Skip to main content
sharethis

ตร.-ทหารสลายด่านแดงปทุมฯได้แล้ว ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต การ์ดแดงจับตร.พกปืนแฝงตัวร่วมตั้งด่านวังน้อย/ เสื้อแดงล้อมกองบังคับการตร.แปดริ้ว โรยตะปูเรือใบสกัดเข้ากรุง ตั้งด่านสระบุรี อุดร ขณะที่พิษณุโลกโดนตีแตกเช่นกัน   

 
ตร.-ทหารสลายด่านแดงปทุมฯ กระเจิงทั้งหน้าวัดธรรมกาย-ตลาดไท
เวลา 18.25 น. รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือคนเสื้อแดง ที่ตั้งด่านสกัดเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ บริเวณหน้าวัดธรรมกาย และตลาดไท ย่านรังสิต จ.ปทุมธานี ได้สลายตัวแล้ว หลังเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าสลายการตั้งด่านดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด ส่งผลให้การจราจรบนถนนพหลโยธินขาเข้าสัญจรได้ปกติ

ก่อนหน้านี้ เวลา 17.30 น.ทหารและตำรวจปราลจลาจลจำนวนมากเดินทางจากกรุงเทพมหานคร เข้าสลายการชุมนุมบริเวณดังกล่าว โดยมีอาวุธครบมือ และเดินเรียงหน้าเข้าไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปิดถนนพหลโยธิน พร้อมกับยิงปืนกระสุนยางเข้าไป ทำให้กลุ่มชาวเสื้อแดงกว่า 500 คน หนีแตกกระเจิงไปทางถนนสีขาว หน้าวัดพระธรรมกาย พร้อมทั้งจุดไฟเผายางรถยนต์บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลทางโขลง ทำให้เกิดกลุ่มควันดำคลุ้งไปทั่วบริเวณ ทั้งนี้เ จ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวคนเสื้อแดงไว้ได้จำนวนหนึ่ง ก่อนที่จะสลายกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงออกไปพ้นถนนพหลโยธินสำเร็จโดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที สามารถจับกุมกลุ่มคนเสื้อแดงได้ 40 คน

ส่วนความเคลื่อนไหวที่เวทีราชประสงค์นั้น เวลา 18.00 น. นายจตุพร พรหมพันธ์ รองประธาน นปช. ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยระบุว่า ขอให้ นปช. ปทุมธานี อยุธยา และ นนทบุรี  ระดมกำลังไปช่วยคนเสื้อแดงที่ ตลาดไท  รังสิต เนื่องจากมีทหารได้นำกำลังพลไปปิดล้อม จึงขอให้ไปปิดล้อมทหารอีกที

ทั้งนี้ การตั้งด่านปิดกั้นถนนย่านปทุมธานีนั้นเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 11.00 น. กลุ่ม นปช. จากคลองสี่ ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ได้ยกกำลังกว่า 200 คน ได้ปิดกั้นถนนพหลโยธิน ขาเข้ากรุงเทพ กม.43-200 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อไม่ให้รถเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้ากรุงเทพฯ เพราะกลัวว่า จะเข้ามาสลายกลุ่มคนเสื้อแดงที่สี่แยกราชประสงค์ โดยอ้างว่ามีตำรวจมะเขือเทศแจ้งข่าวว่าจะมีการนำกำลังตำรวจจำนวน 7 กองร้อยจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดินทางเข้ากรุงเทพฯ จึงได้ตั้งจุดตรวจที่ปากทางเข้าวัดพระธรรมกาย ต่อมาเวลา 13.00 น. กลุ่มแกนนำ อ้างว่าได้รับแจ้งอีกครั้งว่า ตำรวจมีการเปลี่ยนส้นทางเข้าถนนมอเตอร์เวย์แทน โดยจะผ่านในช่วงเวลา 13.30 น. ไปแล้ว ทำให้กลุ่มแกนนำประกาศให้ผู้ชุมนุมไปร่วมกันปิดถนนพหลโยธินก่อนเลี้ยวเข้าถนนมอเตอร์เวย์โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงมาสมทบซึ่งมีรถยนต์และรถจักรยานยนต์กว่า300 คันและมีผู้คนประมาณ 500 คนได้มาร่วมกันตั้งจุดตรวจ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจเข้าทำการสลายในที่สุด

อยุธยา - นปช.กักตัว 6 พลทหาร
เวลา 15.00 น. มีรายงานข่าวว่า กลุ่มนปช. ที่ตั้งด่านช่องคู่ขนานบนเส้นทางถนนพลโยธินขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงหลัก กม.56 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นทางแยกก่อนจะเข้าถนนวงแหวนตะวันออก หรือมอเตอร์เวย์ ได้ควบคุมตัวพลทหาร 6 นาย ไม่ทราบสังกัด ซึ่งใส่ชุดทหาร ที่โดยสารมากับรถประจำทางและรถยนต์กระบะ พร้อมเชิญตัวมาสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่จะเดินทางเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือไม่ หากไม่เกี่ยวข้องก็จะปล่อยตัวกลับไป ซึ่งล่าสุดพบว่าพลทหารทั้ง 6 นายระบุว่ากำลังจะกลับบ้านที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนที่กลุ่ม นปช. ได้เคลื่อนไปสมทบกับ นปช.อีกกลุ่มที่ปิด ถนนพลโยธิน บริเวณด้านหน้าตลาดไทย จ.ปทุมธานี โดยได้นำทหารทั้ง 6 นายขึ้นรถขยายเสียงของกลุ่ม นปช. ไปด้วย
 

การ์ดแดงจับตร.พกปืนแฝงตัวร่วมตั้งด่านวังน้อย เจ้าตัวอ้างเป็นแตงโม

รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างกลุ่มเสื้อแดงตรวจค้นรถบนถนนพหลโยธิน ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อสกัดรถตำรวจที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เนื่องจากเกรงว่าจะสมทบกำลังเพื่อสลายการชุมนุม การ์ดของกลุ่มเสื้อแดงได้ควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รายหนึ่ง ซึ่งสวมเสื้อแดง โดยตามกลุ่มเสื้อแดงมาจากหน้าโรงงานกษาปณ์  จ.ปทุมธานี และพบว่าตำรวจรายนี้พกอาวุธปืน ขนาด 9 มม. เข้ามายืนปะปนในกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปิดถนนอยู่ด้วย ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยึดปืนดังกล่าวไว้แล้ว อ้างว่าจะคืนให้ในภายหลัง

เจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าวอ้างว่าเป็นสมาชิกเสื้อแดง ไม่ได้ปลอมตัวเข้ามาทำงาน แต่มาปิดถนนด้วยเพราะชอบเสื้อแดง เพียงแต่ช่วงที่มากันกลุ่มเสื้อแดงได้ลืมนำปืนพกประจำตัวเก็บไว้ที่บ้านเท่านั้น

สลายม็อบปิดถนนพหลโยธินจับแดง11คน
เวลา
20.00 น.ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พ.ต.อ.วิสูตร ฉัตรชัยเดช รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปทุมธานี แถลงถึงกรณีที่กลุ่ม นปช.ปิดถนนตรวจค้นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพฯว่า แกนนำได้นำรถติดเครื่องขยายเสียงปราศรัย และปิดกั้นถนพหลยินขาเข้าช่องทางด่วน ทำให้ประชาชนเดินทางไม่สะดวก จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบจนได้รับคำสั่งเมื่อเวลา 17.00 น.นำกำลังตำรวจภูธรภาค 1 และภาค 7 สนธิกำลังกับทหารส่วนหนึ่งเข้าไปดำเนินการตรวจจับกุมผู้ที่ประท้วงบริเวณดังกล่าวซึ่งจากการดำเนินการประสบความสำเร็จ แต่กลุ่ม นปช.บางส่วนหลบหนีไปได้ โดยขณะนี้ได้มีการจับกุมทั้งสิ้น 11 คน เป็นชาย 9 คน หญิง 2 คน และยึดรถในการกระทำความผิด 13 คัน ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนดำเนินคดีอยู่ ส่วนแกนนำสามารถหลบหนีไปได้ ซึ่งเมื่อมีเหตุเจ้าหน้าที่พยายามดำเนินการอย่างละมุนละม่อม เพื่อความสะดวกของประชาชน

"ในเรื่องการปิดถนน มีคำพิพากษาของศาลระบุไว้ชัดเจนเรื่องความผิดที่มีกลุ่มบุคคล 10 คนทั่วไปเข้าไปดำเนินการใดๆมีความผิดตามกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งพื้นที่ อ.วังน้อย จ.อยุธยาและอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีเป็นพื้นที่ที่อยู่ในประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเราดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ตำรวจพยายามอย่างเต็มความสามารถในการทำตามขั้นตอนหลักสากล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเจรจา ซึ่งเมื่อวานประสบความสำเร็จ แต่วันนี้ต้องมีการดำเนินการบ้าง ในส่วนที่เข้าไปจัดการให้สถานการณ์ดีขึ้น และให้ประชาชนเห็นว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ละเลย หรือใส่เกียร์ว่าง อย่างที่หลายคนเข้าใจ โดยเราจะทำให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ส่วนที่มีการมองว่า ส.ส.เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น เบื้องต้นเรามีชื่อแกนนำอยู่ ส่วนส.ส.ขณะนี้ยังไม่มีชื่อปรากฏ  ซึ่งเราจะเร่งรัดทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้เร็วที่สุด"
  
พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตตา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ร้องเรียนที่พักอาศัยย่านสารสินกับผู้โดยสารรถไฟฟ้าสถานีสยามว่าถูกการ์ดนปช. ตรวจค้นในขณะผ่านบริเวณดังกล่าว ซึ่งได้สั่งตำรวจไปประจำจุดละ 4 นายตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้การ์ดนปช.เข้าไปตรวจค้นกลุ่มคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นการรบกวนสิทธิ์ของเขา หากประชาชนประสบปัญหาแจ้งได้ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือสถานีตำรวจปทุมวัน หรือลุมพินีได้ตลอดเวลา

เตรียมดำเนินคดีแกนนำปิดหน้าโรงกษาปณ์คืนวาน
ด้านพ.ต.อ.วิสูตร ฉัตรชัยเดช รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปทุมธานี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีการปิดถนนเส้นทางการจราจรบริเวณถนนพหลโยธินทางเข้าใกล้กับโรงงานกษาปณ์หมู่4 ต.คลองหนึ่งอ.คลองหลวงจ.ปทุมธานี ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่นำกำลังมวลชนคนเสื้อแดงกว่า 500 คนไปปิดถนนพหลโยธินขาเข้าโดยการนำกระบะมาปิดกั้นถนนด้านขาเข้าทางด่วน และเส้นคู่ขนาน และมีการใช้เครื่องขยายเสียง เปิดปราศรัยโจมตีรัฐบาลและตำรวจอยู่ตลอดเวลานั้น กลุ่มผู้ชุมชุมใช้กำลังปิดล้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 4 กองร้อย จาก จ.นครพนม จ.ชัยนาท จ.ลพบุรี และ จ.นครสวรรค์ รวม 538 คน มีรถกระบะ รถบรรทุก พร้อมอุปกรณ์จำนวน 53 คัน ซึ่งหลังจากที่มีการปิดถนนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 ได้เข้าไปพูดคุยเจรจากับแกนนำ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมเกรงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างจังหวัดเข้ามาสลายม็อบในกรุงเทพฯ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำรถหลบเข้าไปข้างทางและ จอดที่บริเวณลานสนามฟุตบอลของชาวบ้านข้างเคียงที่ผ่านมา  อย่างไรก็ตามจะต้องดำเนินคดีกับแกนนำที่นำมวลชนมา เพราะการปิดถนนถือเป็นความผิดที่ชัดเจน และจะรวบรวมหลักฐานที่มีการนำกลุ่มผู้ชุมนุมมาปิดกั้นถนน และใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัยโจมตีอย่างแน่นอน ที่ผ่านมามีบางฝ่ายต้องการให้ตำรวจดำเนินการจับกุม หรือสลายการชุมนุม แต่เราคิดว่าการเจรจาน่าจะประสบผลสำเร็จจึงใช้การเจรจาการที่ตำรวจถอยกำลังออกไม่ถือว่าเป็นการเสียหน้า


สมุทรปราการ
- เสื้อแดงปากน้ำรวมตัวตั่งด่านสกัดทหารและตำรวจ
เวลา 16.15 น.พ.ต.อ.ศิริชัย ครูประเสริฐวัฒนา ผกก.สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 50 นายได้ร่วมกันนำแผ่นพับการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจำนวน 500 แผ่น ห้ามชุมนุมตั้งแต่ 5 คน ให้แก่ประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่หน้าสถานีวิทยุชุมชนคลื่น 101.25 Mhz. ผู้กล้าประชาธิปไตยมาตุภูมิเรดิโอ ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคารศูนย์ประสานงานวิทยุชุมชน จ.สมุทรปราการ เลขที่ 1747/19-20 ม.4 ภายในตลาดปู่เจ้าสมิงพราย ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงเสร็จสิ้น โดยไม่มีเหตุความวุ่นวายแต่อย่างใด

ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดเดิมได้นำกำลังเดินทางไปยัง อาคารโจนาธานแมนชั่น เลขที่ 999/101 ม.1 ภายในตลาดสำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง สมุทรปราการ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ สถานีวิทยุเพื่อประชาชนคลื่น 97.25 Mhz พร้อมแจกแผ่นพับประกาศให้กลุ่มคนเสื้อแดงที่มาเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่หน้าสถานี กว่า 100 คน รวมตัวคุมเชิงอยู่ด้านหน้า ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าแจกประกาศอย่างสะดวก พร้อมส่งเสียงโห่ร้องกดดัน แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังคงทำหน้าที่แจกจ่ายแผ่นพับจนแล้วเสร็จก่อนที่จะนำกำลังกลับออกมา

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้เข้าแจกจ่ายแผ่นพับการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้แก่กลุ่มคนเสื้อแดงสมุทรปราการ ต่อมาในช่วงเย็นเวลาประมาณ 18.00 น.ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 50 คนได้เดินทางมาที่ตั้งด่านสกัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารไม่ให้เดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร ที่บริเวณถนนสุขุมวิท ขาเข้านครบาล ก่อนถึงสามแยกซอยแบริ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 50 เมตร ที่ตั้งอยู่เขตติดต่อระหว่างสมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ก่อนถึงซอยลาซาน ทำให้การจราจรติดขัดยาวหลายกิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่จะใช้เส้นทางดังกล่าวเข้า กทม.เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน

สระบุรี- ปิดถนนสายสระบุรี-หล่มสัก ตั้งด่านหนองแค
เวลา 11.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 100 คน ทำการปิดถนนสายสระบุรีหล่มสัก บริเวณ 4 แยกราหุล อ.บึงสามพัน ฝั่งขาเข้า กรุงเทพมหานคร เพื่อทำการสกัดกั้นขบวนรถยนต์เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทำการปล่อยแถวในช่วงเช้าที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 150 นาย โดยใช้รถยนต์จำนวน 15 คัน ซึ่งจะเดินทางเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ยังกรุงเทพมหานคร โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้ทำการโบกสกัดรถยนต์ที่ขับผ่านไปมา เพื่อสำรวจดูว่ามีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจแอบแฝงไปกับรถยนต์หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณ 4 แยกราหุล ก็ได้ออกมาห้ามการกระทำดังกล่าวเพราะถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย

เวลา 14.00 น. กลุ่ม นปช. สระบุรี ประมาณ 50-60 คนตั้งจุดตรวจสกัดทหารที่จะเข้า กทม. ระหว่าง กม.ที่ 90-91 ถ.พหลโยธิน ขาล่องเข้ากทม. หมู่ที่ 14 ต.ห้วยขมิ้น  อ.หนองแค จ.สระบุรี ทั้งเส้นทางด่วน และเส้นคู่ขนาน  ส่งผลให้การจราจรเคลื่อนตัวได้ช้า ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบ แต่ทำได้เพียงให้คำแนะนำการตรวจรถต่างๆ เพื่อมิให้เป็นการกีดขวางการจราจร โดยไม่มีเหตุรุนแรงแต่อย่างใด

ฉะเชิงเทรา - ล้อมกองบังคับการตร.แปดริ้ว พบตะปูเรือใบถูกโรยทั่วเมือง 
เวลา 13.00 น. ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา มีกลุ่ม นปช.ประมาณ 200 คน นำรถยนต์โดยสารสองแถวจำนวน 15 คัน พร้อมรถจักรยานยนต์จำนวนหนึ่งไปปิดประตูทางเข้าออกทั้ง 3 ด้าน พร้อมกับปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล ที่มีการใช้อาวุธทำร้ายประชาชนจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายคน รวมทั้งกล่าวถึงการนำกลุ่มคนมาปิดทางเข้าออก เพราะไม่ต้องการเห็นตำรวจและเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้กำลังปราบปรามประชาชน ขณะเดียวกัน มีการนำตะปูเรือใบไปโรยตามจุดต่างๆ หลายแห่ง


อยุธยา
– ตั้งด่านยึดรถตู้ ตร.ลพบุรี5คัน อีก9คันไหวตัวทัน
เวลา 12.00 น. กลุ่ม นปช เกือบ 100 คน ตั้งด่านสกัดขบวนรถตู้ตำรวจภูธร จ.ลพบุรี จำนวน 14 คัน ซึ่งจะเดินทางเข้าไปเสริมกำลังดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมแยกราชประสงค์ ริมถนนสาย 347 บางปะหัน – ปทุมธานี หลัก กม.39  หน้าปั๊มน้ำมันบางจาก ม.3 ต.บ้านป้อม  อ.พระนครศรีอยุธยา  จ.พระนครศรีอยุธยา นำโดยนายสุรเชษฐ์  ชัยโกศล  ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้หยุดรถตู้ตำรวจไว้ได้ 5 คน รวมตำรวจ 55 นาย ส่วนที่เหลืออีก 9 คันสามารถวิ่งเลี้ยวแยกออกเข้าถนนสายรอง และหนีรอดไปได้ ต่อมามีนายตำรวจระดับสูงเดินทางเข้ามาเจรจากับแกนนำขอให้ปล่อยรถตู้ แต่กลุ่ม นปช. ไม่ยอม ท้ายที่สุดได้ข้อสรุปให้นำรถตู้ 5 คัน พร้อมตำรวจทั้งหมดไปจอดรวมกันที่ สภ.บางบาล ที่ห่างไป 6 กม. โดยมีกลุ่ม นปช. เฝ้ารถตู้ทั้ง 5  คันอย่างใกล้ชิด


พิษณุโลก
- ตชด.31ตะลุยฝ่าวงล้อมกลุ่มเสื้อแดงสองแควเข้ากรุง 
เวลา 12.50 น . ที่บริเวณทางเข้าค่ายเจ้าพระยาจักรี กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 31 ( กก.ตชด.31)  ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังจากถูกปิดล้อมเป็นเวลาร่วม 5 ชั่วโมง ในที่สุด กองร้อยควบคุมฝูงชนของกก . ตชด .31 ได้ตัดสินใจที่จะฝ่าม็อบเสื้อแดงพิษณุโลก ที่ปิดทางเข้าออกหน้าค่ายฯไว้ โดยค่อย ๆ เคลื่อนขบวนรถบรรทุก ที่ขนกองร้อยควบคุมฝูงชนจำนวน 150 นาย ออกจากหน้าประตูค่าย ผ่านถนน มุ่งเข้าสู่ฝูงชนเสื้อแดงพิษณุโลกที่มีจำนวนประมาณ 100 คน โดยกลุ่มคนเสื้อแดงนำสิ่งของมาตั้งกีดขวาง จากนั้น ตำรวจฯ ได้ลงจากรถ พร้อมไม้กะบอง เดินนำหน้าขบวนรถ เจรจาให้เปิดทาง แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอมจึงมีการปะทะกันประมาณ 10 นาที มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ท้ายที่สุด ขบวนของกองร้อยควบคุมฝูงชนก็สามารถฝ่าด่านเสื้อแดงออกมาได้ และกลุ่มคนเสื้อแดงได้ประสานให้จังหวัดนครสวรรค์คอยสกัดต่อไป

นางสุดาพร จันทรมณี แกนนำเสื้อแดง กล่าวว่าที่กลุ่มเสื้อแดงพิษณุโลกมาครั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนไปได้รับอันตรายจากการปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพฯ แต่กลับมาถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย และมีคนส่วนหนึ่งได้ไปแจ้งความก่อนสลายตัว


อุดรธานี
- ฮือยึดรถทหารกลับจาก3 จว.ภาคใต้
เวลา
18.00 น.ขณะที่ขบวนรถไฟลำเลียงรถบรรทุกทหาร ที่ประกอบด้วยรถยีเอ็มซี รถยูนิมอค และรถฮัมวี่ จากค่ายทหารที่ตั้งในจ.นครพนม ที่กลับจากการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงสถานีรถไฟอุดรธานี ได้ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงบุกเข้ายึดรถทหารไว้ได้ทั้งหมด พร้อมกับทหารที่ประจำรถ จำนวน 37 นาย และมีการเจรจากันระหว่างสองฝ่าย

 
 
 
 
เรียบเรียงจาก เว็บไซต์มติชน เว็บไซต์คมชัดลึก เว็บไซต์สำนักข่าวแห่งชาติกรมประชาสัมพันธ์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net