Skip to main content
sharethis

ศาลพิพากษาจำคุกคนเสื้อแดง 7 รายจากเหตุความวุ่นวายที่หน้าอนุสรณ์สถานดอนเมือง ไม่รอลงอาญาอนุติ ศอฉ.คุมสอบสวนอีก 6 วัน ส่วนตำรวจปทุมฯ บุกรวบตัว จ.ส.ต.ปริญญา พกระเบิดเอ็ม79  เบื้องต้นรับเป็นเจ้าของ เอี่ยวขบวนการค้าอาวุธ แต่ปฏิเสธไม่เกี่ยวกลุ่มคนเสื้อแดง

 

29 เม.ย.53 ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ เวลา 16.00 น. พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง นำตัวนายวรวุฒิ อุบลบาล 44 ปี กับพวกรวม 8 คน กลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการณ์แห่งชาติ หรือ นปช. ที่ก่อความไม่สงบที่เดินทางออกจากที่ชุมนุมราชประสงค์มุ่งหน้าตลาดไท แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารขัดขวางตามอำนาจใน พรก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่หน้าบริเวณหน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร วันที่ 28 เม.ย. มาส่งพนักงานอัยการเพื่อฟ้อง เป็นจำเลยต่อศาลด้วยวาจา คำฟ้องด้วยวาจามีรายละเอียดว่า เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2553 เป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลประกาศ พรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ผู้ต้องหาได้ร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป มั่วสุมเพื่อก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีการตกลงร่วมกันในการกระทำความผิด จึงได้จับกุมตัวทำการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ศาลเรียกผู้ต้องหามารับทราบคำฟ้อง ผู้ต้องหาแถลงรับสารภาพ

ศาลจึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง พิพากษาลงโทษจำคุก คนละ 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้คนละ 2 เดือน แต่เมื่อพิเคราะห์ พฤติการณ์ของจำเลยแล้ว เห็นว่า เป็นการกระทำร้ายแรง ก่อจลาจล ในช่วงที่มีการประกาศ พ.ร.ก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และการกระทำดังกล่าวทำให้ ประชาชนทั่วไปเดือดร้อน รวมทั้งมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โทษจำคุก จึงไม่สมควรให้รอลงอาญา ภายหลังมีคำพิพากษาแล้ว ญาติของจำเลยทั้ง 6 คน ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์คนละ 40,000 บาท เพื่อขอประกันตัว โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัวได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหาอีก 2 คนปฏิเสธ ศาลสั่งให้อัยการแยกฟ้องเป็นคดีต่างหาก ส่วนผู้ต้องหาที่อยู่ในความควบคุมของ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.ที่มี พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เป็น พนักงานสอบสวนเป็นผู้รับผิดชอบนั้น พนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องขออำนาจศาลควบคุมตัวผู้ต้องหาอีก 6 คนต่อ เป็นเวลา 6 วัน ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้อง

"คนสนิทพัลลภ"รายงานตัวศอฉ.หลังถูกกล่าวหาอยู่แยกคอกวัว 10 เม.ย.
พ.อ.พิชัย กระปุกทอง นายทหารคนสนิทของ พล.อ.พัลลภ
  ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเดินทางเข้ามารายงานตัวตามหมายเรียกของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่บริเวณอาคารเอก บุนนาค ภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) เมื่อวันที่ 29 เมษายน หลังถูกกล่าวหาว่าอยู่บริเวณสี่แยกคอกวัว ในวันเกิดเหตุโศกนาฏกรรม 10 เมษายน โดย พ.อ.พิชัยใช้เวลาเพียงไม่นานในการให้ข้อมูล ต่อคณะทำงาน 3 ชุดของ ศอฉ. ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนจากกองบังคับการปราบปราม กรมกิจการพลเรือนทหารบก และส่วนข่าวร่วมกองทัพ ของ ศอฉ. โดย พ.อ.พิชัยได้ปฏิเสธว่า ไม่ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่สี่แยกคอกวัว และหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ตามที่มีการแจ้งเบาะแสเข้ามา รวมทั้งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง รวมทั้งยืนยันว่า พล.อ.พัลลภ ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง หรือสนับสนุนการชุมนุมของคนเสื้อแดง

พ.อ.พิชัย กล่าวภายหลังการให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ซักถามอะไรมาก เพียงแต่อยากถามรายละเอียดที่เกี่ยวเนื่องกับ พล.อ.พัลลภ ซึ่งบอกว่าไม่ทราบ ขอให้ไปถาม พล.อ.พัลลภเอง นอกจากนั้นได้ถามความเห็นต่อรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งตนปฏิเสธที่จะตอบเช่นกัน อีกทั้งยังซักถามว่า พล.อ.พัลลภ จะมาพร้อมกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 30 เมษายนนี้หรือไม่ ซึ่งก็บอกว่าไม่ทราบ และขอให้ถาม พล.อ.พัลลภเอง

รวบมือพกเอ็ม79 จสต.ปริญญา ปัดเอี่ยวผู้ชุมนุมเสื้อแดง
ด้านเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บช.ภ.1 ร่วมกับชุดสืบสวน บก.ภ.จว.ปทุมธานี ได้เข้าจับกุมตัว จ.ส.ต.ปริญญา มณีโชติ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยสามารถจับกุมตัวได้ขณะขับรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ณส 4360 กทม. ขณะจอดติดไฟแดงอยู่ที่แยกคลองเจ็ด ถนนลำลูกกา-คลองสิบสอง ม.4 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ก่อนจะนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมยัง สภ.ลำลูกกา

ต่อมา พล.ต.ท.กฤษฎา พันธ์คงชื่น ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ร่วมกับ พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รอง.ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.เทอดคม สุภาพงษ์ ผกก.สภ.ลำลูกกา พ.ต.ท.อัธยา แถบทอง รอง.ผกก.ป. พ.ต.ต.ชนิสสร์ กระจ่างเนตร สว.สส.สภ.ลำลูกกา ได้ร่วมกันสอบปากคำ จ.ส.ต.ปริญญา มณีโชติ อย่างเคร่งเครียด นานหลายชั่วโมง หลังสอบสวนเสร็จในเบื้องต้นนั้น ทางด้าน จ.ส.ต.ปริญญา ให้การรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของอาวุธต่างๆ ที่ถูกตรวจยึดได้นั้นจริง แต่ไม่ได้เป็นของคนเสื้อแดงและไม่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงใดๆ สิ้น เพราะตนกำลังจะนำของดังกล่าวไปส่งให้ลูกค้า

จากการตรวจค้นภายในรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ณส 4630 กทม. ซึ่งเป็นของ จ.ส.ต.ปริญญา โดยในเบื้องต้นพบอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก แมกกาซีนพร้อมกระสุนเต็มแม็กจำนวน 1 อัน กล้องที่ใช้ติดปืนยาวจำนวน 1 อัน แผ่นป้ายทะเบียนปลอมจำนวน 4 แผ่น เสื้อผ้าและกระเป๋าลายพรางทหารจำนวนหนึ่ง มีด พร้อมด้วยเงินสดจำนวน 7 แสนบาทเศษ ที่ใส่ซองสีน้ำตาลจำนวน 2 ซอง

ด้าน พล.ต.ท.กฤษฎา พันธ์คงชื่น ผบช.ภ.1 กล่าวเปิดเผยว่า จากการสอบสวนในเบื้องต้นนั้น จ.ส.ต.ปริญญา ให้การรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของอาวุธต่างๆที่ถูกจับได้นั้นจริง เพราะตัว จ.ส.ต.ปริญญา นั้นเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าอาวุธ แต่ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อแดง และในวันที่ถูกตรวจค้นเจอเครื่องอาวุธต่างๆนั้น ก็เพราะจะนำของเหล่านั้นไปส่งให้ลูกค้า

ทั้งนี้จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนสามารถจับกุมตัวได้นั้น เนื่องจากพบว่า ในเวลา 10.30 น.ของวันนี้ จ.ส.ต.ปริญญา ได้เข้าไปเบิกเงินสดจำนวน 290,000 บาท ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาเซียร์รังสิต จากนั้น ก็เข้าขับรถย้อนกลับไปเบิกเงินที่ธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดสี่มุมเมือง จำนวน 3 แสนบาทเศษ จากนั้นได้ขับรถยนต์กระบะ ที่ตรวจสอบแล้วพบว่าใช้ทะเบียนปลอม ไปยังห้างบิ๊กซี สาขาลำลูกกา ซึ่งทางชุดสืบสวนได้แกะรอยตามไปจนเจอตัว จ.ส.ต.ปริญญา กำลังขึ้นรถ พร้อมขับออกไปทางคลองสิบสอง เจ้าหน้าที่จึงได้วิทยุ สกัดจับกุม จนสามารถจับกุมตัวได้โดยไม่มีการต่อสู้ขัดขืนแต่อย่างใด ที่บริเวณแยกไฟแดงคลองเจ็ดลำลูกกา

ทางด้าน พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี กล่าวต่อไปว่า ในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของ จ.ส.ต.ปริญญา เพราะทางการสืบสวนนั้นพบว่า จ.ส.ต.ปริญญา มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ ที่เคยถูกจับกุมในเขตพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และที่จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเราคงต้องควบคุมตัวไว้สอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยอาจจะมีการโอนคดีไปยัง สภ.คูคต เพื่อสะดวกต่อการทำงาน อีกทั้งยังไม่ทราบว่าทาง ดีเอสไอ นั้นจะรับโอนคดีไปทำเองหรือไม่เพราะยังอยู่ในช่วงการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งคงจะได้ประสานงานกันต่อไป

 

 

ที่มา: เว็บไซต์ไทยรัฐ เว็บไซต์มติชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net