จตุพรเปิดเอกสารลับกวาดล้างแดง พลิกเกมไม่ชุมนุมใหญ่ บิ๊กจิ๋วย้ำ 'สันติวิธี' ไม่มีทางอื่น

จตุพรเปิดเอกสารลับของหน่วยความมั่นคง 37 หน้า ไล่จับแกนนำยัดข้อหาไม่จงรักภักดี สร้างสถานการณ์ป่วนเตรียมสลายชุมนุมเสื้อแดง ประกาศไม่เดินตามเกมรัฐบาล ‘บิ๊กจิ๋ว’ ลั่นไม่มีทางอื่นนอกจากสันติวิธี 

16 ก.พ.53 สื่อมวลชนรายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ได้แถลงข่าวพร้อมกับนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการแผนปฏิบัติการรับมือคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นเอกสารลับจำนวน 37 หน้า ของหน่วยงานความมั่นคงที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธาน เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมาว่า ในการประชุมวันดังกล่าว ตนได้รับการติดต่อจากนายพลคนหนึ่งที่อยู่ร่วมประชุม พร้อมกับนำเอกสารดังกล่าวมามอบให้ ซึ่งเป็นเอกสารล้อมปราบประชาชนเหมือนกับเหตุการณ์สงกรานต์เลือด และโมเดล 6 ต.ค. โดยหัวใจของเอกสารชุดนี้มีการระบุแนวความคิดในการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และต่างจังหวัด ที่เป็นพื้นที่เพ่งเล็ง 38 จังหวัด กำหนดให้มีการเสนอจับกุมแกนนำ 1 คน เพื่อลดจำนวนผู้ชุมนุม 1,000 คน และระบุว่าโรงพยาบาลศิริราช เขตพระราชฐาน และทำเนียบรัฐบาล เป็นพื้นที่สำคัญที่ต้องรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเคร่งครัด ซึ่งตนทราบข่าวมาว่าในช่วงสัปดาห์นี้ถ้าจะมีคนใส่เสื้อแดงไปก่อเหตุแล้วถูกจับได้ก็ถือเป็นการสร้างสถานการณ์ให้สอดคล้องกับแผนล้อมปราบคนเสื้อแดง เวลานี้มีการเตรียมชุดดังกล่าวก่อเหตุจากกระทรวงมหาดไทย และมีโครงการที่จะปล่อยซีดีและหนังสือแดงล้มเจ้าจำนวน 1 ล้านชุดไปตามต่างจังหวัด ก่อนจะตระเวนจับกุมแกนนำในข้อหาไม่จงรักภักดี โดยฝ่ายรัฐวางแผนที่จะลงมือในสัปดาห์นี้ ดังนั้นหน่วยงานที่รักษาความปลอดภัยให้กับสถาบันอย่างได้วางใจกับกองทัพ และขอให้ประชาชนคนเสื้อแดงไปแจ้งความทุก สน. ในพื้นที่

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ในแผนดังกล่าวได้มีการเตรียมกำลังใน กทม. 51 กองร้อย เป็นกำลังหนุนในพื้นที่ กทม. 38 กองร้อย ในต่างจังหวัด 13 กองร้อย มีการระบุว่ากำลังดังกล่าวไม่มีชุดโล่ กระบองถึง 28 กองร้อย เท่ากับว่าเป็นกำลังที่ต้องถือปืนเอ็ม 16 ทั้งยังพบด้วยว่ามีการกำหนดพื้นที่ที่ต้องเฝ้าดูคนเสื้อแดงคือ บ้านสี่เสาเทเวศร์ ดังนั้นขอประกาศว่าครั้งนี้คนเสื้อแดงจะไม่เดินตามเกมของรัฐ แต่เราจะกำหนดแผนขึ้นใหม่ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเสื้อแดงไม่ประกาศชุมนุมใหญ่ เพื่อไม่ให้รัฐบาลรู้ถึงแผนของเรา
 
นายกฯ ลงนามแต่งตั้ง คตม. ขึ้นมาจัดการเป็นพิเศษ
วันเดียวกัน ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) ว่า ได้ลงนามในคำสั่งเรียบร้อยแล้ว ส่วนการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวจะสามารถช่วยอะไรได้นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพื่อให้มีกลไกเพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อติดตามเฝ้าระวังและมีข้อเสนอแนะในการที่จะมีมาตรการในการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ได้
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแต่งตั้ง คตม.ตามมาตรา 11 วรรค 6 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหาราชการแผ่นดิน ปี 2534 มีจำนวน 24 ตำแหน่ง โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธาน รมว.กลาโหม เป็นรองประธานกรรมการ มีรมว.ศึกษาธิการ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ผบ.เหล่าทัพ และปลัดกระทรวงด้านความมั่นคง เป็นกรรมการ มีเลขาธิการสภาความมั่นคง เป็นกรรมการและเลขานุการ เป็นต้น
นายปณิธาน กล่าวว่า อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้ มีประมาณ 7 ประการได้แก่ 1. ติดตามตรวจสอบและประเมินแนวโน้มสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐและประชาชน 2.เสนอแนะและประสานการทำงานกับหน่วยงานด้านความมั่นคง และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง วางแผนเตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหา 3.เสนอมาตรการและแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ่น 4. ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานของรัฐ ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของกรรมการ 5.เชิญบุคคลหรือคณะบุคคลมาให้คำปรึกษา หรือแนะนำการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ 6.แต่งตั้งอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือบุคคลเพื่อพิจารณา หรือดำเนินการตามที่คณะกรรมการมอบหมาย และ 7.ให้ส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนด้านบุคลากรและงบประมาณ ในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการและให้สนับสนุนแก่หน่วยงานรัฐที่ได้รับการประสาน ให้ปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อยจากคณะกรรมการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงขณะนี้รัฐบาลประเมินสถานการณ์ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ถึงขั้นต้องใช้ พ.ร.บ.มั่นคงหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการประเมิน หากผู้ชุมนุมอยู่ในกรอบก็ใช้กฎหมายปกติ ซึ่งปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางแผนการทำงาน เพื่อให้เกิดความรัดกุมไปแล้ว แต่เมื่อมี คตม.เข้ามา ก็จะทำการเฝ้าระวัง และเพิ่มความเข้มงวดให้รัดกุมมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจ ซึ่งขั้นนี้ยังอยู่ในช่วงเหตุการณ์ปกติ โดย คตม.จะประเมินสถานการณ์วันต่อวัน หรือต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ซึ่งดูตามสถานการณ์จริงเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และปรับแผนการทำงานตามที่ประเมินได้
ส่วนกรณีที่ต่างประเทศได้แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวให้เฝ้าระวังสถานการณ์ในประเทศไทย นายปณิธาน กล่าวว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ต่างพบกับผู้นำ ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ภายในประเทศไปแล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่น่ากังวล ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการโอนเงินเพื่อเตรียมให้กลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนไหว นายปณิธาน กล่าวว่า เข้าใจว่า อาจจะมีการตรวจสอบอยู่เป็นระยะ ซึ่งจะตรวจสอบทุกกลุ่ม ขณะนี้บางส่วนได้มีรายงานมาแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติจะดำเนินการไปอย่างต่อเนื่องโดยที่ฝ่ายบริหารจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
 
สมช.ยันรัฐบาลไม่มีแผนล้อมปราบเสื้อแดง
ด้านนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมเสนอตั้งคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) ต่อครม.ว่า เป็นการดำเนินการเพื่อรักษาระเบียบสังคม รักษากฎหมายความสงบเรียบร้อย โดยจะใช้กฎหมายปกติ และใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองเป็นหลัก ส่วนกฎหมายพิเศษหรือกฎหมายความมั่นคง แม้จะให้อำนาจรัฐหลายประการในการดูแลความสงบเรียบร้อยได้ดีขึ้น
แต่รัฐบาลตระหนักดีว่า เป็นกฎหมายที่มีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพ ดังนั้นกฎหมายพิเศษต้องใช้เฉพาะที่จำเป็น และใช้เท่าที่จำกัด ให้กระทบต่อสิทธิเสรีภาพประชาชนน้อยที่สุด ขณะนี้มีการประเมินสถานการณ์ว่า อาจมีความไม่สงบเรียบร้อย มีการยั่วยุ หรือมีการชุมนุมเรียกร้องของคนบางกลุ่ม อาจมีมือที่สามเข้ามาผสมโรง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่ต้องเตรียมการ แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะใช้กฎหมายความมั่นคง เมื่อประเมินสถานการณ์ทุกอย่างแล้ว ฝ่ายความมั่นคงจึงมีมติตั้ง คตม.มาติดตามสถานการณ์ เพื่อรายงานสถานการณ์ต่อนายกรัฐมนตรี เป็นระยะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการรายงานเหตุรุนแรงในช่วงก่อน 7 วันอันตรายหรือไม่ นายถวิลตอบว่า มีหลายเหตุการณ์อย่างที่ทราบกันดีว่าอาจมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มยั่วยุแสดงความต้องการต่างๆ และบางกลุ่มที่ไม่ทราบว่าใครเป็นใคร ซึ่งฝ่ายความมั่นคงต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย อย่างไรก็ดี ยังไม่มีรายงานว่ามีการพบการขนอาวุธเข้ามาตามชายแดน เพื่อเตรียมก่อเหตุ
ส่วนการที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง อ้างเอกสารการประชุมสมช.ว่า รัฐบาลจะใช้ความรุนแรง นายถวิล กล่าวว่า รัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงประกาศชัดเจนว่า ไม่มีการใช้ความรุนแรง ซึ่งการประชุมฝ่ายความมั่นคงในวันที่ 15 ก.พ. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงพูดชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจะไม่พกอาวุธ จะใช้เครื่องมือควบคุมฝูงชนตามสากลเท่านั้น และในที่ประชุมก็ไม่มีการพูดถึงเรื่องการใช้ความรุนแรง
ส่วนการที่กลุ่มนปช.เปิดเผยว่ารัฐบาลมีเอกสารลับที่มีแผนใช้ความรุนแรงจัดการกับกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น นายปณิธาน กล่าวว่า ไม่มีเรื่องแผนลับอะไร การประชุมต่างๆของฝ่ายความมั่นคงจะมีเรื่องของแผนปฏิบัติการในการเฝ้าระวังหรือการดำเนินการต่างๆ อาจมีการระบุสถานที่สำคัญต่างๆ ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าอาจมีความคลาดเคลื่อนในเรื่องของข้อมูลต่างๆ แต่เมื่อมีการตั้งข้อสังเกต เราก็สามารถชี้แจงได้ เพราะแผนปฏิบัติการเหล่านี้ต้องเข้าสู่การตรวจสอบโดยระบบภายในหรือระบบของรัฐสภา อีกทั้งยังมีการตรวจสอบของสื่อมวลชนและภาคประชาชนที่จะเป็นส่วนสำคัญในการทำให้เราทำงานดีขึ้น
 
สุเทพ แจงตั้งกก.พิเศษเพื่อประสิทธิภาพ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวกรณีกลุ่มเสื้อแดงประกาศอาจไม่ชุมนุมวันที่ 26 ก.พ.เพราะเกรงว่าจะไปเข้าล๊อกของรัฐบาล ว่า ดีเลย ต้องขอขอบคุณเพราะสถานการณ์จะได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ถือว่าเป็นกุศลขอให้ทำอย่างนี้ตลอดไป ไม่สร้างความวุ่นวาย ไม่สร้างปัญหาให้กับบ้านเมือง ทำให้ประชาชนคนไทยพลอยได้รับอานิสงค์ ประเทศไทยจะไม่เสียชื่อเสียง รัฐบาลจะได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาต่อไป ขอให้เป็นจริงอย่างที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศ แม้ว่าขณะนี้สงครารมข่าวสารยังไม่ยุติก็ไม่เป็นไร ขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลข่าวสารจากทุกฝ่าย เพื่อไตร่ตรองข้อเท็จจริง ความจริงก็ย่อมเป็นความจริง ไม่ว่าจะมีการบิดเบือนหรือเบียงเบนก็ตาม แต่ก็ไม่เกินสติปัญญาของคนไทย ที่สามารถเข้าถึงความจริงได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศอาจจะไม่ชุมนุมในวันที่ 26 ก.พ. รัฐบาลจะมีแผนการรับมือเข้มข้นหรือไม่ และจะสามารถนิ่งนอนใจได้อย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามทำในเชิงป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุขึ้น จะประมาทไม่ได้ เพราะเคยเกิดเหตุขึ้นมาแล้ว การประมาทของเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐจะทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง และพี่น้องประชาชน ฉะนั้นเราต้องดูแลติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนมาตรการในการป้องกันนายกรัฐมนตรีและบ้านบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลจะระมัดระวังโดยทั่วไป ไม่ว่าการตั้งด่านตรวจ มีเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน ทั้งมอเตอร์ไซต์และการเดินเท้าเป็นการเฝ้าระวัง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง จะนำแผนลับและขั้นตอนต่าง ๆ สกัดการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ฝ่ายความมั่นคงมีการประชุมเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีนายกรัฐมนตรีและนายสุเทพเข้าร่วมประชุมด้วยมาเปิดเผยต่อสาธารณะชน นายสุเทพ กล่าวว่า ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีแผนลับสกัดใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องเปิดเผย พี่น้องประชาชนต้องทราบว่ารัฐบาลทำอะไรอย่างไร เหตุใดจึงทำอย่างนั้น ในยุคสมัยนี้ต้องให้เจ้าของประเทศคือประชาชนรับทราบข้อมูลให้มากที่สุด ทุกครั้งที่การประชุมตนก็จะเปิดเผยต่อสื่อมวลชนตลอด
เมื่อถามว่า นายจตุพร ยังอ้างเอกสารลับว่ารัฐบาลเตรียมไปสร้างสถานการณ์ที่ รพ.ศิริราช และโยนความผิดให้กลุ่มคนเสื้อแดง นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นการพูดจาโกหกพกลมไปเรื่อย พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง แต่ไม่เป็นไร รัฐบาลจะพยายามชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยมีการประชุมเรื่องนี้ ไม่มีเอกสารลับ ไม่มีการประชุมลับ ไม่เคยมีแผนลับ แล้วจะเอาเอกสารมาจากที่ไหน ตนไม่เคยเห็นเอกสาร ไม่รู้เรื่องว่ามีการประชุมลับ แต่ไม่เป็นไรขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงแถลงมาให้ชัดก่อน และตนจะออกมาชี้แจงให้ทราบ พูดไปตอนนี้เหมือนเป็นการคาดการณ์ เปลืองเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เพราะเหตุใดจึงมีการตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาติดตามสถานการณ์ นายสุเทพ กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีการประชุมเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคง การทำงานก็จะรับรู้เฉพาะด้านความมั่นคง ดังนั้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์จึงให้ส่วนราชการอื่นๆ เข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับทราบไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเกิดความเข้าใจถึงบทบาทและหน้าที่ของตัวเองในสถานการณ์ต่าง ๆ ว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อรับมือและเดินไปพร้อม ๆ กัน ในการแก้ไขปัญหา และจะได้ติดตามว่าใครทำอะไรได้ขนาดไหน
 
’บิ๊กจิ๋ว’ ลั่นไม่มีทางอื่นนอกจากสันติวิธี
ด้านพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า ได้พูดให้ที่ประชุมฟังถึงสถานการณ์ทั่วไปว่า ขณะนี้ไม่มีทางอื่นนอกจากการใช้สันติวิธี แต่คนที่พูดก็ต้องด้วยความสำนึกและความเข้าใจด้วย ไม่ใช่แค่พูดเล่นๆ ในอดีตที่ผ่านมาเราก็เคยใช้แนวทางนี้ได้ผลมาแล้วในการยุติความขัดแย้งของบ้านเมือง รวมทั้งกับประเทศเพื่อนบ้านเช่น มาเลเซีย หรือกัมพูชา ดังนั้นเมื่อสถานการณ์ขณะนี้มีการเร่งร้าวให้เกิดสถานการณ์ อยากจะให้คนรู้ว่าอาจจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น ก็ต้องคิดให้ดีว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่ มีอะไรที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง เราต้องระมัดระวังให้ดี และยึดมั่นในแนวทางของเราที่จะใช้สันติวิธี 
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเหตุลอบวางระเบิดในสถานที่สำคัญต่าง ๆ นั้นจะเป็นผลดีให้กับฝ่ายใด พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า อาจจะเกิดอะไรขึ้นอีกก็ได้ในบ้านเมือง เพราะเมื่ออยู่ในวงจรของสถานการณ์ที่มีการเร่งเร้าดังนั้นต้องระมัดระวังให้ดี ซึ่งก็เคยบอกหลายครั้งแล้วว่าต้องช่วยกันป้องกันเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นไม่ใช่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอยู่ฝ่ายเดียว ใครก็แล้วแต่ที่อาจจะวางแผน หรือคิดสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นล้วนเป็นอันตรายทั้งนั้น ดังนั้นเราต้องช่วยกันดูอย่างเต็มที่ อย่าให้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ส่วนกรณีที่มีเหตุลอบวางระเบิดเกิดขึ้นแล้วจะมาบอกว่าจะไปเอางบลับ 50 ล้านบาท เพื่อมาป้องกันนั้นคงไม่ใช่อย่างนั้น แต่ต้องมีการดำเนินการสืบสวนจนสามารถจับกุมตัวมาให้ได้จึงจะถูกต้อง
 
สำหรับการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 26 ก.พ.นั้นมองว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่าเคยบอกแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ และไม่มีทางที่จะเป็นแบบนั้น เรามีประสบการณ์กันมามากแล้ว การใช้ความรุนแรงนั้นมีแต่จะสร้างความเจ็บปวดใจ ซึ่งทุกคนต่างก็รู้และเข้าใจกันดีอยู่แล้ว แต่ประเด็นสำคัญคือ ความสมานฉันท์เกิดขึ้นได้ เมื่ออีกฝ่ายเข้าใจถึงจิตใจของอีกฝ่ายหนึ่ง ให้เกียรติเขาแล้วก็มาพูดคุยกัน นั่นคือหัวใจของการแก้ปัญหา ไม่ใช่โยนให้กันอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ มันไม่ถูกต้อง ต้องแก้ไข
ส่วนกรณีที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ออกมาให้สัมภาษณ์เชิงข่มขู่ในทำนองว่าอาจจะมีการใช้ความรุนแรงนั้น พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ไม่ถูกต้อง ซึ่งก็คงต้องไปถามพล.ต.ขัตติยะ ตรงๆว่าเป็นเพราะอะไร แต่ถ้าถามตนในฐานะที่ดูสถานการณ์นั้นก็มองว่าไม่ถูกต้อง และก็ไม่ใช่แค่พล.ต.ขัตติยะเท่านั้น ใครก็ตามที่พูดแบบนี้ต้องถือว่าไม่ถูกต้องทั้งนั้น 
 
พล.อ.ชวลิต ยังกล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มนปช.นำสำเนาเช็คจากคณะ 11 ที่สั่งจ่ายให้กับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ออกมาเปิดเผยและเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบนั้นมองว่าเหมาะสมหรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เป็นเรื่องส่วนตัว สนใจแต่เรื่องส่วนรวม
 
ส่วนความเคลื่อนไหวของกองทัพนั้น พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า มี 2 อย่างคือ 1.ไม่ตื่นตระหนก และ2.มีแผนการอะไรบางประการซึ่งไม่ทราบว่าคืออะไร อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องการปฏิวัตินั้นไม่น่าจะมี แต่ก็ฟังหูไว้หู เพราะที่ผ่านมาทหารยืนยันว่าไม่มีทีไรก็มักจะมีทุกที แต่ส่วนตัวขณะนี้ยังเชื่อว่าไม่น่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นแต่เป็นการทำตามแผนงานมากกว่า
 

 

เรียบเรียงข่าวจาก เว็บไซต์ไทยรัฐ เว็บไซต์เดลินิวส์ เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ และเว็บไซต์สำนักโฆษกฯ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท