นายกรัฐมนตรีย้ำหากยุบสภาต้องเป็นการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับกติกา

20 มี.ค. 53 - 11.45 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์รายการ “เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อสมท. โดยมีนายสรยุทธ สุทัศนจินดา เป็นผู้ดำเนินรายการ
ผู้ดำเนินรายการ สวัสดีครับท่านนายกฯ ครับ ตอนนี้ผมมาอยู่ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ตอนที่เราคุยกันอยู่ตอนนี้ 09.12 น. เริ่มเห็นจากโทรทัศน์ ม็อบคนเสื้อแดงเริ่มตั้งขบวนแล้ว เช้าวันนี้ท่านนายกฯ คาดว่าวันนี้จะเป็นอย่างไร
นายกรัฐมนตรี ถ้าตามแผนของผู้ชุมนุม พูดง่าย ๆ ก็คือว่าเหมือนกับแห่รถไปตามเส้นทางรอบ ๆ กรุงเทพฯ การชุมนุมทุกครั้งผมจะมีความห่วงใย แม้ว่าเจตนาของแต่ละฝ่ายก็มีเจตนาที่ดี อยากจะแสดงออก อยากจะทำหน้าที่ของตัวเอง
ผู้ดำเนินรายการฝั่งของผู้ชุมนุม จุดที่เขาเคลื่อนไหวเขาแสดงชัดเจนว่าต้องการให้เห็นว่ารัฐบาลบริหารไม่ได้ ในขณะที่รัฐบาลก็พยายามแสดงให้เห็นว่าบริหารได้อย่างแน่นอน มันจะดึงกันไปดึงกันมาอยู่อย่างนี้หรือเปล่า
นายกรัฐมนตรี คือรัฐบาลไม่ได้ไปคิดว่าจะพูดว่าบริหารได้หรือไม่ รัฐบาลต้องบริหารได้ เพื่อประโยชน์ของประชาชน เพราะรัฐบาลไม่ได้มาบริหารประเทศเพื่อตัวเอง ใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องยืนยันสิทธิอันนี้ของประชาชนทั้งประเทศ ว่าเขาจะต้องมีรัฐบาลซึ่งทำงานให้กับเขา ดูแลปัญหาต่างๆ
ผู้ดำเนินรายการ ถ้าฝั่งหนึ่งบอกชุมนุมยืดเยื้อ ฝั่งหนึ่งก็บอกว่าก็จะพยายามค่อย ๆ กลับสู่ภาวะปกติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุยกันเป็นอย่างไรครับท่านนายกฯ
นายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีปัญหา ผมไม่ได้เป็นฝ่ายที่ปฏิเสธการพูดคุย และความจริงการพูดถึงการพูดคุยเจรจาก็เริ่มมาจากทางแกนนำผู้ชุมนุม เพียงแต่ว่าพอมีแนวโน้มว่าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติซึ่งเขาอาสาว่าเป็นคนสื่อสารข้อความมา และก็จะเป็นตัวเชื่อม ซึ่งคุณทักษิณก็ประกาศทันทีว่าไม่ยอมรับเขา ผมถึงถามว่าตกลงการตัดสินใจในการพูดคุยเป็นเรื่องของแกนนำหรือเป็นเรื่องของคุณทักษิณ เพราะว่าผมมีหน้าที่ในการพูดคุยหรือจะเจรจาเฉพาะเรื่องที่เป็นปัญหาของส่วนรวม ผมเข้าใจดีว่าประชาชนที่มาเรียกร้อง สมมติว่าเรื่องของประชาธิปไตย อยากจะเห็นการยุบสภา ผมก็บอกว่าก็ต้องมาคุยกัน ว่าถ้ายุบสภาเพื่อให้ประชาธิปไตยเบ่งบาน มันต้องเป็นการเลือกตั้งในลักษณะไหนอย่างไร เช่น เป็นการเลือกตั้งซึ่งไม่มีการก่อกวน ไม่มีความรุนแรง เป็นการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับกติกา ซึ่งก็คือกฎหมายเลือกตั้งและรัฐธรรมนูญ อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นก็มาคุยกันได้ แต่ถ้าเกิดจะให้ไปคุยเรื่องไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาล ผมก็คงคุยไม่ได้ ผมไม่มีสิทธิไปคุย เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องระหว่างผมกับคุณทักษิณ เป็นเรื่องระหว่างคุณทักษิณกับแผ่นดิน แผ่นดินเสียหายจากการกระทำของคุณทักษิณ ผมไม่มีสิทธิอะไรที่จะไปบอกว่ายกประโยชน์อันนี้กลับคืนไปให้คุณทักษิณ
ผู้ดำเนินรายการ พูดถึงการชุมนุมกับการบริหารงานของรัฐบาล ท่านนายกฯ รัฐบาล บอกว่าเงื่อนไขของการยุบสภาคือต้องแก้ปัญหา ยุบสภาต้องไม่นำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้น อย่างที่คุณเสนาะ เทียนทอง บอก
นายกรัฐมนตรี ถูกต้องครับ อันนี้ก็เป็นตัวอย่างว่าแม้กระทั่งคุณเสนาะซึ่งอยู่ฝ่ายค้านก็ไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา ส.ส.เพื่อไทยบางคนพูดในสภาฯ ก็บอกไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา ไม่นับคนที่สนับสนุนรัฐบาล ไม่นับประชาชนที่อยู่ตรงกลางอีกมาก ที่เขาบอกว่ายังไม่เหมาะสมที่จะยุบสภา เพราะฉะนั้น การที่จะเจรจาพูดคุยจะเป็นเรื่องที่ผมกับผู้ชุมนุมมาตกลงเอาความสะดวกของตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ได้ มันต้องเอาประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ความต้องการของคนส่วนใหญ่
ผู้ดำเนินรายการ คนในฐานะคนนอก คนกลางมองเข้าไปก็คือว่าท่านนายกฯ มีวาระของการดำรงตำแหน่งถึงปีหน้า ถูกต้องไหมครับ นายกรัฐมนตรี ถูกต้องครับ
ผู้ดำเนินรายการ อันนั้นคือครบวาระ
นายกรัฐมนตรี ถูกต้องครับ ซึ่งก็เป็นคำตอบอยู่แล้วว่าผมไม่ได้เป็นรัฐบาลที่มาอยู่ตลอดไป
ผู้ดำเนินรายการ ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นเลย
นายกรัฐมนตรี ผมมีวาระอยู่แล้ว ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นเลย ก็ต้องไปเลือกตั้งอยู่แล้วปีหน้า
ผู้ดำเนินรายการ ทีนี้คนทั่วไปคงไม่อยากเห็นว่าอย่างที่ท่านนายกฯ บอกสมมติว่าไม่ได้เกิดการยุบสภา สมมติว่าไปถึงปีหน้า และถ้าบ้านเมืองยังเป็นอย่างนี้ คือถ้าเกิดไปเลือกตั้งกัน มันก็จะไปไล่กันทั้งสองฝ่ายอยู่อย่างนี้
นายกรัฐมนตรี ก็ด้วยเหตุผลนี้ผมถึงบอกว่าถ้าจะพูดคุยเป็นโอกาสดีที่จะมาคุยกันว่า ความแตกต่างทางการเมือง จะมีกระบวนการอะไร ที่นำกลับเข้าไปสู่ความเป็นปกติของการต่อสู้กันในทางประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นเราถึงบอกว่าอย่างกติกาในการพูดคุย ซึ่งกรรมการสิทธิฯ ก็ไปคุยกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มา และก็มาคุยกับผม ผมก็เห็นว่าเป็นกรอบที่ดี คือการชุมนุม ถ้าจะคุยกันอยากจะชุมนุมก็ชุมนุมได้ แต่ต้องเป็นการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น
ผู้ดำเนินรายการ คือไม่มาปิดล้อม
นายกรัฐมนตรี ถูกต้องครับ และเราก็พูดคุยกัน และเราก็จะต้องพูดกันด้วยว่าบางเรื่องมันไม่ใช่ประเด็น ถ้าหากว่าเราสนใจในเรื่องของการพัฒนาประชาธิปไตยหรือการพาบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าในกระบวนการของประชาธิปไตย เช่น เรื่องอำมาตย์ เรื่องไพร่
ผู้ดำเนินรายการ ผมก็ถามนายกฯ ดูจะเป็นกังวลมากเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรี ที่ผมเป็นกังวลมันไม่ใช่เรื่องอะไรครับ มันเป็นเรื่องของการไปสร้างความขัดแย้งมากยิ่งขึ้นระหว่างประชาชน ไปอ้างถึงเรื่องชนชั้นซึ่งมันไม่มี เพราะว่ารัฐธรรมนูญต้องการที่จะรับรองสิทธิของทุกคน แล้วก็มีมาตราต่าง ๆ ที่บ่งอยู่แล้วในความเสมอภาคกัน แน่นอนความเหลื่อมล้ำบางอย่างมี ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจมีแน่นอน คุณเทียบง่าย ๆ ครับเอาเฉพาะคุณทักษิณกับผู้ชุมนุม แตกต่างกันไหมทางเศรษฐกิจ แตกต่างกันมหาศาล แต่ว่ามันมีประโยชน์อะไรที่เราจะไปยุยงให้คนไปเกลียดชังกัน ถ้าหากว่าจะยุยงให้คนที่ไม่มีเกลียดชังคนที่มีมากกว่า ก็ต้องไปยุยงให้ผู้ชุมนุมเกลียดคุณทักษิณด้วยอย่างนั้นหรือ ไม่มีใครควรจะไปอิจฉาคุณทักษิณ ถ้าคุณทักษิณรวย แล้วได้มาโดยชอบ แต่สิ่งที่ต้องเท่าเทียมกันต่างหาก เบื้องต้นก็คือเรื่องของความเสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย ยิ่งเป็นคำถามใหญ่ว่า ถามว่ามีกี่คนครับที่เป็นอย่างคุณทักษิณ คือถูกคำพิพากษาตัดสินจำคุกแล้ว ไม่ต้องติดคุก แล้วยังสามารถที่จะไปใช้ชีวิตค่อนข้างสบายอยู่ด้วยในต่างประเทศ อันนี้ต่างหากที่เราจะต้องบอกว่า ถ้าไม่ให้มีชนชั้น ทุกคนต้องเสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย ส่วนความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจต้องแก้ด้วยการสร้างโอกาส
ผู้ดำเนินรายการ แต่มันสุ่มเสี่ยงถ้าเกิดหยิบประเด็นชนชั้นอย่างนี้มา
นายกรัฐมนตรี มันก็เป็นตัวที่บ่งบอกว่าการที่จะพยายามตรึงคนที่ให้เข้ามาชุมนุม พยายามไปถึงเรื่องอื่นซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายของการทำงาน หรือจะเป็นเป้าหมายแฝง ผมไม่ทราบ ก็คือมันไม่ตรงไปตรงมาแล้ว ถามว่ายุบสภาพรุ่งนี้ ความเหลื่อมล้ำหมดไหมครับ คุณทักษิณไม่ใช่บอกว่ากลับมาแล้วแก้ปัญหาทุกอย่างได้ มันพิสูจน์มาแล้วนี่ครับ เมื่อคืนผมเห็นบอกว่ายอมทนรถติดหน่อย เพราะว่าคุณทักษิณกลับมาแก้ให้ได้ คุณทักษิณเคยประกาศแก้ใน 6 เดือน แก้ไม่ได้ รอบ 2 กลับเข้ามา สัญญารถไฟฟ้ากี่สายผมไม่ทราบ ไม่ได้ก่อสร้างแม้แต่เมตรเดียวในช่วงที่คุณทักษิณอยู่ มาก่อสร้างในยุคหลัง อันนี้ก็คือสิ่งที่เป็นความเป็นจริงที่ต้องพูดกัน แต่การที่ไปเอาปัญหาที่เป็นโครงสร้างความเหลื่อมล้ำที่มีอยู่ ซึ่งทุกคนพยายามมา เพื่อยุยงให้คนขัดแย้งกันก็ผิด สอง อย่างที่คุณสรยุทธก็ทราบ เฉพาะตัวผมประเด็นที่ไปปลุกระดมมากที่สุด ก็คือไปเอาคลิปเสียงตัดต่อ โดยฝีมือของคนก็ต้องในกลุ่มนี้ละครับที่ต้องการสร้างความเกลียดชังขึ้นมา ผมฟ้องศาลแล้ว ศาลประทับรับฟ้องแล้ว แต่ก็ไม่หยุดใช้ เพียงเพื่อต้องการที่จะสร้างเงื่อนไขให้คนมาเกลียดชัง มาชุมนุมกัน อันนี้คือการสร้างความแตกแยก ผมไม่ว่าเลยนะครับจะวิพากษ์วิจารณ์ผมด้วยถ้อยคำหยาบคาบอย่างไร ว่าผมบริหารไม่ดี มีโครงการไหนที่ไม่โปร่งใส ว่ากันได้ ใครเก่งกว่าใครว่ากันได้ แต่การที่ยุยงให้คนมาเกลียดชังกัน โดยเอาความเท็จก็ดี เอาสิ่งซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขของการที่แต่ละฝ่ายจะต้องมาพูดคุยกันในการหาทางออกทางการเมืองก็ดี อันนี้ผมถือว่าเป็นการทำลายความสามัคคี ทำลายความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนไทย
ผู้ดำเนินรายการ ซึ่งห่วงว่าอาจจะลุกลามได้ 2 เดือนนี้
นายกรัฐมนตรี ถูกต้องครับ เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่ามันนี้คือสิ่งที่เราได้ย้ำว่าชุมนุม ๆ ได้ แต่อย่าทำอย่างนี้เลย อยากจะชุมนุมเรียกร้องเชิงนโยบาย เรียกร้องทางการเมือง ผมก็ยินดีพูดคุยผู้ดำเนินรายการ ผมกลับมา สมมติจะตั้งโต๊ะ หรือจะผ่านใครก็ตามที ถ้าคนนอกมองก็คือว่าเราจะไปเลือกตั้งโดยที่ต่างฝ่ายต่างไปไล่ ๆ กัน มันก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยแน่ ถูกไหมครับ เป็นไปได้ไหม ผมสมมตินะครับ ฝั่งหนึ่งบอกว่ายุบสภา ฝั่งหนึ่งบอกว่ายุบสภาวันนี้ แล้วก็ยังมีความเคลื่อนไหวอย่างนี้มันก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย กำหนดได้ไหมว่ากี่เดือน แล้วจากนี้ไปพิสูจน์ให้เห็นว่าหยุดความเคลื่อนไหวลักษณะอย่างนี้และไปสู่การเลือกตั้ง
นายกรัฐมนตรี คงไม่มีปัญหาครับ เพราะว่าผมบอกตั้งแต่ต้นว่าผมอาจจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ไม่เคยปฏิเสธว่าไม่ได้หรอกต้องอยู่ครบเทอม ยังไงต้องมาเรียกร้องให้ยุบสภา ผมไม่ได้เคยพูดอย่างนั้น ผมเพียงแต่บอกว่าอะไรที่ดีสำหรับประเทศ ผมยินดีทำ และก็จะเห็นว่าปีที่แล้ว จุดยืนผมก็เป็นอย่างนี้ เพียงแต่ปีที่แล้วมีความห่วงใยเรื่องเศรษฐกิจ ตอนนี้ผมก็คลายเรื่องเศรษฐกิจไปพอสมควร ถ้าหากว่าสถานการณ์ทุกอย่างเรียบร้อย เศรษฐกิจผมก็คิดว่าแข็งแรงพอสมควร ก็เหลือประเด็นอย่างที่ว่านี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ผมบอกว่ายินดีที่จะคุย
ผู้ดำเนินรายการ แต่ว่าคุยกันได้
นายกรัฐมนตรี ได้ครับ แต่ว่าขณะนี้ล่าสุดพอคุณทักษิณส่งสัญญาณว่าไม่ยอมรับการพูดคุย ทางผู้ชุมนุมก็บอกให้ยุบสภาก่อนแล้วคุย ผมบอกถ้ายุบสภาก็ไม่ต้องคุยละครับ ผมก็ไม่มีเวลาคุยเหมือนกันเพราะต้องไปหาเสียง
ผู้ดำเนินรายการ อันนั้นมันต่างคนต่างเติม
นายกรัฐมนตรี ถูกต้องครับ ผมเลยบอกว่าเอาสิถ้ามีความตั้งใจว่าจะหาทางออกร่วมกัน รัฐบาลยังไม่ได้ปิดกั้นอะไร ไม่ได้ยึดติดกับรูปแบบใด ไม่เอากรรมการสิทธิฯ ก็ได้ มีองค์กรอื่นที่เขาอยากจะให้มาพูดคุย เราก็พูดคุยกัน แต่ระหว่างการพูดคุยการชุมนุมต้องเป็นไปตามกติกาของรัฐธรรมนูญ
ผู้ดำเนินรายการ คือไม่ปิดล้อม และที่ท่านนายกฯ เติมว่าไม่ไปปิดล้อมบ้านพักส่วนบุคคลด้วย
นายกรัฐมนตรี เอกชน
ผู้ดำเนินรายการ เอกชนทั้งหลายด้วย
นายกรัฐมนตรี ถูกต้องครับ
ผู้ดำเนินรายการ อันนี้ผมยกขึ้นมาเพื่อให้พอเห็นกรอบ ไม่ได้แปลว่าจะเป็นไปตามนี้
นายกรัฐมนตรี มันต้องฟังครับ
ผู้ดำเนินรายการ ท่านนายกฯ ก็บอกชัดเจนว่าถ้ามาใช้วิธีอย่างนี้ มันเหมือนกับการข่มขู่ให้ยุบสภา ซึ่งรักษาระบบนี่ทำไม่ได้ ฝั่งนั้นก็ยืนยันว่าต้องยุบสภาให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน เพราะฉะนั้น กรอบจากนี้ไป ฝั่งหนึ่งหยุดความเคลื่อนไหวที่เป็นลักษณะการข่มขู่คุกคาม ฝั่งหนึ่งบอกกำหนดเวลาชัดเจนที่จะยุบสภา
นายกรัฐมนตรี ก็มาคุยกันว่าจะกำหนดเป็นเวลา หรือจะให้กำหนดเป็นเงื่อนไข เช่น เรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องอะไรก็มาคุยกัน
ผู้ดำเนินรายการ รัฐธรรมนูญที่นายกฯ หยิบขึ้นมามันมีประเด็นก็คือว่าที่กำลังแก้กันในสภาฯ หนึ่ง ประชาธิปัตย์ไม่เอาด้วยบางประเด็น สอง คือเรื่องยุบพรรค มันไม่ได้มีการแก้ไขอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนเกี่ยวกับเรื่องรัฐธรรมนูญ บางประเด็นแก้ไขได้ บางประเด็นเราไม่เห็นด้วย แต่ที่เราเคยถอยมาแล้วก็คือว่าแม้ในประเด็นที่เราไม่เห็นด้วย ถ้าแม้ไปทำประชามติ และประชาชนต้องการ เราก็พร้อมทำตาม เพราะฉะนั้นเราเองไม่เคยที่จะมีจุดยืนที่ตายตัว แข็งตัวว่ายังไงก็ไม่เดินตามนี้ เพียงแต่บอกว่าถ้าจะแก้ในประเด็นซึ่งความจริงยังมีความเห็นที่มันหลากหลาย มีความละเอียดอ่อนอยู่ คุณสรยุทธอย่าลืมนะครับว่า เราจะมานั่งแก้ปัญหาบอกว่า ทำอย่างนี้แล้วผู้ชุมนุมกลุ่มนี้จบ มันไม่ได้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่มีคนกลุ่มอื่นมาชุมนุมต่อต้านในข้อตกลงระหว่างสองกลุ่มนี้อีก เพราะฉะนั้นเราก็ต้องหาทางออกที่เป็นที่ยอมรับกันทุกฝ่าย ซึ่งตอนนั้นผมก็คิดว่าเราได้แล้ว คุณสรยุทธจำได้ไหมครับประมาณ 2-3 เดือนที่แล้ว ที่วิปทุกฝ่ายมาตกลงกันแล้ว 6 ประเด็นไปทำประชามติ ทำออกมาอย่างไร ดำเนินการตามนั้น เสร็จจากนั้นยุบสภา คนที่ปฏิเสธคือฝ่ายเสื้อแดงฝ่ายค้าน วันนี้ถ้าเดินตามนั้นอาจจะเหลืออีกแค่ 3- 4 เดือนก็ได้ ก็ยุบสภาแล้ว เพราะฉะนั้นผมถึงตั้งข้อสงสัยด้วยว่าตกลงแล้วยุบสภาเป็นเป้าหมายสุดท้ายจริง ๆ ของคนบางคนหรือเปล่า ซึ่งถ้าไม่ใช่ก็เท่ากับว่ามันไม่ใช่คำตอบ มันไม่ได้แก้ปัญหา ที่เราต้องพูดคุยก็คือเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ใช่ ยุบสภาคือปลายทาง ที่จะนำไปสู่ความสงบ ความยอมรับ ของทุกฝ่าย
ผู้ดำเนินรายการ แต่รัฐธรรมนูญถ้าดูจากกรอบเวลาคงไม่เร็วแน่ และก็ไม่มีประเด็นเรื่องกติกาโดยตรง
นายกรัฐมนตรี เร็วไม่เร็ว เอาว่าไม่มีการถ่วงละครับ ไปตามธรรมชาติของมัน ซึ่งก็มีเหตุมีผล คุณสรยุทธเองก็พูดว่ามันมีระยะเวลาช่วงหนึ่งเหมือนกันที่จะต้องพิสูจน์กันว่าการเคลื่อนไหวใช่ไหมครับจะเป็นไปตามปกติ
ผู้ดำเนินรายการ เราพูดถึงเรื่องยุบสภากับความเคลื่อนไหวแล้ว เราพูดถึงเรื่องรัฐธรรมนูญ เป็นต้นว่ารัฐธรรมนูญ ถ้าถึงเวลาถ้ายุบสภา ต่างคนต่างไปหาเสียงประชาชนว่าจะเอาประเด็นไหนในฉบับไหน อันนั้นว่ากัน แต่ว่าเรื่องกรอบที่จะเดินไปสู่การยุติบรรยากาศของบ้านเมือง ที่มันไม่รู้จักจบสิ้นมันเป็นไปได้ไหมนายกรัฐมนตรี มันมีประเด็นที่มันมาพันกัน 1. บางพรรคการเมือง เช่น พรรคร่วมรัฐบาลเขามีจุดยืนว่าควรจะแก้รัฐธรรมนูญก่อนเลือกตั้ง เขาต้องการเปลี่ยนกติกา 2. การที่ผู้ชุมนุมอ้างถึงความไม่ชอบธรรมของที่มาของรัฐบาล ก็ไปเกี่ยวข้องกับกติกา เพราะว่าเขาหาว่ารัฐบาลนี้มาโดยไม่ชอบ ที่จริงรัฐบาลนี้มาโดยกติกาเดียว กับรัฐบาลท่านนายกฯ สมัคร ท่านนายกฯ สมชาย เพียงแต่ว่าพรรคการเมืองที่ได้เสียงอันดับหนึ่งมาทุจริตการเลือกตั้ง ถูกยุบ แล้วเขาไม่ยอมรับอันนี้ ถามว่าถ้าใช้กติกาเดิมไม่แก้ไขเลย กลับไปเลือกตั้งเกิดคนชนะ ทุจริตเลือกตั้ง ถูกยุบพรรคอีกจะมาประท้วงกันอย่างนี้อีกหรือไม่ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นประเด็นที่มาเกี่ยวข้องกันว่าทำไมต้องคุยเรื่องนี้
ผู้ดำเนินรายการ แต่ถ้าเรามองอีกมุมหนึ่ง ถ้าปล่อยไปจนกระทั่งถึงสมมติครบวาระ เลือกตั้งบรรยากาศอย่างนี้เราก็ปล่อย
นายกรัฐมนตรี ถ้าปล่อยไปอย่างนั้นไม่ใช่ทางเลือกของผม เป็นทางเลือกของฝ่ายผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวเอง ก็ผมบอกแล้วว่าให้มาคุยกัน เพื่อนำไปสู่การยุบสภา ฝ่ายเขาต่างหากที่บอกว่าไม่มาคุยในขณะนี้ ใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นถ้าเขาไม่มาคุยมันก็เดินไปเรื่อย ๆ ผมไม่สามารถบังคับรัฐธรรมนูญมาได้
ผู้ดำเนินรายการ รัฐธรรมนูญปัจจุบัน และบรรยากาศปัจจุบันซึ่งไม่มีใครอยากให้เป็นอย่างนั้น ถูกไหมครับ
นายกรัฐมนตรี ถูกต้องครับ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลเอง แม้ว่าจะมากระทบกับสถานะของการเป็นรัฐบาล ยังยินดีที่จะคุย เพื่อทำเพื่อบ้านเมือง คำถามก็คือว่ามีอะไรละครับที่ทำให้คนเสื้อแดงหรือแกนนำยังไม่มาคุย ผมก็ตอบได้อย่างเดียว เท่าที่ผมจับสัญญาณได้ ก็คือคุณทักษิณ คุณทักษิณเป็นอุปสรรคต่อการที่จะมาพูดคุยกันในขณะนี้ คำถามคือตกลงแกนนำคนเสื้อแดงจะเอาประเด็นของประชาธิปไตยเป็นตัวตั้ง หรือจะเอาคุณทักษิณเป็นตัวตั้ง ถ้าเอาประชาธิปไตยเป็นตัวตั้งมาคุยกัน ถ้าเอาคุณทักษิณเป็นตัวตั้ง นั่นก็หมายความว่าสิ่งที่เรียกร้องไม่เกี่ยวกับประชาธิปไตย
ผู้ดำเนินรายการ ท่านนายกฯ จะคุยก็ต่อเมื่อยกเรื่องคุณทักษิณออกไป
นายกรัฐมนตรี ถูกต้องครับ
ผู้ดำเนินรายการ พูดกันตรง ๆ อย่างนั้น
นายกรัฐมนตรี ถูกต้องครับ
ผู้ดำเนินรายการ เอาละครับท่านผู้ชมครับ และนี่คือการเปิดใจนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครับ ขอบคุณครับท่านนายกฯ ครับ
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท