ทะเลสาบสงขลา ส่อวิกฤติ หอยกะพงเทศระบาด หวั่นทำลายระบบนิเวศ กระทบประมง

นักศึกษา มอ. พบหอยกะพงเทศ ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นจากทวีปอเมริกา ระบาดในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา หาดแก้วลากูน ท่าเรือน้ำลึก จ.สงขลา ระบาดหนัก และกำลังแพร่กระจายเข้าสู่ทะเลสาบสงขลา ระบุหากไม่มีมาตรการป้องกันและกำจัดอาจจะส่งผลเสียหายต่อระบบนิเวศ และเศรษฐกิจอย่างมหาศาล 

                                   

นางสาวกริ่งผกา วังกุลางกูร นักศึกษาปริญญาโท ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผู้ทำการศึกษาวิจัยการแพร่ระบาดของหอยกะพงเทศ ในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดยการสนับสนุนของโครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย (โครงการ BRT) ภายใต้การสนับสนุนของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 ได้มีการสำรวจพบหอยสองฝาชนิดหนึ่งเกาะกลุ่มหนาแน่นบริเวณหาดแก้วลากูน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกับปากทะเลสาบสงขลา และ ท่าเรือน้ำลึก จ.สงขลา หลังผู้เชี่ยวชาญด้านอนุกรมวิธานหอยสองฝาวิเคราะห์ ระบุว่าเป็น หอยกะพงเทศ (Mytilopsis adamsi Morrison, 1946) สัตว์น้ำต่างถิ่นที่มีแหล่งกำเนิดในตอนกลางของทวีปอเมริกาด้านฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค

 “หอยกะพงเทศ เป็นหอยสองฝาที่มีต้นกำเนิดในตอนกลางของทวีปอเมริกา แต่มีการแพร่กระจายพันธุ์ รุกรานไปในประเทศต่างๆ หลายประเทศ เช่น เช่น อินเดีย ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เป็นต้น สำหรับการแพร่กระจายนั้น คาดว่าน่าจะติดมากับน้ำในถังอับเฉาเรือเดินสมุทรที่มีตัวอ่อนของหอยกะพงเทศเจริญเติบโตอยู่ หรือจากตัวเต็มวัยที่เกาะติดมากับตัวเรือ และได้มาแพร่พันธุ์ในพื้นที่ โดยเฉพาะในบริเวณหาดแก้วลากูน เป็นบริเวณอยู่ใกล้กับท่าเรือน้ำลึก” น.ส.กริ่งผกา กล่าว
           
จากการศึกษาวิจัยการแพร่กระจาย และการดำรงชีวิตของหอยกะพงเทศ พบว่าเป็นหอยที่ทนทานต่อความเค็มและอุณหภูมิได้ในช่วงกว้าง รวมทั้งทนต่อมลภาวะได้ดี และมีความสามารถในการสร้างกลุ่มประชากรหนาแน่นซึ่งเป็นการกำจัดสิ่งมีชีวิตพวกเกาะติดอื่นๆ และนอกจากนี้ยังสามารถยึดเกาะได้บนทุกพื้นผิววัสดุที่จมน้ำ ดังนั้นการครอบครองพื้นที่ของหอยกะพงเทศจึงสามารถก่อให้เกิดปัญหาต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ความสมดุลของระบบนิเวศ และปัญหาทางเศรษฐกิจ
 
น.ส. กริ่งผกา กล่าวต่อว่า จากการสำรวจเบื้องต้นพื้นที่ชายฝั่งของทะเลสาบสงขลา (ทะเลสาบตอนล่าง) และพบหอยกะพงเทศจำนวนมากที่บริเวณปากคลองวง บ้านบ่ออ่าง และตำบลสทิงหม้อ แสดงให้เห็นว่าขณะนี้หอยกะพงเทศได้รุกรานเข้าสู่ทะเลสาบสงขลาแล้ว
 
 
นอกจากนี้ จากการศึกษาความแปรผันของการเข้าสู่พื้นที่บริเวณหาดแก้วลากูน พบช่วงที่หอยกะพงเทศขยายพันธุ์ และเพิ่มจำนวนประชากร 2 ช่วงในรอบปี คือ ช่วงเดือนกรกฎาคม และเดือนมกราคม โดยมีความสัมพันธ์กับความเค็มของน้ำ และความหนาแน่นของแพลงก์ตอนพืชที่เป็นอาหารของหอยกะพงเทศ หากน้ำมีความเค็มต่ำ และมีแพลงก์ตอนพืชจำนวนมาก หอยกะพงเทศมีขยายพันธุ์และมีความหนาแน่นของประชากรหอยมากขึ้น การลงเกาะของหอยกระพงเทศจะเกาะกลุ่มหนาแน่นบนพื้นดิน เลน หรือวัสดุจมน้ำ จึงจำกัดการลงเกาะของสิ่งมีชีวิตเกาะติดชนิดอื่นๆ ก่อให้เกิดปัญหาต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ความสมดุลของระบบนิเวศ นอกจากนี้ การลงเกาะบนตาข่ายกระชัง และเครื่องมือประมงของชาวบ้าน ยังทำให้เกิดปัญหากระแสน้ำไม่หมุนเวียนและทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องมือประมงลดลง อาจส่งผลถึงปัญหาทางเศรษฐกิจในบริเวณดังกล่าว
 
ทั้งนี้ จากข้อมูลการศึกษาชีววิทยาของหอยกะพงเทศ คาดว่ามีความน่าจะเป็นที่จะเกิดการระบาดของหอยกะพงเทศในทะเลสาบสงขลา ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรทางการประมงที่สำคัญของคนในท้องถิ่นได้ ดังนั้นหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องจึงควรหันมาให้ความสำคัญกับการป้องกันการแพร่ระบาดและควบคุมประชากรหอยกะพงเทศ ก่อนจะเกิดการระบาดอย่างรุนแรง และสายเกินแก้ไข โดยเริ่มจากการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับชีววิทยาพื้นฐานของหอยกะพงเทศ ซึ่งจะข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการกับสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นชนิดนี้ต่อไป

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท