Skip to main content
sharethis

ผบ.ทบ.เรียกประชุม ผบ.หน่วยระดับนายพลทั่วประเทศ 23 เม.ย.เตรียมแผนยึด "ราชประสงค์" คืน- DSI เตือนระบบสาธารณูปโภค ตกเป็นเป้าวินาศกรรม ชี้รัฐกำลังเผชิญหน้าภาวะที่ไม่ปกติ-'ครูประทีป' เผยเหยื่อสลายม็อบส่อพิการเพียบ-พม.สรุปยอดผู้ขอรับเยียวยาเหตุปะทะ 10 เม.ย. 406 ราย-พท.ปูด 4 บริษัทยักษ์ลงขันครั้งละ 100 ล้าน หนุนม็อบชนม็อบแดง-"วีระ"โผล่ราชประสงค์แล้วโต้ข่าวถอนตัวอ้างปวดท้อง 2 วันหายตัว

เว็บไซต์มติชนรายงานว่าในวันที่ 23 เม.ย.53 เวลา 8.30 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะเรียกผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกทั่วประเทศ (ผบ.นขต.ทบ.) ระดับนายพลขึ้นไป เข้าร่วมประชุม นขต.ทบ.ที่กองบัญชาการกองทัพบก ที่เลื่อนจากวันจันทร์ที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยจะมีนายทหารระดับสูงจำนวนมากเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. แม่ทัพภาคที่ 1 ถึงแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ(ผบ.นปอ.) ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน(ผบ.นรด.) รวมถึงผู้บัญชาการกองพล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบก ผู้บังคับการจังหวัดทหารบก และเจ้ากรมฝ่ายเสนาธิการ

การประชุมครั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ จะชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง ทบ.ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลกองทัพบกที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเหตุการณ์ปะทะกับกลุ่มคนเสื้อแดงในคืนวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยแหล่งข่าวระดับสูงของกองทัพบก เปิดเผยว่า จากนี้ไปทหารจะต้องมีการปฏิบัติขอพื้นที่แยกราชประสงค์คืน ในห้วงเวลาที่เหมาะสม และเอื้ออำนวย เพราะศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ถูกกดดันจากทั้งประชาชน และผู้ประกอบการธุรกิจบริเวณแยกราชประสงค์ ที่ได้รับผลกระทบเสียหายวันละร้อยล้านบาท อย่างไรก็ตาม พล.อ.อนุพงษ์ ย้ำเสมอ ทหารจะไม่ใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุม โดย ผบ.ทบ.จะถือโอกาสนี้ทำความเข้าใจกับ ผบ.หน่วยระดับนายพลขึ้นไป ในกองทัพภาคอื่นๆ เพื่อกำลังพลเข้าใจภาระหน้าที่ของทหารตามการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ยังต้องการจะชี้แจงกระแสข่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งข่าวความขัดแย้งกับฝ่ายรัฐบาล ที่มีบางกลุ่มพยายามสร้างข่าวให้กองทัพแตกแยกกับกันเอง รวมถึงกระแสข่าวที่ทหารจะทำการปฏิวัติ.

DSI เตือนระบบสาธารณูปโภค ตกเป็นเป้าวินาศกรรม ชี้รัฐกำลังเผชิญหน้าภาวะที่ไม่ปกติ

กรณีที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การโจมตีคลังน้ำมันขนาดใหญ่ที่ จ.ปทุมธานี มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อวินาศกรรมที่พยายามก่อเหตุหลายครั้งก่อนหน้านี้ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษเพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุแล้วนั้น นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ทางดีเอสไอได้รับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษแล้ว เพราะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคม ทำให้เกิดการหวาดกลัว เกิดความรู้สึกทีไม่ปลอดภัย มีส่วนของการกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง กระทบต่อระบบกฎหมาย เข้าข่ายมีพฤติกรรมในการก่อวินาศกรรม ทำให้ต้องระมัดระวังระบบสาธารณูปโภคทั้งหมด หรือแม้แต่การระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูงที่วังน้อย อยุธยา ก็ถือว่าเข้าข่ายการก่อวินาศกรรม ฐานก่อการร้าย เรียกได้ว่ารัฐเองกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่ปกติ

'ครูประทีป' เผยเหยื่อสลายม็อบส่อพิการเพียบ
3 องค์กร มอบเงินช่วยเหยื่อสลายการชุมนุม 10 เม.ย. จี้รัฐบาลยุติการใช้ความรุนแรงปราบประชาชน เผยผู้บาดเจ็บสาหัส ส่วนใหญ่โดนระเบิดที่ร.ร.สตรีวิทยาและสี่แยกคอกวัว..

ที่มูลนิธิ 111 ไทยรักไทย นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ ประธานมูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย พร้อมด้วย นางประทีป อึ้งทรงธรรม ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย และนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล เลขาธิการมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย แถลงข่าวมอบเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม วันที่ 10 เม.ย.

นพ.สันต์ กล่าวว่า ทั้ง 3 องค์กรได้ร่วมกันช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บจากการสลายการชุมนุม จำนวน 83 ราย เบื้องต้นให้เงินช่วยผู้เสียชีวิตรายละ 10,000 บาท บาดเจ็บสาหัส 5,000 บาท บาดเจ็บ 3,000 บาท และขอเรียกร้องต่อรัฐบาล 3 ข้อคือ 1. ให้รัฐบาลช่วยผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจโดยเร็ว 2. ให้รัฐบาลยุติการใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชน 3. ให้รัฐบาลหยุดการป้ายสีผู้ชุมนุม และเร่งดำเนินการเจรจาในแนวสันติวิธี

ด้าน นางประทีป กล่าวว่า จากการเยี่ยมผู้บาดเจ็บตามโรงพยาบาลต่างๆ พบว่าบริเวณที่ผู้ชุมนุมบาดเจ็บสาหัสมากที่สุดคือ โรงเรียนสตรีวิทยา และสี่แยกคอกวัว ส่วนใหญ่โดนสะเก็ดระเบิด และกระสุนจริง ในช่วงค่ำ ซึ่งผิดหลักการสลายการชุมนุมที่ทำในช่วงหลังพระอาทิตย์ตกดิน เท่าที่ดูอาการแล้วคิดว่า หลายคนคงต้องพิการ.

พม.สรุปยอดผู้ขอรับเยียวยาเหตุปะทะ 10 เม.ย. 406 ราย
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สรุปผลรายงานสะสมผู้ขอรับความช่วยเหลือจากเหตุการณ์ความไม่สงบ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 จนถึงวันที่ 21 เมษายน 2553 จากการรับเรื่องของศูนย์เยียวยา มีจำนวนทั้งสิ้น 406 ราย แบ่งเป็นบาดเจ็บเล็กน้อย 243 ราย บาดเจ็บธรรมดา 124 ราย บาดเจ็บสาหัส 21 ราย เสียชีวิต 18 ราย

นอกจากนี้ ยังมีการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์อีก 149 ราย และปัจจุบันยังคงมีผู้ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จำนวน 96 ราย ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการขอความช่วยเหลือจากทางศูนย์เยียวยาสามารถเดินทางมาขอรับความช่วยเหลือได้ที่ภายในสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี หรือ ติดต่อได้ที่ศูนย์ประชาบดี 1300

พท.ปูด 4 บริษัทยักษ์ลงขันครั้งละ 100 ล้าน หนุนม็อบชนม็อบแดง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการยุบสภาและแสดงความไม่พอใจต่อการชุมนุมของเสื้อแดงว่า ได้รับข่าวเชิงลึกจากนักธุรกิจบางส่วนว่า มีนักธุรกิจร่วมกันลงขันครั้งละ100 ล้านบาท จัดให้มีทั้งม็อบเชียร์ และม็อบชน โดยมีการจัดม็อบแบ่งเป็นหลายกลุ่ม ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด เน้นพื้นที่ที่มีนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล ซึ่งนักการเมืองจะหนุนในเรื่องของฐานมวลชน ส่วนกลุ่มธุรกิจจะสนับสนุนกลุ่มการเมือง ในเรื่องการเคลื่อนไหว โดยมี 4 บริษัทยักษ์ใหญ่เป็นตัวหลัก จึงสังเกตว่าม็อบพวกนี้จะส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ โดยใช้สื่อของรัฐบาลในการช่วยโปรโมท

"ทั้งนี้จะเห็นได้จากการชุมนุมมีความเข้มข้นขึ้น เนื่องจากต้องการต่ออายุรัฐบาล การชุมนุมครั้งนี้แสดงให้เห็นชัดถึงการแบ่งชนชั้นระหว่างนายทุนที่หนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนักการเมือง กองทัพ และกลุ่มแนวร่วมอำมาตย์" นายพร้อมพงศ์ กล่าว

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่า คนชุมนุมที่มาจากเสื้อหลากสีทำผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่รัฐบาลไม่มีการดำเนินการใดๆ ไม่ว่าฝ่าย ศอฉ.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ แสดงให้เห็นชัดว่าเป็นการปฏิบัติสองมาตรฐาน และเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รับผิดชอบตามมาตรา 157 ดังนั้น ภายในสัปดาห์หน้าพรรคเพื่อไทยจะไปยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกระบวนการยุติธรรม เพื่อเอาผิดต่อนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะ ผอ.ศอฉ. รวมทั้งรักษาการผบ.ตร. ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ต่อไปสำหรับในวันที่23 เม.ย.นี้ทางทูตานุทูตจากประเทศต่างๆจะเดินทางเข้าพบพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ ประธานพรรคเพื่อไทย เพื่อมารับฟังและชี้แจงกรณีการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา

"วีระ" โผล่ราชประสงค์แล้วโต้ข่าวถอนตัวอ้างปวดท้อง 2 วันหายตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง บริเวณแยกราชประสงค์ ตลอดทั้งวันมีกระแสข่าวว่านายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) -แดงทั้งแผ่นดินได้ถอนตัวออกจากการเป็นแกนนำคนเสื้อแดง โดยไม่ได้มาปรากฏตัวที่เวทีการชุมนุม 2 วันติดต่อกัน

เมื่อเวลา 14.30 น. นายวีระ ได้เดินทางมายังหลังเวทีปราศรัยแยกราชประสงค์ เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นให้สัมภาษณ์ถึงข่าวการถอนตัวอย่างอารมณ์ดีว่า ข่าวลือก็คือข่าวลือ เป็นข่าวที่ปล่อยกันออกมาได้ทุกวัน ไม่ได้มีอะไร

เมื่อถามว่า มีข่าวอีกด้านระบุว่าที่หายไป เพื่อไปเจรจากับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นายวีระ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของตนอยู่แล้ว เพราะเขามอบหมายให้เจรจา แต่ที่ผ่านมายังไม่มีผลอะไรเป็นที่น่าพอใจ จึงขอไม่เปิดเผยอะไร หากมีอะไรที่เป็นเรื่องดีแล้วจะบอก เมื่อถามว่า 2 วันที่หายไปนั้นไปไหน นายวีระ กล่าวว่า ไปรักษาตัว ไม่ค่อยสบาย ปวดท้อง พอรักษาเสร็จแล้วก็กลับมาทำหน้าที่ต่อ

"ณัฐวุฒิ"สยบข่าวลือ"วีระ"ลาออกแกนนำนปช. ยันไม่หาย แค่แบ่งงานกันทำ
ที่สี่แยกราชประสงค์  เมื่อเวลา 13.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.  กล่าวถึงกรณีที่นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานนปช.ไม่ได้ปรากฎตัวที่เวทีปราศรัยสี่แยกราชประสงค์ในช่วงหลังว่า  นายวีระ ไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่มีการแบ่งกันทำงานเท่านั้น ตนยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ได้เกิดกระแสข่าวลือว่า นายวีระ ได้ขอถอนตัวจากการเป็นแกนนำ นปช. เนื่องจากรับไม่ได้กับความคิดและแกนนำคนื่อนๆ ของนปช.

"ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์"ปฏิเสธกดดัน"อนุพงษ์" ใช้กำลังสลายม็อบแดง
รายงานข่าวจากเว็บไซต์ผู้จัดการเมื่อวันที่ 22 เมษายน  ระบุว่า ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กล่าวว่า ตนไม่ได้โทรศัพท์กดดัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้ใช้กำลังสลายกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมอยู่บริเวณแยกราชประสงค์ ตามที่แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวหา ขอยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะตนไม่มีอำนาจสั่งการ พล.อ.อนุพงษ์

"เรื่องนี้ไม่อยากจะตอบโต้ เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นประเด็นต่อความยาวสาวความยืด ซึ่งไม่ทราบที่มาที่ไปของประเด็นดังกล่าว ที่แกนนำคนเสื้อแดงหยิบยกขึ้นมาโจมตี แต่ยอมรับว่าได้ยินข่าวดังกล่าวตลอดทั้งวันของเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา" ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ กล่าว

ปูดชื่อ"จจ"โทร.สั่งผบ.ทบ.ปราบ
ก่อนหน้านี้นายณัฐวุฒิได้ปราศรัยในวันที่ 21 เม.ย.ว่า "จนถึงวันนี้สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ผมถามอย่างนี้เลย มันจริงอย่างที่ผมได้ยินมาหรือเปล่า ว่าตัวกองทัพอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา(ผบ.ทบ.) แม้กระทั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม) เอง ก็ไม่ประสงค์จะใช้กำลังปราบปราบประชาชนอีกแล้ว หลังจากเกิดเหตุการณ์ 10 เมษายน นายทหารใหญ่ในกองทัพเขาไม่อยากทำอีกแล้ว แต่มีสตรีคนหนึ่งชื่อท่านผู้หญิง "จจ" จ.จาน 2 ตัว โทรศัพท์กดดัน พล.อ.อนุพงษ์ ตลอดเวลา ให้ดำเนินการเด็ดขาดใช่หรือไม่"

"ผมต้องพูดครับ แล้วเกิดอะไรขึ้นผมต้องรับผิดชอบ เพราะพี่น้องผมจะบาดเจ็บล้มตาย พี่น้องผมจะตกอยู่ในอันตราย ผมก็ต้องประกาศออกมา จริงหรือไม่ท่านผู้หญิง "จจ" โทร.มากดดัน โทร.มาสร้างแรงเสียดทาน จนเดี๋ยวนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เครียด กังวล หงุดหงิด อึดอัดใจ ถามว่าทำเพื่ออะไร ถามว่าท่านต้องการชีวิตประชาชนไปทำอะไรครับ ประชาชนเขาไปทำอะไรให้ คนเขามามือเปล่าๆ เขาเพียงเรียกร้องความยุติธรรม และเรียกร้องอำนาจอธิปไตยซึ่งมันเป็นของเขาอยู่แล้ว เขาไม่ได้ต้องการอะไรใหญ่โตเพิ่มเติม ทีนี้ถ้าบ้านเมืองมีคนเคลื่อนไหวแบบนี้ มีคนทำแบบนี้ ผมถามว่าประชาชนจะอยู่กันอย่างไรล่ะครับ คนมือเปล่าๆ จะปกป้องตัวเองอย่างไร"

"ท่านผู้หญิง "จจ" พยายามเข้ามามีบทบาทในการเคลื่อนไหวทางการเมืองตลอดระยะเวลา ท่านผู้หญิง "จจ" ก็มีบทบาท มีการแสดงสถานะไปใกล้ชิดกับกลุ่มคนบางสีเสื้อ จนเป็นที่ทราบในวงสังคม ทีนี้ ถ้าบ้านเมืองมีคนเคลื่อนไหวแบบนี้ ถามว่าประชาชนจะอยู่กันอย่างไร คนมือเปล่าๆ จะปกป้องตัวเองอย่างไร" นายณัฐวุฒิกล่าว

 

 

ที่มา: เว็บไซต์มติชน เว็บไซต์ไทยรัฐ เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net