Skip to main content
sharethis

(8 เม.ย.53) เครือข่ายนักเขียนอิสระ ซึ่งประกอบด้วยนักเขียน นักอ่าน ศิลปิน และคนทำงานสร้างสรรค์อิสระ ออกคำประกาศฉบับที่ 2 คัดค้านการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระบุไม่เป็นการนำไปสู่การบร

รลุ เป้าหมาย 4 ประการดังที่นายกรัฐมนตรีกล่าวอ้าง ย้ำ "คนต้องเท่ากัน" เรียกร้องให้ฝ่ายต่างๆ ตระหนักถึงความไม่ถูกต้องของการใช้อำนาจกฎหมายมากดขี่สิทธิเสรีภาพของผู้คน และอ้างสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อใช้ ความรุนแรงต่อผู้คนโดยไม่ คำนึงสิทธิมนุษยชน และทำลายศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ดังที่รัฐบาลที่ได้เคยกระทำไปแล้วเมื่อสงกรานต์ก่อน

ทั้งนี้ เครือข่ายนักเขียนอิสระ ระบุด้วยว่า ภายใต้สถานการณ์ปิดกั้นข้อมูลข่าวสารในขณะนี้ ขอความร่วมมือผู้อ่านและผู้ร่วม ลงนามทุกท่าน และสื่อมวลชน ร่วมเผยแพร่คำประกาศนี้ และร่วมกันเรียกร้องให้รัฐบาลยุติ การปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายกลับสู่โต๊ะเจรจา

00000

อ่านคำประกาศนักเขียน นักอ่าน ศิลปิน และคนทำงานสร้างสรรค์อิสระ ครั้งที่ 2
หยุดสร้างสถานการณ์ฉุกเฉินด
้วย การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
และปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร

เนื่องจากวันที่ 7 เมษายน เวลา 18.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้แถลงว่าคณะรัฐมนตรี ได้ประชุม และมีมติให้มีการประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง และมีข้อกำหนดต่างๆ มีมติการจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉินและให้ นายสุเทพเป็นผู้อำนวยการศูนย์ แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยรัฐบาลมีความมุ่งหวังที่จะ ใช้เครืองมือตามกรอบของกฎหมาย โดยมีเป้าหมาย 4 ประการคือ

ประการแรก คืนความเป็นปกติสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ต่างๆ ให้กับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ
ประการที่สอง ยับยั้งการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารบิดเบือนที่สร้างความแตกแยกและทำผิดกฎหมาย
ประการที่สาม ให้สามารถดำเนินคดีกับแกนนำได้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ประการสุดท้าย เพื่อระงับการก่อวินาศกรรม

“เรา” - นักเขียน นักอ่าน ศิลปิน และคนทำงานสร้างสรรค์อิสระ ได้เคยออกคำประกาศ "คนต้องเท่ากัน" เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา เพื่อยืนยันสิทธิเสรีภาพในการแสดง ความคิดเห็นและแสดงข้อเรียก ร้องต่อรัฐบาลโดยสันติวิธี เรายืนยันว่าประชาชนทั้งที่สวม เสื้อแดงและมิได้สวมเสื้อแดง มีสิทธิดังกล่าวตามระบอบประชาธิปไตย และตามหลักสากลที่คนทุก คนต้องเท่าเทียมกัน

เราได้ออกคำประกาศนี้เพื่อคัดค้าน การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเพื่อปูทางไปสู่การประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาล

บัดนี้ นอกจากรัฐบาลจะไม่ยุติการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงแล้ว ยังประกาศใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวต่อ พร้อมกับตามมาด้วยการประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินทั้งที่ การชุมนุมของคนเสื้อแดงโดยรวม ยังเป็นไปโดยสงบและไม่มี เหตุการณ์ฉุกเฉินใด ๆ เกิดขึ้น พร้อมกันนั้นรัฐบาลได้อาศัยอำนาจของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินปิดกั้นข่าวสารและบล็อกเว็บไซต์จำนวนมาก

เราจึงมีความเห็นว่า การประกาศต่ออายุการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง และการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินดังกล่าวเพิ่ม จะไม่เป็นการนำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย 4 ประการดังที่นายกรัฐมนตรีกล่าวอ้าง เพราะ

ประการแรก การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะไม่เป็นการคืนความเป็นปกติสุข กลับมาสู่พื้นที่ หากแต่เป็นการทำให้เกิดความไม่ปกติขึ้นมาแทนที่ และทำลายหนทางที่จะคลี่คลายสถานการณ์ ต่าง ๆ ไปสู่ความปกติ ซึ่งสามารถกระทำได้ด้วยการเจรจา เช่น การเจรจาระหว่างผู้ประกอบการต่าง ๆ บริเวณสี่แยกราชประสงค์กับแกนนำผู้ชุมนุม ซึ่งในความเป็นจริงก็กำลังดำเนิ นอยู่แล้ว แต่แทนที่รัฐบาลจะสนับสนุนการเจรจา ดังกล่าวรัฐบาลกลับทำลาย การเจรจาด้วยการสร้างสถานการณ์ ให้ตึงเครียดขึ้นโดยการนำทหาร เข้าไปกดดัน

ท่าทีดังกล่าวของรัฐบาลและการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจึง นอกจากจะไม่เป็นการคืนความปกติสุขแล้ว ยังเป็นการทำลายความปกติสุขที่พอจะมีอยู่บ้างลงไปอีก ซ้ำเติมให้สถานการณ์เลวร้ายลง

ประการที่สอง รัฐบาลอ้างว่า ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินดังกล่าวเพื่อยับยั้ง การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสา รบิดเบือนที่สร้างความแตกแยก ทั้งที่ สื่อที่มีบทบาทในการเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารที่บิดเบือนและสร้าง ความแตกแยกที่สุดคือสื่อ ของรัฐเอง รัฐบาลไม่จำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อบรรเทาหรือยับยั้ง การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสา รที่บิดเบือนเลย รัฐบาลเพียงแต่จะต้องหยุดแทรกแซงและออกคำสั่งไปยังสื่อต่าง ๆ และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนโยบายของสื่อที่รัฐบาลมีอำนาจกำกับโดยตรงเช่น ช่อง 11 รวมถึงขอความร่วมมือจากบุคคลต่าง ๆ เช่น โฆษกรัฐบาล หรือ ส.ว.บางคน ในการยุติการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือน เท่านี้ก็จะบรรเทาสถานการณ์การบิดเบือนข้อมูลได้ไม่น้อยแล้ว

ประการที่สาม การดำเนินคดีกับแกนนำตามกระบวนการยุติธรรมไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของรัฐบาล เพราะเท่าที่ผ่านมา เมื่อได้รับคำถามเกี่ยวกับการดำเนิน คดีต่อบุคคลต่าง ๆ เช่น บุคคลที่ปิดยึดทำเนียบรัฐบาล บุคคลที่ปิดยึดสนามบิน รัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีก็มักจะ ตอบว่าอยู่ในขั้นตอนของกระ บวนการยุติธรรม ซึ่งผู้มีหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่

ดังนั้น ในกรณีเดียวกันนี้ รัฐบาลก็ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้มีหน้าที่ในการดำเนินการดังกล่าว ไม่มีเหตุผลอันใดที่รัฐบาลจะใช้ เหตุนี้มาเป็นข้ออ้างในการ ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นอกจากเหตุผลเพียงประการเดียวคือ รัฐบาลต้องการสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงเท่านั้น

ประการสุดท้าย อ้างว่าเพื่อระงับการก่อวินาศกรรม ทั้งที่ตลอดการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงที่ผ่านมา ไม่มีวี่แววว่าการวินาศกรรมจะลดน้อยลงแต่อย่างใด ไม่มีหลักประกันใด ๆ ที่จะรับประกันว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะสามารถลดการวินาศกรรมลงได้ ตรงกันข้าม การประกาศใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าว ยังจะเป็นการเอื้อให้รัฐบาลใช้ อำนาจในการควบคุมข้อมูลข่าวสา รได้ตามอำเภอใจ สามารถสั่งปิดกั้นข่าวสารใด ๆ ก็ได้ตามอำเภอใจ ทำให้สังคมตรวจสอบเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ยากลำบากขึ้น และการประกาศใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าว ยังเอื้อให้ทหารใช้อำนาจและปฏิบัติ การได้สะดวกขึ้น ซึ่งข้อเท็จจริงหนึ่งก็คือ การวินาศกรรมที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นการวินาศกรรมด้วยอาวุธ สงคราม และผู้ที่เข้าถึงอาวุธสงครามได้ ง่ายดายกว่าฝ่ายอื่น ๆ ก็คือทหาร ดังนั้น การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นอกจากจะไม่สามารถควบคุมการก่อ วินาศกรรมหรือเหตุร้ายอื่น ๆ ได้แล้ว ยังอาจเป็นการเอื้อให้ผู้ก่อการซึ่งอาจจะแอบแฝงอยู่ในคราบทหารสามารถก่อการได้สะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย ต้องไม่ลืมว่า การลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งกระทำอย่างอุกอาจกลางกรุงเทพฯ นั้น ก็กระทำภายใต้การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ดังนั้น เราจึงขออ่านคำประกาศ "คนต้องเท่ากัน" ซ้ำอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องให้ฝ่ายต่าง ๆ ตระหนักถึงความไม่ถูกต้องของการใช้อำนาจกฎหมายมากดขี่สิทธิเสรีภาพของผู้คน และอ้างสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อใช้ ความรุนแรงต่อผู้คนโดยไม่ คำนึงสิทธิมนุษยชน และทำลายศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ดังที่รัฐบาลที่ได้เคยกระทำไปแล้วเมื่อสงกรานต์ก่อน

ทั้งนี้ภายใต้สถานการณ์ปิดกั้น ข้อมูลข่าวสารในขณะนี้ ขอความร่วมมือผู้อ่านและผู้ร่วมลงนามทุกท่าน และสื่อมวลชน ร่วมเผยแพร่คำประกาศนี้ และร่วมกันเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายกลับสู่โต๊ะเจรจา

คำประกาศนักเขียนอิสระ
'คนต้องเท่ากัน'

ยืนยันสิทธิอันชอบธรรมในการชุมนุม โดยสันติของคนเสื้อแดงและ จักต้องไมู่ถูกปราบด้วยกอง กำลังทหารและอาวุธสงครามไม่ ว่ากรณีใด ๆ

เราขอยืนยันสิทธิเสรีภาพในการแสดง ความคิดเห็น และการแสดงข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลของคนเสื้อแดง สิทธิดังกล่าวเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และเป็นไปตามหลักสากลที่คนทุกคน ต้องมีความเท่าเทียมกัน

เรามีความเชื่อว่าคนไทยทุกคนต้อง “เท่าเทียมกัน” ไม่ว่าจะเป็นองคมนตรี นักการเมือง ข้าราชการ ประชาชนทั่วไป ฯลฯ และขอกล่าวย้ำว่าคนเสื้อแดงเป็น “คนไทย” และ “ต้อง” มีสิทธิเสรีภาพทางการเมืองเท่าเทียมกับคนไทยทุกคนไม่มีเว้น คนเสื้อแดงมีสิทธิในการชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองเช่นเดียวกับคนไทยทุกคน คนเสื้อแดงมีสิทธิได้รับการเหลียว แลจากองค์กรสิทธิมนุษยชน เมื่อถูกละเมิดเช่นเดียวกับ คนไทยทุกคน คนเสื้อแดงมีสิทธิที่จะฟ้องร้องความไม่เป็นธรรมกับสังคมผ่านสื่อมวลชนเช่นเดียวกับคนไทยทุกคน

เราขอประกาศว่า รัฐบาล “ต้อง” ไม่ใช้กำลังกดความคิดเห็นที่แตกต่าง รัฐบาลต้องไม่ใช้กำลังกลั่นแกล้งทำร้ายหรือปราบปรามผู้ที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองของตนโดยสันติวิธี แม้ว่ารัฐบาลจะไม่เห็นด้วยกับความ คิดเห็นหรือข้อเรียกร้อง นั้น รัฐบาลจะต้องปกป้องคุ้มครองความ ปลอดภัยของผู้ที่แสดงความคิด เห็นที่แตกต่างเช่นเดียวกับคน ไทยคนอื่น ๆ

ด้วยหลักการตามคำประกาศที่กล่า วมาข้างต้น เราจึงขอเรียกร้องให้

1. ปัญญาชนและสื่อมวลชนโปรดปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองโดยสันติของคนเสื้อแดง และพร้อมใจกันยืนยันต่อรัฐบาลว่า คนเสื้อแดงมีสิทธิและความชอบธรรมที่จะชุมนุมกันเพื่อแสดงความเห็นและข้อเรียกร้องทางการเมืองของตนโดยสันติวิธ

2. เราขอคัดค้านการประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคง อย่างเด็ดขาด และคัดค้านการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในรูปแบบอื่นใด เราขอคัดค้านการใช้กำลังทหารและ อาวุธสงครามเข้ามาดูแลความ สงบเรียบร้อยไม่ว่ากรณีใด ๆ กองกำลังทหารจะต้องอยู่ในฐานะ ของผู้ช่วยเจ้าพนักงานเท่านั้น และต้องไม่ใช้อาวุธสงครามอย่าง เด็ดขาด

เราขอให้รัฐบาลหยุดการใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคง โดยเด็ดขาด การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยที่ยังไม่มีเหตุอันควร ส่อให้เห็นว่า รัฐบาลต้องการสร้างบรรยากาศแห่ง ความหวาดกลัวขึ้น ต้องการสร้างภาพอันน่ากลัวของการชุมนุมของคนเสื้อแดง และต้องการสร้างความเป็นปิศาจให้ กับคนเสื้อแดง หากแม้นรัฐบาลยังดื้อดึงที่จะคงประกาศ พ.ร.บ. ความมั่นคง เพื่อเป็นการปูทางไปสู่การใช้ พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉินที่ให้อำนาจเผด็จ การทหารอย่างมหาศาล เราจะถือว่ารัฐบาลและทหารมีเจตนาที่จะใช้กำลังกับผู้ที่ชุมนุมอย่างสันติ

และหากแม้นว่ามีเลือดแม้แต่หยด เดียวของประชาชนหยดลงสู่ผืน แผ่นดินไทย เราขอประกาศและขอเรียกร้องให้คนไทยผู้รักความเป็นธรรมทุกคน จงออกมาเคียงข้างคนเสื้อแดงบนท้องถนน เพื่อขับไล่รัฐบาลที่สนับสนุนโดยเผด็จการทหาร!!!

ประกาศในนามของนักเขียน นักอ่าน ศิลปิน คนทำงานสร้างสรรค์อิสระผู้เชื่อในความเท่าเทียมกันของมนุษย์

ประกาศครั้งแรก วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2533
ประกาศครั้งที่ 2 วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553

กรรณิกา ราชปรารภ
กานต์ ณ กานท์
คำ ผกา
จู พเนจร
ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์
ชัชวาลย์ โคตรสงคราม
ชัชชล อัจนากิตติ
ชมพร ไชยล้อม
เดือนวาด พิมวนา
เด็ดเดี่ยว เหล่าสินชัย
ต้น บัวดิน
ทองธัช เทพารักษ์
ทินกร หุตางกูร
ธวัชชัย พัฒนาภรณ์
ธีรภัทร เจริญสุข
นิติพงศ์ สำราญคง
บัวกันต์ วิลามาศ
บุหลันแรม
ประกาย ปรัชญา
ปลายมนัส ลิ้มสุวรรณ
เพียงคำ ประดับความ
ภัควดี วีระภาสพงษ์
ภู กระดาษ
มหรรณพ โฉมเฉลา
มาโนช พรหมสิงห์
มาซุน แซงแซว
มุกหอม วงษ์เทศ
มูหัมหมัดฮาริส กาเหย็ม
รชา พรมภวังค์
รวิวาร โฉมเฉลา
รางชาง มโนมัย
รุ่งโรจน์ วรรณศูทร
เริงชัย พุทธาโร
เรืองรอง รุ่งรัศมี
ลัดดา สงกระสินธ์
วรพจน์ พันธุ์พงศ์
วาด รวี
วัฒนชัย แจ้งไพร
วัฒน์ วรรลยางกูร
วิทยากร บุญเรือง
วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา
หรินทร์ สุขวัจน์
อรรคพล สาตุ้ม
อนันต์ เกษตรสินสมบัติ
อโลชา เวียงพงศ์
ไอดา อรุณวงศ์
ฮาเมอร์ ซาลวาลา
Sigrid แดนไกล
Homo erectus

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net