(17 มี.ค. 53) มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนออกแถลงการณ์ เรื่อง ออกไปจากการเมืองที่ตีบตัน ระบุเพื่อก้าวออกไปจากการเมืองไทยที่ตีบตับ สังคมต้องร่วมกดดันให้รัฐบาลยุบสภาภายใน 3 เดือน และรัฐสภาต้องผลักดันให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญส่วนที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้า ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลานี้ เพื่อให้เกิดกติกาการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นที่ยอมรับได้ในระหว่างนักการเมืองด้วยกัน
00000
แถลงการณ์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
เรื่อง ออกไปจากการเมืองที่ตีบตัน
การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในห้วงเวลาปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญของสังคมการเมืองไทยในห้วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา การเผชิญหน้าและการกดดันด้วยวิถีทางต่างๆ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลักดันทางการเมืองเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและระบบการเมืองที่จะทำให้ทุกฝ่ายสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองได้อย่างทัดเทียม
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้น รวมถึงการปรับโครงสร้างทางการเมืองเพื่อรองรับสัมพันธภาพทางอำนาจแบบใหม่ ซึ่งการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ได้ทำให้กระบวนการปรับตัวอย่างสันติในระบอบประชาธิปไตยยุติลงอันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการปรับโครงสร้างอำนาจทางการเมืองด้วยอำนาจรัฐประหารนั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ความขัดแย้งที่ต่อเนื่องและเข้มข้นสะท้อนให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของโครงสร้างสังคมการเมืองที่ไม่เป็นธรรมอย่างรุนแรงกับผู้คนโดยเฉพาะคนชั้นล่างอันเป็นรากฐานสำคัญของความขัดแย้งการเมืองในปัจจุบัน ตราบเท่าที่ยังไม่เกิดการปรับโครงสร้างทางการเมืองเกิดขึ้นก็ยากที่จะทำให้สังคมไทยเดินหน้าต่อไป
เพื่อที่จะเปิดทางให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของระบบการเมือง การลดความเข้มข้นของความขัดแย้งในปัจจุบันลงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ จำเป็นที่จะต้องสร้างเงื่อนไขเบื้องต้นที่จะนำเอาทุกฝ่ายกลับเข้ามาสู่กระบวนการทางการเมืองซึ่งเป็นที่ยอมรับร่วมกัน มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนขอให้สังคมร่วมกันกดดันองค์กรและสถาบันต่างๆ ดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อสร้างจุดเริ่มต้นของการก้าวออกไปจากการเมืองไทยที่ตีบตับ
ประการแรก รัฐบาลต้องประกาศการยุบสภาภายในระยะเวลา 3 เดือน
ประการที่สอง รัฐสภาต้องผลักดันให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าให้แล้วเสร็จภายในห้วงระยะเวลานี้ เพื่อให้เกิดกติกาของการเลือกตั้งซึ่งเป็นที่ยอมรับได้ในระหว่างนักการเมืองด้วยกัน
ประการที่สาม พรรคการเมืองต้องเจรจาเพื่อให้เกิดการยอมรับวิถีทางพื้นฐานของการเลือกตั้ง เปิดโอกาสให้มีการหาเสียงของทุกพรรคการเมืองได้อย่างกว้างขวางในทุกพื้นที่
ประการที่สี่ ภายหลังการเลือกตั้งต้องยอมรับการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นไปภายใต้ระบบของประชาธิปไตย ไม่มีการแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบ
ความขัดแย้งทางการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้มิใช่เป็นสิ่งที่จะสามารถแก้ไขได้ด้วยมาตรการอันใดอันหนึ่ง หากต้องหมายความรวมถึงการปรับเปลี่ยนระบบและโครงสร้างอีกอย่างกว้างขวางที่จะต้องเกิดขึ้นต่อไป การแสวงหาจุดเริ่มต้นเพื่อดึงทุกฝ่ายเข้ามาในการแก้ไขปัญหานี้จะทำให้สามารถมองเห็นทางออกของความขัดแย้งที่ดำเนินมาอย่างยาวนานนี้ได้ พึงต้องตระหนักว่ายังมีความยุ่งยากอีกหลายประการที่จะต้องมีการถกเถียง แลกเปลี่ยน กดดัน ต่อรอง กันอีกมากในวันข้างหน้า
การไม่ไยดีต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองดังที่เป็นอยู่ทั้งจากรัฐบาลและสังคมไทย จะมีความหมายถึงการทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองดำรงอยู่ต่อไป และอาจเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความรุนแรงทางการเมืองให้บังเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
17 มีนาคม 2553