Skip to main content
sharethis

ศอฉ.เรียกรายงานตัววันแรกเหลวมีแต่วินมอเตอร์ไซค์-วิทยุชุมชนรายงานตัว ข้าราชการ-นักธุรกิจ-นักการเมืองไม่กล้ามารายงานตัว ‘พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก’ บอกไม่ไปรายงานตัวเพราะกลัวล้มหัวฟาดโถส้วมค่ายทหาร ถ้าจะให้ติดคุกไปศาลดีกว่า รับไม่ไว้วางใจที่จู่ๆ ศอฉ. เรียกไปพบ ด้านโฆษกเพื่อไทยชี้คำสั่ง ศอฉ. เหมือนประเทศอยู่ในภาวะรัฐประหาร ใช้เป็นเครื่องมือทำลายคู่แข่งทางการเมือง

มติชนออนไลน์ รายงานว่า ที่ ศอฉ. วานนี้ (16 เม.ย.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) กล่าวเมื่อวันที่ 16 เมษายน ถึงความคืบหน้าในการที่ประชาชน ซึ่งมีชื่อในรายชื่อให้เข้ารายการงานตัวกับศอฉ. มาตรา 11(2) ของ พรก.ฉุกเฉิน ว่า วันที่ 16 เมษายนนี้ พบว่ามีมารายงานตัวบ้าง ทั้งนี้ รายชื่อทั้งหมดที่เรียกมารายงานตัวมีประมาณ 54 คน ซึ่งประกอบด้วยบุคคลหลากหลายไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง อดีตข้าราชการ หรือนักธุรกิจ แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ เพราะอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าเลยเวลาการเข้ารายงายตัวแล้ว อาจเปิดเผยชื่อได้บางส่วน 

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่าขณะที่วันนี้มีคนทยอยมารายงานตัวบางส่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้กำหนดวันเส้นตายไว้อย่างชัดเจน แต่จะดูไปตามความเหมาะสม คาดว่าน่าจะประมาณ 2 - 3 วัน

โดยเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พบกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้างและเจ้าของวิทยุชุมชน จำนวน 21 คนเข้ามารายงานตัว โดยทั้งหมดเข้าให้การกับเจ้าหน้าที่ทหารของ ศอฉ. ก่อนให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ซึ่งข้อมูลทั้งหมดถูกปิดเป็นความลับ ส่วนบุคคลที่เหลืออีก 30 คนที่ยังไม่เข้ารายงานตัว รวมถึงนักการเมืองทั้ง 3 คน ซึ่งศอฉ.กำหนดระยะเวลาในการเข้ารายงานตัว หากไม่เดินทางมาตามเวลากำหนด จะดำเนินการออกหมายจับภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ส่วนที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ ศอฉ. ออกคำสั่งเรียกบุคคลที่เป็นนักการเมืองและนักธุรกิจจำนวนประมาณ 60 คน เพื่อมารายงานตัวต่อ ศอฉ. ว่าทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยได้ประชุมหารือกัน เห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องทางการเมือง เป็นการใช้อำนาจโดยไม่สุจริตและบิดเบือน ผู้ที่ได้รับหนังสือของ ศอฉ. จึงต้องมาพิจารณาดูว่าสมควรหรือไม่ที่จะต้องไปยอมรับอำนาจดังกล่าว เพราะลักษณะการใช้อำนาจเหมือนกับประเทศอยู่ ในภาวะของการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งเป็นการใช้อำนาจอย่างอำเภอใจ ใช้อย่างไรกับใครก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม ในส่วนของสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ได้รับหนังสือ ก็จะให้ทนายความดำเนินเพื่อทราบประเด็นว่า ศอ ฉ.ต้องการให้ชี้แจงเรื่องอะไร หลังจากนั้นก็จะส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือให้ทราบ โดยจะไม่ไปชี้แจงด้วยตนเอง เพราะเห็นว่าการออกคำสั่งดังกล่าวเป็นเพียงเกมการเมืองของรัฐบาล เพื่อต้องการสร้างข่าว และทำลายคู่แข่งทางการเมือง โดยหวังผลในการทำลายขวัญกำลังใจของผู้ชุมนุม

“พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และ กรรมการ ศอฉ.ทุกคน ยุติการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และควรยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้แล้ว เพื่อให้สังคมกลับคืนสู่ความสงบสุขต่อไป เพราะถึงประกาศใช้ก็ไม่สามารถบังคับได้ เนื่องจากการใช้กฎหมายดังกล่าวไม่เป็นธรรมกับบางฝ่าย และนับวันจะเพิ่มความขัดแย้งรุนแรงบานปลายออกไป”นายพร้อมพงศ์กล่าว

มติชนออนไลน์ ยังรายงานด้วยว่า นายพงษ์ศักดิ์ รัตนพงศ์ไพศาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวเป็นหนึ่งในผู้ถูกเรียกให้เข้ารายงานตัวต่อ ศอฉ.ว่าตอนนี้อยู่อังกฤษ โดยเดินทางมาตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน เพื่อส่งลูกและดูฟุตบอลหลายนัด เพิ่งทราบข่าวว่ามีรายชื่อถูก ศอฉ.เรียกให้ไปรายงานตัวรู้สึกตกใจ แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น

ด้านนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเจ้าของห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือเรียกตัวจาก ศอฉ.อย่างเป็นทางการ หากเห็นหนังสือเมื่อไหร่ ถึงจะพิจารณาว่าสมควรไป ร.11 รอ. หรือไม่ อีกทั้งยังไม่มีโอกาสสอบถามความเห็นของบุคคลอื่นที่มีชื่อปรากฏเป็นข่าวว่า ถูก ศอฉ.เรียกตัวไปพบว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่โดยส่วนตัวมองว่าคำสั่งที่ออกมามีเจตนาข่มขู่ให้เกิดความกลัว เพราะรัฐบาลชุดนี้ชอบข่มขู่และคุกคามประชาชนอยู่แล้ว สาเหตุที่มีชื่อ น่าจะเป็นเพราะเคยเป็นอดีตรัฐมนตรี และเป็นอดีตเหรัญญิกพรรคพลังประชาชน (พปช.) มาก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ศอฉ.ระบุว่าเหตุที่ต้องเรียกตัวมาพบ เพราะเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้แก่กลุ่มคนเสื้อแดง นายสงคราม กล่าวว่า "เหรอครับ ถ้าตรวจสอบแล้วมีหลักฐาน ก็ออกหมายจับไปเลยสิ ไม่ต้องมาเรียกแบบนี้ คุณตรวจให้เจอสิว่าพวกผมผิดจริงหรือไม่ เส้นทางการเงินมันตรวจสอบกันได้อยู่แล้ว อย่างครั้งก่อนก็บอกว่ามีเงินสนับสนุนเป็นหมื่นล้านบาท ถ้าผมมีเงินขนาดนั้นเอาไปกองที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ยังไม่เต็มเลย พูดกันไปได้"

นายสงคราม ยืนยันว่า ไม่ได้ให้การสนับสนุนกลุ่มเสื้อแดง และมีหนี้สินที่แจ้งไว้กับ ป.ป.ช. ถึง 6 พันล้านบาท

ขณะที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช และอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นคำสั่ง ศอฉ.อย่างเป็นทางการ แต่เตรียมตัวไว้แล้วว่าอย่างไรก็จะไม่ไปที่ ร.11 รอ. เพราะเห็นว่าการประกาศ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาลเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

"เรื่องนี้มันน่ากลัว จู่ๆ เที่ยวมาเรียกตัวรัฐมนตรี นักการเมือง นักธุรกิจไปพบ ถามว่าเราจะไว้ใจได้อย่างไรว่าเขาจะไม่ทำอะไรเรา ผมขอรักษาชีวิตในวัย 67 ปีเพื่ออยู่กับลูกหลานอีกสัก 10 ปีดีกว่า ผมเคยเป็นตำรวจมาก่อน เวลาเจอเล่ห์กลพวกคนร้ายเลยรู้ รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว แต่เป็นคนร้ายที่ชอบใช้เล่ห์กล แล้วเราจะไปเชื่อเขาได้อย่างไร" พล.ต.ท.ชัจจ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ศอฉ.ระบุว่าหากไม่ยอมมารายงานตัว จะมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และถูกออกหมายจับ พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า "ผิดก็ผิด ถ้าจะติดคุกก็ให้ไปติดที่ศาลดีกว่าไปล้มหัวฟาดโถส้วมในค่ายทหาร มีทหารแจ้งพวกผมมาว่าเขาเตรียมใช้กองบัญชาการช่วยรบที่ จ.ชลบุรีไว้คุมตัวพวก 50-60 คนนี้แล้ว ถ้าไปรายงานตัวเมื่อไหร่ เขาก็เอาไปขังเมื่อนั้น ถ้าจะให้ไปตายแบบนั้นมันไม่เกิดประโยชน์"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net