สรรเสริญรับทหารใช้ปืนจริง เพื่อคุ้มครองการถอนตัวของทหารหลังถูกตีแตก

14 เม.ย. 53 - เวลา 10.30 น. มติชนออนไลน์รายงานว่าที่กองบัญชาการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร. 11 รอ.) พ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. แถลงผลการประชุม ว่าที่ประชุมได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งสำรวจและตรวจสอบอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะของรัฐที่สูญหาย หรือถูกทำลายในระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ก่อนแจ้งความดำเนินคดีภายในวันนี้ (วันที่ 14 เมษายน) เพราะบุคคลทั่วไปไม่มีสิทธิครอบครองอาวุธของทางราชการ สิ่งที่กังวลคืออาจมีผู้ไม่หวังดีนำอาวุธเหล่านี้ไปสร้างสถานการณ์แล้วโยน ความผิดให้เจ้าหน้าที่รัฐ

นอกจากนี้ พ.อ.สรรเสริญยังได้นำคลิปวิดีโอเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เมษายน จำนวน 5 คลิปมาเปิดให้สื่อมวลชนดู ซึ่งส่วนใหญ่ถูกเผยแพร่ในเวปไซต์ยูทูปแล้ว โดยในจำนวนนี้มีคลิปทหารยิงกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกนำมาเผยแพร่ลงหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์หลายฉบับรวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ พ.อ. สรรเสริญกล่าวชี้แจงว่าการ ใช้อาวุธปืนของทหารจะมี 2 ลักษณะคือ ยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อข่มขวัญ และยิงเพื่อปกป้องชีวิตของตน ซึ่งกรณีนี้เป็นการยิงเพื่อคุ้มครองการถอนตัวหลังถูกตีแตก ไม่ใช่การสุ่มยิงเพื่อหมายเอาชีวิตฝ่ายตรงข้าม เพราะเป็นการยิงทีละนัด ไม่ใช่การกราดยิงเป็นชุด อีกทั้งเมื่อมีการยิงปืนแล้วทหารก็ได้ถอนออกมา ไม่ได้เดินหน้าต่อ

"ทหารคนที่ยิงมีตัวตนชัดเจน แต่ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกกดดันฝ่ายปฏิบัติ แต่นายทหารคนดังกล่าวพร้อมจะไปชี้แจงข้อเท็จจริงในคณะกรรมาธิการ หากมีการเรียกไปตรวจสอบ" พ.อ. สรรเสริญกล่าว

ส่วนคลิปชายเสื้อแดงซึ่งถือธงในมือถูกลอบยิงจนสมองกระจาย โดยมีการกล่าวหาว่าเป็นฝีมือทหารนั้น พ.อ. สรรเสริญกล่าวชี้แจงว่า มือมืดได้ยิงปืนที่มีอานุภาพร้ายแรงมาจากฝั่งที่ผู้ชุมนุมยืนอยู่ ดังจะเห็นได้จากลักษณะการหันหน้ามองทหารของกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งนี้คาดว่าวิถีกระสุนน่าจะมาจากทางด้านหน้า ยิงเจาะเข้ากะโหลกก่อนทะลุออกด้านหลัง จึงอยากเตือนประชาชนที่ไปร่วมชุมนุมให้ระวัง เพราะอาจตกเป็นเหยื่อผู้ไม่หวังดีที่เอาชีวิตของประชาชนมาสร้างสถานการณ์

ถ้าแกนนำไม่เห็นคนยิง ชาติหน้าอย่าเกิดเป็นแกนนำเลย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินว่ากลุ่มก่อการ ร้ายที่แฝงเข้ามามีจำนวนเท่าไร พ.อ. สรรเสริญกล่าวว่า ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่มีข้อมูลด้านการข่าว และมีเบาะแสอยู่ว่าใครเป็นใคร

ผู้สื่อข่าวถามว่า วิเคราะห์ว่าเป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายคืออะไร พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า เป้าหมายเพื่อยกระดับสถานการณ์ให้รุนแรงขึ้น และต้องการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร จึงสรุปได้ว่ามี กลุ่มก่อการร้ายแฝงเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมจริง หลายภาพที่ปรากฏจะเห็นว่ามีชายสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำ ซึ่งมีตราสัญลักษณ์ดาบของนปช. อยู่ด้านหน้า คอยยืนอยู่แถวหน้าผู้ชุมนุม แต่ไม่เคยได้ยินใครส่งเสียงไล่ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เกิดในสถานที่ชุมนุมทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมจะปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น ชาติหน้าก็อย่าได้เกิดเป็นแกนนำอีกเลย

ย้ายไปราชประสงค์ถือเป็นบุญของคน กทม. อ้างผู้ชุมนุมมีแค่ 5 พัน

ด้าน ASTV ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่า เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะทิ้งเวทีชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าฯ ไปรวมตัวที่ราชประสงค์ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า หากเป็นอย่างนั้นถือเป็นบุญของคน กทม. แต่หากจะกรุณาขอให้ท่านมาร่วมที่สะพานผ่านฟ้าฯ และทิ้งแยกราชประสงค์ เพราะเป็นพื้นที่ย่านเศรษฐกิจธุรกิจที่สำคัญ ส่วนที่ผ่านฟ้าฯ จะทำความเดือนร้อนกับประชาชนน้อยเพราะเป็นสถานที่ราชการ หากเห็นแก่ประชาชนและส่วนรวมท่านสามารถตกลงใจใหม่ได้ ทั้งนี้ ประชาชนมี 3 ส่วน คือ คนส่วนใหญ่ของประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม ส่วนที่ 2 ประชาชนส่วนหนึ่งที่เชื่อคำยุยงปลุกปั่นของแกนนำ และสา่ม กลุ่มก่อการร้าย ซึ่งการแยกคนกลุ่มน้อยมาอยู่กับคนกลุ่มใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจาก ศอฉ.แล้วสื่อมวลชนต้องช่วยกัน ส่วนผู้ชุมนุมในช่วงเช้าที่ผ่านมาที่สะพานผ่านฟ้าฯ มี 3,000 คน ราชประสงค์มี 2,000 คน รวม 5,000 คน
      
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า มีสปายล้วงความลับของ ศอฉ.นั้น พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ทุกคนมีแนวความคิดแตกต่างกัน แต่การปฏิบัติหน้าที่ทุกคนต้องทำตามหน้าที่ หากใครไม่ทำก็ต้องปลด ต้องมีความผิด ส่วนกรณีที่ต่างประเทศมองว่าการยิงนายทหารระดับสูงเป็นความขัดแย้งในกองทัพ กันเองนั้น ตนยืนยันว่าไม่มี ต่างชาติคงไม่รู้เรื่องของคนไทย เราต้องช่วยกันทำให้เขาเข้าใจให้ถูกต้อง