11 ก.พ.53 นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา ร่วมกันแถลงกรณีอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง 5 ผู้ต้องหาแก๊งค้าอาวุธสงครามประกอบด้วย
นายอิสยาส อิสวาคอฟ ( IIyas Issakov ) อายุ 56 ปี สัญชาติคาซัคสถาน นักบินที่ 1 , นายวิคเตอร์ อับดุลลายัฟ (Viktor Abdullayev) อายุ 58 ปี สัญชาติคาซัคสถาน เนวิเกเตอร์ , นายมิคคาอิล พีทูคู (Mikhail Petukou) อายุ 54 ปี สัญชาติเบลารุส ช่างเครื่องยนต์ , นายอเล็กซ์ซานดะ ไซร์บาเนฟ (Alexandr Zrybnev) อายุ 53 ปี สัญชาติ คาซัคสถาน ช่างเทคนิค และนายวิทาลี ชุมคอบ (Vitaliy Shunkov) อายุ 54 ปี สัญชาติคาซัคสถาน นักบินที่ 2 ที่ถูกจับกุมได้ขณะนำเครื่องบินบรรทุกอาวุธสงครามร้ายแรงลงจอดที่สนามบินดอนเมือง เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา และถูกแจ้งข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.ศุลกากร ,พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน พ.ศ.2490, พ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 , พ.ร.บ.การเดินอากาศไทย พ.ศ. 2479
นายธนพิชญ์กล่าวว่า สำนักงานอัยการพิจารณาแล้ว เห็นว่า กรณีนี้กล่าวหาผู้ต้องหาทั้งห้า ขนอาวุธสงครามผ่านแผ่นดินไทย โดยไม่ได้หมายความความว่าอาวุธดังกล่าวเตรียมนำมาใช้ในราชอาณาจักรไทย แต่ผู้ต้องหาทั้งห้า มีความจำเป็นนำเครื่องบินขนอาวุธลงจอด เพื่อเติมน้ำมัน เห็นว่าผู้ต้องหาทั้งห้าเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งตามมติ UNSC ที่ 1874 (2009) มิได้ระบุให้ดำเนินการกับลูกเรือ ประกอบกับประเทศคาซัคสถาน และเบลารุส ได้ยีนคำร้องผ่านกระทรวงการต่างประเทศไทยปล่อยตัวผู้ต้องหากับไปดำเนินการสอบสวนตามกฎหมายตามประเทศเจ้าของสัญชาติ
เห็นว่าการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งห้าในประเทศไทย อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธไมตรีต่อประเทศ อีกทั้ง การฟ้องคดีนี้ก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะของราชอาณาจักรไทย ดังนั้น อัยการจึงมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งห้าในทุกข้อกล่าวหา ตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 ข้อ 78 และของกลางในคดีให้พนักงานสอบสวนจัดการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85 ส่วนการส่งมอบผู้ต้องหาให้กับประเทศเจ้าของสัญชาติจะเป็นไปไปตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ต่อไป
ที่มา: เว็บไซต์มติชน