Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 53 ที่ผ่านมาเว็บไซต์คมชัดลึกรายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อุดมเดช สีตะบุตร รองแม่ทัพภาคที่ 1 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปจาก พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร. 11 รอ.) ถึงภารกิจในการรักษาความสงบเรียบร้อยของการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ กลุ่มคนเสื้อแดง โดยในวันนี้ได้มีการจำลองเหตุการณ์วิกฤตภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทางรัฐบาลได้สั่งการให้จัดกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยภายในรัฐบาล โดยมีการสนธิกำลังจากเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 3 กองร้อย จากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนที่เกี่ยวข้อง รวม 3,900 นาย
         
ทั้งนี้เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการบุกรุกเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาล ทางตำรวจก็จำเป็นจะต้องใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักตามระเบียบของกฎหมาย 10 ข้อ โดยมีขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา ถ้าไม่เป็นผลก็จะใช้วิธีเครื่องมือบังคับพิเศษ ส่วนทางยุทธวิธีจะใช้เครื่องเสียง รถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา จนถึงขั้นใช้กระสุนยางเมื่อเห็นว่ามีภัยมาถึงตัวเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นก็จะใช้เจ้าหน้าที่ทหารในการเข้ามาปฏิบัติการในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานเพื่อสลายการชุมนุมต่อไป ซึ่งตำรวจจะใช้แผนกรกฎ 52 ในการดูแลฝูงในครั้งนี้
         
หลังจากนั้น นายสุเทพ ได้กล่าวว่า การฝึกทบทวนโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารเหตุการณ์วิกฤต กรณีการประกอบกำลังควบคุมฝูงชนขนาดใหญ่ ซึ่งสถานการณ์ที่ได้ทราบกันอยู่โดยปรากฎชัดเจนว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมต่าง ๆ ที่มีความขัดแย้งทางด้านความคิดได้รวมตัวชุมนุมเรียกร้องสร้างความสับสนวุ่นวายทั้งใน กทม. และ จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องบางครั้งการชุมนุมอาจจะมีความรุนแรง เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน ผู้ชุมนุมไม่ได้ปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง จะต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองไม่ให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ไม่ให้เสียหายต่อการดำรงชีวิตปกติของสุจริตชน และไม่ให้เกิดความเสียหายต่อสถานที่ราชการ และบุคคลสำคัญ ในการปฏิบัติการโดยปกตินั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นเจ้าหน้าที่หลัก และ ทหารและ กทม. ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยในเขต กทม. ที่เป็นเป้าหมายหลักในการชุมนุม เราจำเป็นจะต้องจัดความพร้อมในส่วนต่าง ๆ เพื่อที่จะดูแลให้การชุมนุมอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย
         
นายสุเทพ ยังให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลการเคลื่อนไหวของกลุ่มผุ้ชุมนุมว่า การฝึกซ้อมวันนี้พอใจที่ได้เห็นเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ และทหาร ได้ร่วมกันฝึกซ้อมกันอย่างเข้มแข็งเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทั้งหลายมีงานประจำที่จะต้องปฏิบัติอยู่แล้ว ทั้งเรื่อง เอกสาร สืบสวนสอบสวน ทำสำนวนคดีแต่ว่าเมื่อบ้านเมืองเกิดปัญหาก็จะต้องมาทำหน้าที่ในการควบคุมฝูงชนเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรี่ยบร้อย เป้าหมายใหญ่คือการให้ประชาชนดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ ฉะนั้นการฝึกซ้อมมีความจำเป็น ถ้าฝึกซ้อมดีการทำงานก็จะมีประสิทธิภาพ และจะไม่เกิดอุบัติ หรือปั้ญหาให้เรื่องราวบานปลายทั้งนี้ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษทั้งนี้เท่าที่ดูการฝึกซ้อมน่าจะดีกว่าทุกครั้ง สามารถแก้ไขเหตุการณ์ได้อย่างดีกว่าครั้งก่อน ๆ เครื่องมืออุปกรณ์พร้อม และจะไม่ทำอันตรายต่อผู้ชุมนุม และการทำงานจะต้องเป็นไปขั้นตอนกำกับฝูงที่เป็นมาตรฐานสากล ทั้งนี้จะไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปยังสถานที่ราชการทุกแห่งไม่เฉพาะทำเนียบรัฐบาล ส่วนสถานที่ราชการสำคัญก็ได้ดูแลเป็นพิเศษโดยคาดว่าจะเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนเหล่านีได้
         
เมื่อถามว่า สถานที่ราชการสำคัญ 8 จุดที่หน่วยงานด้านความมั่นคงเป็นห่วงได้กำชับให้ดูแลเป็นพิเศษอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า หลักการคือ ต้องไม่มีการบุกเข้าไปทำลายสถานที่ราชการเพราะเป็นสมบัติของประเทศ เป็นเงินภาษีของประชาชน นอกจากนี้การปิดกั้นสามแยก หรือ สี่แยก ไม่ให้การจราจรดำเนินการไปได้ ประชาชนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ต้องเกิดขึ้นไม่ได้ ส่วนการบุกรุกสถานที่ต่าง ๆ ก็จะใช้ปฏิบัติการตามสามารถ ทั้งนี้ไม่อยากให้คิดว่าการฝึกซ้อมครั้งนี้เป็นการป้องปรามเพราะเดี๋ยวจะหาว่าเป็นการท้าทาย เอาเป็นว่าเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นจะต้องทำให้เกิดความเรียบร้อย ส่วนฝ่ายข่าวก็จะต้องประเมินกันต่อไป ส่วนปฏิบัติการก็จะต้องฝึกซ้อมกันไป ทั้งนี้ในสถานการณ์ปกติจะให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในการบังคับบัญชาสั่งการเจ้าหน้าที่ แต่หากมีการประกาศใช้พื้นที่ความมั่นคงก็จะต้องมีผู้บัญชาการเหตุการณ์ไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่เป็นเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งเราติดตามเหตุการณ์ตลอด เห็นว่ากลุ่มผุ้ชุมนุมบอกว่าจะใช้วิธีการที่สันติ แต่ก็มีบางส่วนสั้งการเตรียมการให้เอาขวดน้ำมัน ถังน้ำมัน บางครั้งก็บอกว่าจะเผาสถานที่ราชการ หรือ อาวุธ รวมถึงการตั้งกองทัพประชาชนขึ้น เราเตรียมการเอาไว้ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ เราทำเพื่อไม่ประมาทเท่านั้นเอง
         
ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากที่ นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์เสร็จได้เดินเข้าไปพูดคุยกับ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว สบ. 10 พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. โดยกำชับให้ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมความพร้อมกรณีหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงให้เพิ่มความเข้มข้นในการดูแลความเรียบร้อย เนื่องจากมีความเป็นห่วงกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่อาจจะเข้ามาปะปนสร้างสถานการณ์ทำให้กิดความรุนแรง ขณะเดียวกันให้ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมเพราะเกรงว่าลุ่มคนเสื้อแดงจะให้ผู้หญิงเป็นด้านหน้าในการเผชิญกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซี่งเป็นห่วงว่าคนกลุ่มเสื่อแดงจะใช้เป็นเงื่อนไขกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ที่มาข่าว: เว็บไซต์คมชัดลึก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net