ประกาศเขตปกครองอิสระรวม 12 แห่ง จากที่ตั้งเป้าไว้ 13 แห่ง และจะประกาศ "รัฐมาเดส" เป็นเขตปกครองอิสระเพิ่มอีกแห่งศุกร์นี้

 

เหมาอิสต์ประกาศเขตปกครองอิสระเพิ่มเป็น 12 แห่งทั่วเนปาล

กลุ่มเหมาอิสต์ยกระดับการต่อต้านรัฐบาล ด้วยการประกาศเขตปกครองอิสระ 2 แห่งเมื่อวานนี้ (17 ธ.ค.) ทำให้ล่าสุดเขตปกครองอิสระที่เหมาอิสต์ประกาศเพิ่มเป็น 12 แห่ง

ระหว่างการชุมนุมมวลชนพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล-เหมาอิสต์ (CPN) หรือกลุ่มเหมาอิสต์ที่ทันเซ็น (Tansen) เมืองปัลปา (Palpa) บ่ายวานนี้ (17 ธ.ค.) เลขาธิการทั่วไปของกลุ่มเหมาอิสต์ นายราม บาฮาเดอร์ บาดาล ได้ประกาศตั้งเขตปลดปล่อย หรือเขตปกครองอิสระรัฐมะกะรัต (Magarat State) โดยหลังการประกาศผู้ชุมนุมเหมาอิสต์ได้จุดประทัดและโห่ร้องคำขวัญของกลุ่ม

รัฐมะกะรัตประกอบด้วย ปัลปา (Palpa) โรลปา (Rolpa) รุคุม (Rukum) บักลัง (Baglung) มยักดี (Myagdi) อะกาคันชี (Arghakhanchi) ปยุตทัน (Pyutan) กุลมี (Gulmi) และ ซัลยาน (Salyan)

พร้อมกันนั้นที่เขตโภหะระ (Pokhara) ในเมืองกัสกี (Kaski) กรมการเมืองของกลุ่มเหมาอิสต์ ‘เทพ กูรุง’ ได้ประกาศให้เขตปกครองอิสระทามูวัน (Tamuwan autonomous state) โดยรัฐทามูวันประกอบด้วย ลัมจุง (Lamjung) โกรคา (Gorka) ทานาฮัน (Tanahun) มานัง (Manang) มัสตัง (Mustang) กัสกี (Kaski) ปาวัต (Pavat) และ สยังจา (Syangja)

โดยระหว่างการประกาศ กูรุงกล่าวว่า กลุ่มเหมาอิสต์ประกาศเขตปกครองอิสระนี้ก็เพื่อกดดันรัฐบาลให้ตระหนักถึงการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของเนปาล ให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด กูรุงยังยืนยันว่าการที่พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (เหมาอิสต์) ประกาศเขตปกครองอิสระเหล่านี้ไม่ได้ละเมิดรัฐธรรมนูญชั่วคราว หรือละเมิดกระบวนการสันติภาพแต่อย่างใด

อีกด้านหนึ่งสหภาพของนักศึกษาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (รวมเหมาอิสต์-เลนินนิสต์) (CPN-UML) พรรคเนปาลีคองเกรส (NC) และสมัชชามาเดสี (Madhesi Janadhikar Forum - Loktantrik หรือ MJF-L) ได้ทำการปิดสถาบันการศึกษาในเมืองกัสกี (Kaski district) ในวันนี้ (17 ธ.ค.) เพื่อประท้วงแผนการของกลุ่มเหมาอิสต์ที่ประกาศ เขตปกครองอิสระทามูวัน

โดยในวันนี้โรงเรียนและวิทยาลัยในเมืองต่างปิดหมดเพื่อประท้วงกลุ่มเหมาอิสต์ ในขณะที่กลุ่มเหมาอิสต์ได้ประกาศให้รัฐเนวา (Newa) และตามซาลิง (Tamsaling) เป็นอิสระเมื่อวันพุธที่ 16 ธ.ค. ผ่านมา นอกจากนี้ในวันศุกร์นี้ (18 ก.ย.) กลุ่มเหมาอิสต์เตรียมที่จะประกาศให้รัฐมาเดส (Madhash) เป็นอิสระด้วย

ทั้งนี้เมื่อวันพุธที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา ประธานกลุ่มเหมาอิสต์ นายพุสปา คามาล ดาฮาล (Pushpa Kamal Dahal) หรือสหายประจันดา ประกาศตั้งเขตปกครองอิสระเนวา (Newa autonomous state) โดยพื้นที่ของเขตปกครองอิสระนี้ประกอบด้วยกรุงกาฐมาณฑุ (Kathmandu) ภักทาปูร (Bhaktapur) และลัลติปูร (Lalitpur)

ส่วนที่เขตกัลกานี (Kalkani) เมืองนูวากต (Nuwakot) รองประธานกลุ่มเหมาอิสต์ นายบาบูราม ภัตทาไร (Baburam Bhattarai) ได้ประกาศให้ทัมซาลิงเป็นเขตปกครองอิสระ ซึ่งประกอบด้วยนูวากต (Nuwakot) ธาดิง (Dhading) สินธุปัลโชค (Sindhupalchowk) กัฟล์ (Kavre) ราเมชหับ (Ramechhap) มักวันปูร (Makwanpur) และ โดลาคา (Dolakha)

โดยกลุ่มเหมาอิสต์วางแผนว่านับตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. จะประกาศมีรัฐปกครองอิสระทั้งหมด 13 แห่งทั่วเนปาล โดยยึดตามชนชาติที่อาศัยและพื้นที่

ชนวนต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ อยู่ที่บทบาทประธานาธิบดีและกองทัพ

ทั้งนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา กลุ่มเหมาอิสต์ออกมาชุมนุมใหญ่ในกรุงกาฐมาณฑุ เพื่อประท้วงประธานาธิบดีราม ภารัน ยาดาฟ แห่งเนปาล ในข้อหาละเมิดรัฐธรรมนูญ อันเนื่องมาจากบทบาทของประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ทำให้รัฐบาลผสมของกลุ่มเหมาอิสต์ล่มกลางคันจนต้องกลายเป็นฝ่ายค้าน โดยกลุ่มเหมาอิสต์เรียกร้องให้ประธานาธิบดีขอโทษ และให้มีการอภิปรายในสภาเกี่ยวกับบทบาทของประธานาธิบดี

และในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นายพุสปา คามาล ดาฮาล (Pushpa Kamal Dahal) หรือประจันดา ประธานพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (เหมาอิสต์) หรือกลุ่มเหมาอิสต์ ประกาศว่าจะจัดชุมนุมต่อต้านรัฐบาลอีกเป็นระลอกที่ 3 เพื่อฟื้นฟูอำนาจสูงสุดให้เป็นของประชาชน โดยการประท้วงรอบใหม่จะไม่เพียงแค่ตั้งเขตปกครองอิสระเท่านั้นแต่จะตั้งรัฐบาลคู่ขนานด้วย

สำหรับวิกฤตการเมืองเนปาลรอบล่าสุด เกิดขึ้นหลังจากที่เมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ นายพุชปา คามาล ดาฮาล ผู้นำเหมาอิสต์ ได้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อ 4 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อประท้วงการที่ประธานาธิบดีคัดค้านคำสั่งที่นายพุชปาสั่งปลดผู้บัญชาการกองทัพเนปาล

โดยเมื่อ 3 พ.ค. ผู้นำเหมาอิสต์ซึ่งขณะนั้นเป็นนายกรัฐมนตรีของเนปาล มีคำสั่งปลด พล.อ.รุคมานกัด คาตาวัล ผู้บัญชาการกองทัพเนปาล ซึ่งจ้างทหารใหม่เข้ามาประจำกองทัพเนปาลจำนวน 2,800 นาย และนำ 8 นายพลกลับมารับตำแหน่งเดิมโดยไม่ปรึกษารัฐบาล และเมื่อมีคำสั่งปลด พล.อ.รุคมานกัด กลับปฏิเสธคำสั่งปลดและประชุมหารือกับบรรดานายพลที่กองบัญชาการกองทัพ

สำหรับ พล.อ.รุคมานกัด เป็นผู้คัดค้านนโยบายการนำกำลังพลในกองทัพของกลุ่มเหมาอิสต์มารวมกับกองทัพ รัฐบาลเนปาล ซึ่งนโยบายนี้เป็นเงื่อนไขภายใต้สัญญาสันติภาพที่ลงนามระหว่างกลุ่มเหมาอิส ต์และรัฐบาลเฉพาะกาลเมื่อปลายปี 2549

โดยเมื่อปี 2551 พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (เหมาอิสต์) หรือกลุ่มเหมาอิสต์ชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปีที่แล้ว และได้เป็นรัฐบาล โดยมีการยกเลิกระบอบกษัตริย์เนปาล และเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อย่างไรก็ตามนักรบเหมาอิสต์จำนวนมากยังอยู่ภายในค่ายทหารโดยการควบคุมของเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ของสหประชาชาติตามเงื่อนไขของข้อตกลงสันติภาพ

ที่มาของข่าว: แปลและเรียบเรียงจาก

Maoist chairman says his party will declare 'parallel govt' if it has to enter 3rd phase of stir, Nepalnews, 07 November 2009, http://www.nepalnews.com/main/index.php/news-archive/2-political/2289-maoist-chairman-says-his-party-will-declare-parallel-govt-if-it-has-to-enter-3rd-phase-of-stir.html

Maoists declare two more states, Nepalnews, 16 December 2009, http://www.nepalnews.com/main/index.php/news-archive/2-political/2938-maoists-declare-two-more-states.html

Maoists take autonomous states count to 12; declare Magarat and Tamuwan, Nepalnews, 17 December 2009, http://www.nepalnews.com/main/index.php/news-archive/1-top-story/2953-maoists-take-autonomous-states-count-to-12-declare-magarat-and-tamuwan.html