Skip to main content
sharethis

หมายเหตุ : ‘ประชาไท’ พิจารณานำบทความของคอลัมนิสต์นักหนังสือพิมพ์คนสำคัญแห่งไทยโพสต์มาเผยแพร่เพื่อการบันทึก ด้วยตระหนักและเชื่อมั่นว่า นี่อาจจะเป็นบทความชิ้นสำคัญที่สุดในชีวิตของคอลัมนิสต์ผู้นี้

0 0 0

อีก ๓ วันคือ "คำตอบของประเทศไทย?"
 

ความรู้สึกอัดอกพี่น้องไทยทุกคนเป็นอย่างไร ผมเข้าใจ เพราะผมก็เช่นนั้น พี่น้องคลานตามจากครรภ์มารดาเดียวกัน บางครั้งยังทะเลาะถึงฆ่ากัน แล้วนับประสาอะไรกับ "ผองไทยคือพี่น้องกัน" ซึ่งต่างท้องเพียงแต่ "ร่วมประเทศ" ฉะนั้น-ไฉน ไทยกว่า ๖๐ ล้านคน จะไม่ทะเลาะถึงฆ่ากันบ้างในบางครั้ง-บางคราว เหตุการณ์ "มิคสัญญีเมือง" เมื่อเสาร์ ที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ ป่วยการรัฐบาลหรือเสื้อแดงจะมัวเถียงกันว่า "ใครผิด-ใครถูก"?

ณ เวลานี้-ขณะนี้ ทั้งรัฐบาล และเสื้อแดง ควรตอบกับตัวเองว่า "เราคือคนไทยใช่มั้ย?" จากนั้นก็ ตั้งสติ ละทิ้งอัตตา ตั้งกรอบปฏิบัติอยู่ในฐานประโยคเดียวกันว่า

๑.ประเทศชาติต้องมาก่อน ต้องสละเพื่อตน และช่วยกันรักษาเพื่อไทยไว้ก่อน ใช่หรือไม่?
๒.ถ้าใช่-เลิกทิฐิ แล้วมานั่งหาทางตกลงกัน จะยุบสภาช่วงไหน-เดือนไหน ได้หรือไม่? และ
๓.จากนั้น คืนประเทศไทยให้คนไทย ต่างฝ่ายต่างไปเตรียมเข้าสู่อำนาจตามระบอบประชาธิปไตย ได้หรือไม่?

ทุกอย่างที่ผ่านคืออดีต เรียกกลับคืนไม่ได้ ฉะนั้น ใช้มันเป็นบทเรียน อย่านำมาสร้างบทเรียนซ้ำซาก โดยนัยนี้ เมื่อวาน-ให้เป็นเรื่องของเมื่อวาน ส่วนปัจจุบัน-คือวันนี้ เราทั้งหลายหันหน้ามาร่วมกันหาทางสร้างสุขให้ชาติดีไหม?

ผมรู้ และเข้าใจดีว่า ที่พูดมาทั้งหมดนี้ "ไม่มีความหมาย" ที่ใครจะฟัง เพราะอะไร....เพราะเมื่อสำรวจแนวรบหลังปฏิบัติการ "สงครามกลางเมือง" คืนวันเสาร์ ฝ่ายเสื้อแดงเขามั่นใจว่าคุมสภาพได้เหนือฝ่ายรัฐบาล

เมื่อ "ถือไพ่เหนือรัฐบาล" ฉะนั้น การต่อรอง และการได้คิดจิตสำนึกเพื่อสังคมชาติ ย่อมไม่มี นอกจากเป้าหมายเดียว คือ

ยึดประเทศ-เปลี่ยนระบอบ-ล้มสถาบัน!?

ขณะนี้ เป็นที่ประจักษ์ชัดสู่สากลโลกแล้วว่า สิ่งที่เสื้อแดงกระทำมาโดยตลอด ไม่ใช่การชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยโดยบริสุทธิ์ หากแต่สิ่งที่ขบวนเสื้อแดงกระทำไปทั้งหมด ทั้งวาจาปลุกระดม ทั้งการเผยแพร่ทางสื่อ ทั้งปฏิบัติการสู่เป้าหมายสุดท้าย ทั้งหลาย-ทั้งปวงคือการ "กบฏภายในราชอาณาจักร" โดยมีกองกำลังติดอาวุธเป็นกองทัพอยู่เบื้องหลัง!?

อย่าไปมองว่านี่คือความล้าหลัง-ป่าเถื่อนของสังคมไทย ผมอยากจะบอกว่า ไม่ว่าประเทศชาติไหน ถ้าจะโต ถ้าจะเติบใหญ่ สู่ความเป็นชาติแห่งชนอารยะ ล้วนต้องเผชิญและต้องก้าวผ่านเหตุการณ์เช่นนี้ไปก่อนให้ได้ทั้งสิ้น เราเรียกมันว่า "การลอกคราบ"

เมื่อ พ.ศ.๒๔๐๔-๒๔๐๘ สหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกันร่วมชาติเดียวกันขัดแย้งเรื่องทาส แล้วแยกฝ่าย-แบ่งข้างเป็นเหนือ-ใต้ ยกกำลังแต่ละฝ่ายเข้าประหัตประหารฆ่าแกงกัน เลือดอเมริกันนองแผ่นดินอเมริกา กว่าจะหันหน้ามาร่วมชาติสมานฉันท์ ก็ต้องใช้ชีวิตคนในชาติเดียวกันเซ่นไปกว่า ๖ แสนศพ!

เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๑-๒๔๖๕ เลนินนำการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองรัสเซียไปสู่ระบบคอมมิวนิสต์ อ้างว่าทำลายระบบชนชั้นแล้วประชาชนจะมี-จะได้ทุกสิ่งทัดเทียมกัน และจะหลุดพ้นจากความอดอยาก ปรากฏว่าทั้งไม่เป็นความจริง และทั้งไม่มีอะไรจริงตามนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงอดอยาก-ยากจนเหมือนเดิม แถมจะยิ่งอดอยากและมีการเอารัด-เอาเปรียบหนักขึ้น 

สุดท้าย ด้วยการหลอกทำสงครามชนชั้น ทำให้คนรัสเซียต้องฆ่าแกงกันเองไปกว่า ๙ ล้านศพ!

เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๙-๒๔๘๒ ที่ประเทศสเปน ก็คล้ายประเทศไทยที่เป็นอยู่ขณะนี้ ชาวสเปนส่วนหนึ่งรักษาระบอบประชาธิปไตย แต่อีกส่วนหนึ่งเชื่อว่า เผด็จการประชาธิปไตยแบบ "ระบอบทักษิณ" ดีกว่า แล้วทั้งสองฝ่ายแต่ชาติเดียวกันก็ยกกำลังฆ่าแกงกันเองไปกว่า ๕ แสนศพ!

แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ ตัวอย่างที่คนไทยทุกคนควรนำมาสำนึกให้ดี ก็ที่ "โซมาเลีย" ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๔-๒๕๔๗ ประเทศแตกเป็นก๊ก เป็นฝ่าย และต่างตั้งกองกำลัง แล้วรบราฆ่าฟันประหัตประหารกันเองเพื่อช่วงชิงอำนาจ จนถึงวันนี้ ประชาชนโซมาเลียต้องสังเวยความบ้าอำนาจด้วยการถูกสวมเขาให้ขวิดกันเองตายไปแล้วกว่า ๕ แสนศพ

และยัง "ไม่จบ" ยังจะฆ่ากันต่อถึง ณ วินาทีนี้!

สังคมโลกเรียกโศกนาฏกรรมของสัตว์เมืองซ้ำซาก ที่ทุกคนศึกษาแล้วไม่เคยสำนึกเช่นนี้ว่า "สงครามกลางเมือง" หรือในศัพท์สากลว่า CIVIL WAR!

ย้อนกลับมาดูบ้านเมืองเราต่อ ณ เวลานี้ ไทยเราเข้าสู่กระบวนการอุบาทว์ "สงครามกลางเมือง" หรือ Civil War แล้วใช่ใหม? ผมว่า ก็คงไม่มีเหตุผลอื่นใดเพื่อเลี่ยงที่จะไม่ตอบว่า...ใช่

แต่...ไทยเราเจริญพอสมควรแล้ว อีกทั้งเป็นชาติ "อารยะ-วัฒนธรรม" ทางสถาบันมีรากเข้มแข็ง ดังนั้น การนำประเทศและสังคมชาติให้ก้าวผ่าน "สงครามกลางเมือง" สู่สุข-ศานติด้วยอารยะ อย่างสหรัฐ อย่างรัสเซีย อย่างสเปน และอย่างอังกฤษ

ชาวบ้าน-ทหาร ๒๑ ศพ เมื่อวันเสาร์ก็ "เกินพอ" แล้ว!?

เอาละ...พูดกันในภาพพอเห็นภาพ มาดูถึงสถานภาพเป็นจริงขณะนี้บ้าง จากคืนวันเสาร์ ฝ่ายรัฐบาล โดยปฏิบัติการทหาร-ตำรวจ "สร้างความทุกข์ใจ" ให้ประชาชน ด้วยหนักใจในประสิทธิภาพและศักยภาพของรัฐบาล-ทหาร-ตำรวจมากพอสมควร แต่ถึงอย่างไร ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุน "นายกฯ อภิสิทธิ์" อยู่!

ยุบสภานั้น-ยุบได้ แต่ไม่ใช่เดี๋ยวนี้ หรือ ๑๕ วัน ควรจะคุยกันหากรอบเวลาเหมาะสม เช่น ให้รัฐบาลผ่านงบประมาณแผ่นดิน ปี ๒๕๕๔ ไปก่อน อันเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่ของฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือฝ่ายไหนๆ ทั้งสิ้น

หลายเรื่องที่ผู้ชุมนุมสะท้อนออกมาถึง "ปัญหาหมักหมม" จนกลายเป็นปัญหาคนรวย-คนจน อันเป็นปัญหาชนชั้นนั้น เป็นเรื่องที่ต้องรับฟังกันเพื่อนำไปสู่การปฏิวัติโครงสร้างสังคมชาติใหม่ทั้งหมด

และทั้งหมด ทุกฝ่ายต้องนำต้นทุน "ความเป็นคนไทย" ที่มีเท่าๆ กันมากองรวม แล้วร่วมกันสู่กระบวนการ "ลอกคราบประเทศไทย" โดยให้คนไทย "ชาวบ้าน ป.๔" มีส่วนร่วมในฐานะผู้ถือหุ้นประเทศ โดยไม่ต้องให้ ส.ส.หลอกเอาอำนาจไปใช้ในทุกกระบวนการดังที่เป็นอยู่ นี่คือหนทางก้าวข้าม "สงครามกลางเมือง" สู่ไทยไพศาลที่เป็น "ฝันร่วมสมัย" ของไทยยุคใหม่นี้!

แต่...ขณะนี้ ยังมองไม่เห็นทางก้าวข้าม เพราะฝ่ายเสื้อแดงนอกจากสู้แล้วรวย เขายังมั่นใจ "สู้แล้วชนะ" และจะต้องรุกเพิ่มด้วยเหิมเกริมในศักยภาพแห่ง "กองกำลังติดอาวุธ" จากอดีตทหาร และอดีตตำรวจ อันแฝงอยู่ในรูปชาวบ้านเสื้อแดง

และผมจะบอกให้ทราบด้วยว่า ณ วินาทีนี้ "ทักษิณหมดความหมายแล้ว" ถูกลดสภาพเป็นเพียงสะพานที่ถูก "ขบวนการล้มเจ้า-เปลี่ยนระบบ" ยืมใช้ และอาศัยเงินทุน เมื่อถึงจุดที่มองเห็นฝั่ง แถม "ทักษิณใกล้ฝัง" เต็มที พวกคอมมิวนิสต์หลงยุคซึ่งเป็น "กบฏในราชอาณาจักร" ตัวจริง 

ก็หมดความจำเป็นต้อง "เชิดทักษิณ" เพื่อหลอกให้คนเหนือ-คนอีสานมาเป็นไพร่ราบ-พลเลวในกองกำลังกบฏที่ "คนใต้" เกือบทั้งหมดเป็นผู้ถือเชือกจูง!

นั่นก็คือ ประเด็นที่ฝ่ายรัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ ต้องนำไปแยกธาตุให้ชัดเจน เพื่อปฏิบัติการให้ตรงกับสถานการณ์และปัญหา อย่างน้อย นายกฯ อภิสิทธิ์-กองทัพ ต้องหยุดขัดแย้ง แล้วเข้าใจร่วมกันให้ได้ว่า

๑.นี่ไม่ใช่การชุมนุม แต่เป็น "กบฏภายในราชอาณาจักร" โดยชาวบ้านถูกหลอกมาเป็นกำลังหลอน
๒.มีกองกำลังติดอาวุธร้ายแรงเป็นหน่วยรบและ "ฆ่าทหาร" ที่ทำหน้าที่โดยมีจิตเมตตาต่อชาวบ้าน
๓.กลุ่มกบฏในราชอาณาจักรไม่ยอมรับกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น และกำลังขยายแนว "ยึดสถานที่ราชการ" ทั่วประเทศ
๔.ฝ่ายรัฐบาล ในหน่วยทหารมี "ไส้ศึก" คอยนำความลับทาง ศอ.รส.และศูนย์ ศอฉ.ไปบอกกับฝ่ายกบฏ
๕.นายกฯ อภิสิทธิ์จะถอดใจ "ยุบสภา-ลาออก" ตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด
๖.ขืนยุบสภา-ลาออก เท่ากับยกประเทศให้กบฏ ไม่ใช่รัฐบาลแพ้ แต่ประเทศพัง สถาบันจะถูกล้ม ระบบจะถูกเปลี่ยนทันที
๗.ต้องแยกชาวบ้านออกจาก "กลุ่มกบฏ" ไม่ปราบ-ไม่ฆ่าประชาชน แต่ต้องปราบ-ต้องฆ่ากบฏชาติ-ประชาชน
๘.ถ้ายันสถานการณ์โดยยึดกฎหมาย แต่บังคับใช้ไม่ได้อยู่ต่อไป ประชาชนจะหันหลังให้รัฐบาลและกองทัพ
๙.นายกฯ ควรเข้าใจว่าสถานการณ์ไหนรัฐบาลเป็นพระเอก และสถานการณ์ไหนต้องให้กองทัพเป็นพระเอก
๑๐.เมื่อ...นี่ไม่ใช่การนุมนุมโดยสันติตามรัฐธรรมนูญ การปราบกบฏไม่ใช่หน้าที่นายกฯ
๑๑.ถ้ากองทัพจะประกาศใช้ "กฎอัยการศึก" ไม่ใช่เรื่องเกินกว่าเหตุ และ
๑๒.ห้ามทหาร "ปฏิวัติ-รัฐประหาร" เด็ดขาด!

๔ วันครับ "หยุดสงกรานต์ ๑๓-๑๔-๑๕ เมษา."เปิดมาอีกวันศุกร์ที่ ๑๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ และวันนั้นคือ "ผลสอบของ" สงครามกลางเมือง "อภิสิทธิ์-อนุพงษ์-ประยุทธ์" ชื่อใครจะอยู่ในประวัติศาสตร์ลักษณะไหน

๑๕ เมษา.มาดูกัน!?

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net