Skip to main content
sharethis

ที่วัดเขาโบสถ์ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงและชาวบ้านร่วมปิดทอง 300 แผ่น แก้บนกรณีกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนที่ดินทั้ง 52 แปลง ของบริษัทสหวิริยาที่มีเอกสารสิทธิ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ รวมเนื้อที่เกือบ 1,000 ไร่ หลังจากตรวจสอบมาตั้งแต่ปี 2535

 
 
21 ม.ค. 53 เวลา 8.30 น. ที่วัดเขาโบสถ์ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงและชาวบ้านร่วมปิดทอง 300 แผ่น แก้บนกรณีกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนที่ดินทั้ง 52 แปลง ของบริษัทสหวิริยาที่มีเอกสารสิทธิ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ รวมเนื้อที่เกือบ 1,000 ไร่
 
นายวิฑูรย์ บัวโรย  ประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงกล่าวว่า  ที่ดินจำนวน 52 แปลงนี้ได้มีการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์มาตั้งแต่ปี 2535 และเรื่องก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ กระทั่งกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนอีกครั้งกับกรมที่ดินเมื่อปี 2549 และทางกรมที่ดินได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการในการเพิกถอนในปี 2550 แต่เรื่องก็ยังคงเงียบอยู่ จนเมื่อวันที่ 23 พ.ย.52 ทางกลุ่มได้เดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อไปยื่นหนังสือที่กรมที่ดินอีกครั้งได้พบกับรองอธิบดีกรมที่ดิน นายมงคล อินทร์สุวรรณ เพื่อให้กรมที่ดินเร่งการดำเนินการตรวจสอบที่ดินดังกล่าว เนื่องจากเป็นกรณีที่ใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบร่วม 20 ปี และทางรองอธิบดีรับปากว่าจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยขอเวลาในการทำงาน 30 วัน หลังจากนั้นตัวแทนชาวบ้านได้ติดตามสอบถามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จนกระทั่งในวันที่ 23 ธ.ค. 52 ที่ผ่านมาทางกลุ่ม ก็ได้เดินทางไปทวงคำตอบซึ่งก่อนออกเดินทางตัวแทนชาวบ้านได้บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองบางสะพาน คือ หลวงปู่อินทร์และหลวงปู่ท้วม ว่าขอให้กรมที่ดินนำที่ป่าสงวนคืนให้กับแผ่นดินให้ได้   และก็ได้รับคำตอบว่าภายในเดือนมกราคม2553จะเสร็จเรียบร้อย
 
วิฑูรย์กล่าวต่อว่า จากนั้นมีจดหมายจากกรมที่ดินเลขที่ มท 0516.2(4)/665 ลงวันที่ 11 ม.ค. 53 ส่งมาที่ตนเองซึ่งเป็นประธานกลุ่มอนุรักษ์ว่าทางกรมที่ดินได้มีคำสั่งเพิกถอนที่ดินทั้ง 52 แปลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีคำสั่งเพิกถอนลงวันที่ 5 ม.ค. 53
 
 
“วันนี้พวกเราจึงรวมตัวกันมาแก้บนที่ในที่สุดกรณีการเพิกถอนที่ดินที่มีระยะเวลาการดำเนินการยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ได้บรรลุผลในระดับหนึ่ง แต่ผมและชาวบ้านที่นี่ก็จะยังคงติดตามกรณีการเพิกถอนนี้อย่างใกล้ชิดเพราะเชื่อว่าทางบริษัทจะต้องมีการยื่นอุทธรณ์อย่างแน่นอน แต่ผมก็อยากให้ทางกระทรวงทรัพย์ฯโดยเฉพาะคุณศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช  ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ ที่ได้ให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับลงวันที่ 13 ม.ค. 53 ว่าจะมียุทธการพิทักษ์ป่าทั่วประเทศ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาดกับผู้ที่บุกรุก และจะประกาศให้ผู้ครอบครองหรือบุกรุกพื้นที่มาแสดงตนถ้าไม่มาก็จะเข้ารื้อถอนและดำเนินตามกฎหมาย ถ้าเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมต่างๆ กระทรวงจะเข้าไปดำเนินการยึดพื้นที่และปลูกป่าทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรอให้คดีสิ้นสุดตามกฎหมายนั้นหากคุณศักดิ์สิทธิ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำได้ตามที่ให้สัมภาษณ์ไว้จริง พื้นที่ป่าในประเทศไทยที่จะกลับมาเป็นสมบัติของแผ่นดินจะเพิ่มขึ้นอีกมากมายอย่างแน่นอน”วิฑูรย์กล่าว
 
ด้านนายสุพจน์ ส่งเสียง จากกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงกล่าวว่า “นี่เป็นสิ่งที่แสดงเห็นว่าการใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐที่ให้ความเป็นธรรมต่อประชาชนอ่อนแอและล่าช้ามากประชาชนจึงต้องหันมาพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธ์อีกทางหนึ่ง จึงเป็นที่มาของการบนบานศาลกล่าวในเรื่องการเพิกถอนซึ่งหลังจากบนบานก็ใช้เวลาเพียงเดือนเศษก็มีคำสั่งเพิกถอนออกมาอย่างเป็นทางการ ชาวบ้านจึงรวมตัวกันมาแก้บนโดยการปิดทอง 300 แผ่นและลอดโลงบรรจุร่างหลวงปู่ท้วม วัดเขาโบสถ์ เพื่อเป็นสิริมงคลและเป็นกำลังใจในการต่อสู้ให้ชาวบ้านในการปกป้องดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยจากมลพิษของอุตสาหกรรมต่อไป”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net