Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ที่ผ่านมาผมไม่ได้แสดงความเห็นเรื่องคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว มาถึงวันนี้ก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้เนื่องจากไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความถูกต้องหรือไม่ของทรัพย์สินนี้ แต่ที่จะแสดงความเห็นต่อไปนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับกรณีนี้ที่ผมเห็นว่ากำลังเกิดความไม่ยุติธรรมขึ้นอย่างชัดเจน สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังจะมีผลเสีย เป็นปัญหามากขึ้นต่อกระบวนการยุติธรรมและหลักนิติธรรมของประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นห่วงว่ารัฐบาลและผู้สนับสนุนรัฐบาลกำลังวางแผนกันอย่างเป็นระบบเพื่อใช้กรณีนี้ ใส่ร้ายประชาชนที่เคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยหรือแม้กระทั่งอาจลามปามไปถึงขั้นปราบปรามประชาชนด้วย

กรณีทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวควรถูกยึดหรือไม่ คงต้องให้ผู้ที่รู้ข้อมูลจริงๆเป็นผู้อธิบาย และเมื่อมีคำวินิจฉัยออกมาแล้วก็คงเป็นหน้าที่ของนักวิชาการ นักกฎหมายและผู้สนใจจะศึกษาได้วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเหมาะสมให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไป แต่ที่เห็นความไม่เป็นธรรมอย่างชัดเจนที่เกิดขึ้นแล้วมี ๓ ประเด็นด้วยกัน

๑) การใช้ คตส. ซึ่งคณะรัฐประหารแต่งตั้งขึ้นมาจากบุคคลที่ประกาศตนเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับพ.ต.ท.ทักษิณอย่างโจ่งแจ้งมาทำหน้าที่ในการสอบสวน โดยไม่จำเป็นต้องทำตามกฎหมาย เนื่องจากได้รับการคุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญมาตรา๓๐๙

๒) ผู้มีอำนาจหน้าที่ทั้งจงใจ สั่งการ และปล่อยปละละเลยให้มีการแสดงความเห็นต่อคดีนี้ในลักษณะพูดฝ่ายเดียว คือ พูดแต่ในทางที่เป็นผลร้ายต่อผู้ถูกกล่าวหาหรือปัจจุบันคือจำเลย สร้างกระแสให้ยึดทรัพย์ เข้าข่ายกดดันศาลกันตามอำเภอใจ ผู้ที่กระทำการดังกล่าวนี้มีทั้งคนสำคัญในรัฐบาล พันธมิตรฯ สื่อมวลชนบางรายโดยเฉพาะสื่อมวลชนของรัฐบาล และล่าสุดคืออดีตกรรมการคตส.เอง โดยที่สังคมเกือบไม่มีโอกาสได้ยินคำอธิบายชี้แจงของอีกฝ่ายหนึ่งเลย

๓) มีการสร้างกระแสโดยรัฐบาลและผู้สนับสนุนรัฐบาลผ่านสื่อมวลชนของรัฐอย่างต่อเนื่องเพื่อใส่ร้ายการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยว่า ต้องการใช้ความรุนแรงเพื่อกดดันศาลและจะเกิดความรุนแรงอย่างมากหลังการตัดสินคดี ทั้งๆที่ยังไม่มีใครรู้ผลของการตัดสินคดีนี้ การใส่ร้ายที่ผ่านสื่อของรัฐบาลยังได้เลยเถิดไป การสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นต่อประชาชนด้วยการกล่าวหาว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต้องการล้มล้างสถาบัน จนอาจมองได้ว่ารัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงกำลังสร้างเงื่อนไขเตรียมการในการปราบประชาชน

ผมมีข้อข้องใจและคำถามที่ขอถามไปยังนายกรัฐมนตรีว่า การที่นายกรัฐมนตรีและพวก พูดในทางคาดการณ์ว่าหลังการตัดสินจะมีความรุนแรงมากขึ้นนั้น นายกรัฐมนตรีกับพวกรู้ผลการตัดสินคดีนี้กันล่วงหน้าแล้วหรืออย่างไร เหตุใดนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลนี้ จึงปล่อยให้สื่อมวลชนของรัฐบาลกดดันศาลและยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังในลักษณะปูทางไปสู่การปราบปรามประชาชน

นอกจากนี้ขอถามไปยังผู้มีอำนาจหน้าที่ว่า เหตุใดจึงปล่อยให้มีการพูดสร้างกระแสที่หวังผลต่อคดีและต้องการให้สังคมตัดสินไปเสียก่อนศาลกันอย่างนี้ และจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหนึ่งเขามีโอกาสชี้แจงเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมจากสังคมบ้าง

ถึงแม้ว่าคดีนี้เป็นเรื่องการยึดทรัพย์ของคนครอบครัวเดียว ที่อาจไม่ใช่เรื่องที่คนทั้งประเทศจะต้องเป็นทุกข์เป็นร้อนแทน แต่เรื่องนี้ก็เป็นที่สนใจของคนจำนวนมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ และที่สำคัญกว่านั้นก็คือผลที่จะเกิดขึ้นต่อความน่าเชื่อถือของระบบยุติธรรมและการยึดหลักนิติธรรมของประเทศ

ไม่แน่ว่า เมื่อผลตัดสินออกมาจะเป็นปัญหาต่อระบบยุติธรรมและหลักนิติธรรมของประเทศเหมือนกับอีกหลายๆกรณีหรือไม่ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ผู้ใฝ่หาความยุติธรรมทั้งหลายต้องช่วยกันติดตาม

          
      

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net