อภิสิทธิ์ชี้ยุบสภา 15 วันหรือ 30 วันจะเป็นคำตอบสังคมได้อย่างไร ทางออกของ นปช. ไม่ใช่ทางออกของประเทศ ลั่นจะคุยกับทุกฝ่ายเพื่อหาทางออก เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือสถานการณ์ฉุกเฉิน ปัญหาการชุมนุม ปัญหาความมั่นคง ส่วนเรื่องอื่นนั้นมาทีหลัง
เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.) หลังบันทึกเทปรายการเชื่อมั่นประเทศไทย นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมายังแหล่งสมาคมนายทหาร ร.11 รอ. โดยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเปลี่ยนตัวนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ ในการเป็นตัวแทนการเจรจากับกลุ่มคนเสื้อแดงว่า
การเจรจา 2 รอบที่ผ่านมายุติหลังจาก นปช.ยุติการเจรจา และหลังจากนั้นมามีกลุ่มต่างๆ อาสาตัวเป็นคนกลางมาพูดคุยกับรัฐบาล ซึ่งนายกอร์ปศักดิ์ ได้ยุติการพูดคุย ในการหาคำตอบทางการเมืองเราไม่ได้ยุติในเรื่องนี้ จำเป็นต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายต่อทางออกต่อสถานการณ์ปัจจุบัน จะเห็นว่าภาคประชาสังคมเข้าพบเพื่อปฏิรูปสังคมปฏิรูปประเทศไทย วันนี้มีกลุ่มนายโคทม อารียา ผอ.ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล ขอให้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องสื่อ ปฏิรูปการเมืองนี่คือสิ่งที่เราทำภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ปัญหาการเมือง การก่อการร้ายก็แก้ไป แต่ถ้าจะเอาการใช้กำลัง ความรุนแรง เหตุการณ์ มาข่มขู่คุกคามเพื่อให้ได้คำตอบทางการเมือง รัฐบาลไม่ยอมรับ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีของนายกอร์ปศักดิ์ เป็นการลาออกเองหรือด้วยเหตุผลอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี
เมื่อถามว่า ผู้แทนเป็นบุคคลระดับใด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีหลายกลุ่มหลายองค์กรเข้ามาพูดคุยพบปะกับอดีตนายกฯ อะไรต่างๆ ขอความเห็นไปมาตลอด แต่ถ้าจะมาพูดยื่นคำขาด 30 วันอย่างนี้ไม่ใช่ประเด็นหรอก ส่วนที่รัฐบาลประมวลความเห็นจากนักวิชาการประมวลอยู่ตลอดเวลา สังคมต้องการเห็นการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับการเมือง เรื่องยุบสภาจะต้องเอาประโยชน์ที่ยึดกับประโยชน์ของประเทศ
เมื่อถามว่า แสดงว่าภาพที่จะเห็นรัฐบาลไปนั่งคุยกับแกนนำนปช.ไม่มีอีกแล้วใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีใครมองเห็นว่าการเจรจาในรูปแบบ 2 รอบไม่สามารถหาข้อยุติได้ ส่วนการเจรจาในทางลับเพื่อหาข้อยุตินั้นขณะนี้ควรจะเป็นการพูดคุยที่หลาย ฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องบอกว่า จริงๆ สิ่งที่นปช.พยายามพูดในวันนี้เป็นการหวังผลภาพกับต่างประเทศเสีย มากกว่า
“ความจริงเรื่องข้อเสนอ 15 วัน 30 วัน พูดกันชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลไม่เห็นว่าจะเป็น 30 วัน 15 วันจะเป็นคำตอบของสังคมได้อย่างไร และถ้ายังพูดภายใต้คำพูดที่ว่า ถ้าไม่ทำอย่างนี้จะยกระดับการชุมนุมอันนี้ไม่สามารถจะนำมาใช้ในการพิจารณา ของรัฐบาลได้เลย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า นายกฯไม่ยอมรับเงื่อนไขยุบสภาภายใน 30 วันของกลุ่มคนเสื้อแดงใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่รับครับ
เมื่อถามว่า ต้องชี้แจงให้กับทูตประเทศต่างๆที่ทางกลุ่มคนเสื้อแดงเชิญไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ทางสถานทูตส่งเจ้าหน้าที่ระดับที่ปรึกษาทางการเมือง รัฐบาลทำความเข้าใจกับกลุ่มคนอยู่แล้วกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการทำความ เข้าใจ เชื่อว่าเขาจะเข้าใจ เมื่อถามว่า รัฐบาลมองเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของคนเสื้อแดงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างที่บอก วันนี้ที่มีการหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นการหวังผลให้ภาพเกิดขึ้นกับต่างประเทศมากกว่า
เมื่อถามถึงแนวทางการเจรจา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาขณะนี้มันซ้อนกันหลายส่วน คิดว่าหลายคนในสังคมเริ่มมองเห็นว่าคำพูดเรื่องการยุบสภา อาจจะไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของฝ่ายที่เรียกร้องต่างๆ เพราะมีซ้อนกันอยู่หลายกลุ่ม บางกลุ่มก็มีผลประโยชน์ของตัวเอง บางกลุ่มก็มีเป้าหมายไปไกลกว่าเป้าหมายที่ผู้ชุมนุมมาชุมนุมทราบด้วยซ้ำ ประเด็นอยู่ที่ว่าการยุบสภามาผูกพันอยู่กับตรงนี้ การยุบสภาควรจะเป็นการยุบสภาที่เหมาะสมกับประเทศ ซึ่งตนเคยพูดชัดเจนว่ามีเงื่อนไขเศรษฐกิจ งบประมาณ กติกาเรื่องรัฐธรรมนูญและเงื่อนไขเกี่ยวกับการสร้างบรรยากาศที่ดี ตนยืนยันว่าคือปัจจัยที่ต้องพิจารณา ถ้าเรากำหนดสิ่งที่ต้องทำในสังคม คำตอบจะเป็นกี่เดือนหรือกี่ปีก็ต้องเป็นตามนั้น ขณะนี้ไม่ใช่ไปทำเรื่องเดียวแล้วจะแก้ปัญหาได้ เศรษฐกิจตอนนี้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ หลายคนน่าจะมองเห็นว่า การดำเนินการตามปฏิทินงบประมาณตามปกติสำคัญไม่ควรให้ชะงักงันอะไรอีก ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญเรื่องอะไรก็อยู่ที่พรรคการเมืองจะคุยกัน นอกจากนั้นคือเรื่องสะสางเรื่องที่เกิดขึ้นตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า การเจรจามองก้าวข้ามเรื่องการยุบสภาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “เราต้องการหาคำตอบให้คนทั้งประเทศ ไม่ได้มาหาคำตอบให้เสื้อแดงกับรัฐบาลมาคุยกันแล้วไม่สนใจกับคนทั้งประเทศ เป็นอย่างไร หรือไปกระทบกับในอนาคตบ้านเมืองอย่างไร ฉะนั้นต้องหาคำตอบตรงนั้น มันจะต้องเป็นการหาคำตอบให้กับคนทุกคน แน่นอนว่าคน เสื้อแดงก็เป็นคนกลุ่มหนึ่ง”
เมื่อถามด้วยว่า แต่วันนี้ภาพที่ออกมาคือรัฐบาลเป็นคู่กรณีกับคนเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถามว่าถ้าเราไปคิดอย่างนั้นแล้วเรามาตกลงอะไรกันวันข้างหน้าจะเกิดคู่กรณี ใหม่ขึ้นหรือไม่ วันนี้ต้องรับรู้ว่าคนส่วนใหญ่ของสังคมเขาบอกชัดเจนว่าต้องทำให้บ้านเมืองมี กฎหมาย รักษากฎหมาย แน่นอนว่าการปฏิบัติต่อประชาชน ผู้ชุมนุม เขาก็มองเห็นว่า ประชาชนที่มาชุมนุมมีความเดือดร้อนก็แก้ไขให้ ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ขณะนี้เราทุ่มเทเวลา ในวันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.) ได้เชิญผบ.ทบ.มาในฐานะผู้รับผิดชอบ คงจะเห็นภาพชัดเจนว่าเราคิดอะไร จะทำอะไร
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า วันนี้ทางออกของประเทศไม่ใช่ความต้องการของกลุ่มนปช.กลุ่มเดียวใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า “ไม่ใช่อยู่แล้วครับ ไม่เคยเป็นอยู่แล้วครับ ทางออกของประเทศจะต้องเป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่”
เมื่อถามถึงความขัดแย้งระหว่างตำรวจ-ทหารในการปฏิบัติการในพื้นที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่ามีเหตุการณ์อยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่ ระดับผู้ปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการพยายามแยกผู้ชุมนุมสีลมให้ถอยกลับไปตาม แนวถนนสีลม ซึ่งในทางปฏิบัติอาจมีการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย ซึ่งได้มีการทำความเข้าใจกันแล้ว ขณะนี้การทำงานร่วมกันมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทางนายสุเทพ ได้เริ่มทำความเข้าใจอยู่แล้ว เนื่องจากภารกิจต่อไปต้องปฏิบัติร่วมกันอย่างชัดเจน
เมื่อถามถึงการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังครับๆ ขณะนี้ทุกคนเข้าใจดีว่าเรื่องเร่งด่วนคือสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีอยู่ และการคลี่คลายปัญหาการชุมนุมเคลื่อนไหว และปัญหาความมั่นคง ส่วนเรื่องอื่นนั้นมาทีหลัง
ต่อข้อถามว่า พรรคร่วมมีส่วนรับรู้ในการแก้ปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รับรู้ครับๆ มีการปรึกษาหารือระหว่างการประชุมครม. ก็ดี ระหว่างพรรคก็ดี ทั้งในส่วนของวิปรัฐบาลและแกนนำ รองนายกฯ สุเทพ ก็ทำหน้าที่นี้ตลอด ส่วนภาพที่ออกมากลายเป็นว่าพรรคประชาธิปัตย์และกองทัพทำงานเพียงลำพังโดยไม่ มีภาพพรรคร่วมเข้ามาร่วมด้วย นายกฯชี้แจงว่า มันเป็นความรับผิดชอบโดยตรง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯรับผิดชอบสื่อโดยตรง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)