14 มี.ค.53 เวลาประมาณ 15.00 น. พระสงฆ์หลายสิบรูปซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มคณะสงฆ์อาสาเมตตาสันติ และคณะสงฆ์สังฆสามัคคี ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ระบุว่า ผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในครั้งนี้มีจำนวนมหาศาล เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามหลักพระพุทธศาสนา การเรียกร้องประชาธิปไตยในฐานะเป็นพลเมืองของประเทศไทย พระสงฆ์มีสิทธิที่จะเรียกร้องเรื่องดังกล่าวด้วยความสันติอหิงสาและเมตตา พร้อมทั้งยืนยันว่า ดำเนินการทุกอย่างตามกรอบพระธรรมวินัย กฎหมาย และกฎของมหาเถรสมาคม

โดยเนื้อหาหลักในแถลงการณ์นั้นได้ขอบิณฑบาตกองทัพทุกเหล่า หน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่าปราบปรามประชาชน โดยได้ยื่นเรื่องที่ กทม. กองทัพบก กองพลที่1 กรมทหารราบที่ 11 พรรคประชาธิปัตย์และทำเนียบรัฐบาล หากรัฐบาลปราบประชาชนก็จะเป็นทรราชย์ หรือหากไม่รับบิณฑบาตครั้งนี้ก็เท่ากับรัฐบาลกำลังแยกพระออกจากประเทศไทย

นอกจากนี้คณะสงฆ์ดังกล่าวยังยืนยันว่า สนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติย์เป็นประมุข และขอชื่นชมการเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งสงบเรียบร้อย ยิ่งใหญ่ และงดงามที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

ทั้งนี้ พระสงฆ์ดังกล่าวส่วนใหญ่เดินทางมาจากจังหวัดขอนแก่น หนองคาย นครพนม ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ จำนวนราว 1,200 รูปเพื่อมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงและใช้บริเวณสนามหลวงเป็นลานธรรม และในช่วงเย็นวันนี้มีการระบุว่า จะมีพระสงฆ์เดินทางมาเพิ่มเติมอีกรวมแล้วราว 2,000 กว่ารูป

ด้านนายวีระ มุกสิกะพงศ์ ยังกล่าวถึงปัญหาห้องน้ำที่ไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ชุมนุมว่า ในบ่ายวันนี้ (14 มี.ค.) ได้มีการติดต่อวัดโดยรอบปรากฏว่า หลายแห่งให้ความร่วมมือเปิดให้ประชาชนเข้าใช้ห้องน้ำได้ ไม่ว่าจะเป็น วัดมหาธาตุ วัดปรินายกฯ วัดบวรฯ วัดภูเขาทอง วัดเทพธิดาราม วัดมหรรณพฯ วัดเบญฯ วัดชนะสงคราม วัดอินทราราม วัดใหญ่ฯ วัดราชาธิราช วัดสามพระยา วัดนางเลิ้ง รวมไปถึงสวนสัตว์ดุสิตก็ตัดสินใจเปิดให้ประชาชนเข้าใช้ห้องน้ำแล้วเช่นกัน