Skip to main content
sharethis

นายกสมาคมต้านโลกร้อนและชาวบ้านมาบตาพุด เผยมีมือดีหลอกชาวบ้านลงชื่อพร้อมจ่ายเงิน 1,200 บาท เพื่อใช้เป็นรายชื่อถอนฟ้อง ชาวบ้านบอกพร้อมไปชี้แจงเรื่องดังกล่าวในบ่ายวันที่ 24 ธ.ค. ตามหมายศาล เพื่อทราบตัวผู้กระทำการและเตรียมฟ้องฐานแจ้งความเท็จต่อศาล แจงมาบตาพุดเป็นคดีสาธารณะ ไม่สามารถถอนฟ้องได้

นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ในฐานะผู้ฟ้องคดีให้ 8 หน่วยงานรัฐปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง ร่วมกับชาวบ้านมาบตาพุด 41 ราย เปิดเผยว่า ทางสมาคมฯ ได้รับการร้องเรียนจากตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่มาบตาพุดเรื่องที่ได้รับหมายคำสั่งศาลปกครองสูงสุดให้ไปไต่สวนคดี กรณีที่มีผู้อ้างว่าชาวบ้านทำคำร้องขอถอนชื่อจากรายชื่อผู้ฟ้องคดีในวันที่ 24 ธ.ค. เวลา 13.30 น. ณ ห้องไต่สวนที่ 8 ชั้น 3 ศาลปกครองสูงสุด ทั้ง ๆ ที่ชาวบ้านผู้ฟ้องคดีไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่ามีรายชื่อเป็นผู้ถอนฟ้องคดีได้อย่างไร

ทั้งนี้จากการสอบถามชาวบ้านผู้ได้รับหมายเพื่อไปไต่สวนคำร้องการขอถอนคดีดังกล่าวทำให้ทราบว่า มีอดีตผู้นำชุมชนบ้านบน ในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด ได้มาหว่านล้อมชาวบ้านผู้ฟ้องคดีทั้ง 41 ราย ให้ลงลายมือชื่อในกระดาษเปล่า พร้อมจ่ายเงินค่าลงลายมือชื่อจำนวน 1,200 บาท โดยไม่บอกว่าจะนำไปทำอะไร เพียงแต่แจงว่าจะนำไปแจ้งศาลเพื่อให้โรงงานทั้ง 65 โรงงานปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดเท่านั้น เมื่อมีหมายศาลมาถึงชาวบ้านตามรายงานไว้ดังกล่าว ปรากฏว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของชาวบ้านที่ได้ลงนามไป แต่กลับเป็นการไปถอนฟ้องแทน ชาวบ้านจึงวางแผนจะรวมตัวกันไปพบศาลตามวันเวลาดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าจะไม่มีการถอนฟ้องโดยเด็ดขาด

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อไปว่า พฤติการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นของหน่วยงานภาครัฐหน่วยงานใดหรือผู้ประกอบการโรงงานใด หรือใครก็ตามเป็นการใช้เล่ห์เพทุบายโดยไม่สุจริต สมาคมฯ ขอประณามว่าเป็นการกระทำที่ชั่วช้าเลวทรามที่สุด เป็นพฤติกรรมที่หมิ่นศาล และหมิ่นกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญาฐานให้ความเท็จต่อศาล เป็นพฤติการณ์ที่โง่เขลาเบาปัญญาโดยหารู้ไม่ว่าคดีนี้เป็นคดีสาธารณะผู้ฟ้องคดีไม่สามารถถอนฟ้องได้ไม่เช่นนั้นศาลอาจจะเห็นว่าเป็นการใช้ศาลเป็นเครื่องมือในการสมยอมประโยชน์กัน

นายกสมาคมต้านสภาวะโลกร้อนบอกอีกว่า ทางสมาคมฯจะไม่ยอมสมานฉันท์ต่อการกระทำเยี่ยงนี้ และจะขอคัดค้านทุกโครงการ ทุกโรงงานที่มีความพยายามปลดล็อคคำสั่งศาลปกครองสูงสุด โดยไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง เสียก่อน

โดย นายศรีสุวรรณ เปิดเผยด้วยว่าในวันดังกล่าว (24 ธ.ค.) ทางสมาคมฯ และชาวบ้านจะไปไต่สวนตามนัดของศาล ซึ่งจะทำให้ทราบว่าหน่วยงานใด หรือผู้ประกอบการรายใด เป็นคนนำรายชื่อชาวบ้านผู้ฟ้องคดีมาแอบอ้างต่อศาล และเมื่อทราบชื่อแล้วจะแจ้งให้รัฐบาลลงโทษหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยทันที โดยหากเป็นผู้ประกอบการก็จะขอให้ชาวบ้านคัดค้านไม่ให้การยอมรับการดำเนินการศึกษาอีไอเอ และเอชไอเอ ที่จะต้องดำเนินการในเร็ว ๆ นี้ เพื่อไม่ให้โรงงานนั้น ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป นอกจากนี้จะมีการร้องขอต่อศาลให้เห็นถึงพฤติกรรมดังกล่าว ว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดอำนาจศาล เพื่อให้ศาลสั่งลงโทษผู้กระทำการดังกล่าว เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net