Skip to main content
sharethis

แพทย์ทูลเชิญ "สังฆราช" เสด็จศิริราชแล้ว ศอฉ.มีมติให้ตำรวจคืนพื้นที่ถึงแยกสารสิน สุเทพ คาดโทษหากทำไม่ได้ ยันไม่ฉวยโอกาสสลายราชประสงค์ นปช. รอประชุมกำหนดท่าที แต่เสียงอ่อน

แพทย์ทูลเชิญ "สังฆราช" เสด็จศิริราชแล้ว
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม มติชนออนไลน์รายงานว่า ภายหลังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ย้ายผู้ป่วย 171 ราย ไปตามโรงพยาบาลต่างๆ รวม 27 แห่ง หลังผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ขอเข้าตรวจค้นหาทหารและตำรวจที่เข้าใจว่าแฝงตัวอยู่ในโรงพยาบาลเมื่อค่ำวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา บรรยากาศในโรงพยาบาลค่อนข้างเงียบเหงา

เวลา 14.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์เพื่อทรงเยี่ยมสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ยังคงรับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลเพียงพระองค์เดียว โดยระหว่างเสด็จฯ ทรงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานภายในโรงพยาบาล และมีพระราชปฏิสันถารกับญาติผู้ป่วย โดยมีคณะแพทย์ติดตามให้ข้อมูลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ได้ทรงรับสั่งให้ย้ายสมเด็จพระสังฆราชไปยังโรงพยาบาลศิริราชเพื่อความปลอดภัย และเสด็จฯกลับไปเมื่อเวลา 14.50 น. ต่อมาเวลา 17.30 น. แพทย์ได้ทูลเชิญสมเด็จพระสังฆราชเสด็จไปยังโรงพยาบาลศิริราชแล้ว

นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาฯ กล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ รับสั่งให้ติดตามอาการของผู้ป่วยที่ย้ายโรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด

นพ.อดิศรกล่าวเพิ่มเติมว่า หากกลุ่ม นปช.ยอมเจรจาและถอยร่นออกไปถึงบริเวณแยกสารสิน โรงพยาบาลก็จะสามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ตามปกติ

แหล่งข่าวจากโรงพยาบาลจุฬาฯกล่าวถึงการเปิดถนนราชดำริซึ่งเป็นประตูเข้าออกห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลจุฬาฯ ของกลุ่ม นปช.ออกในช่วงสายวันนี้ว่า คงไม่มีความหมายแล้ว เพราะมีการย้ายสมเด็จพระสังฆราชไปยังโรงพยาบาลศิริราชแล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุที่ต้องย้ายผู้ป่วยเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากช่างด้านอิเล็กทรอนิกส์ของโรงพยาบาลคนหนึ่งได้มาบอกผู้บริหารระดับสูงว่ามีคำขู่จากกลุ่มผู้ไม่หวังดีว่า หากถังออกซิเจนลูกใหญ่ 2 ลูก ใต้ตึก ส.ก. รวมถึงถังออกซิเจนเหลวข้างตึกอายุรศาสตร์ถูกยิงและระเบิดขึ้น แรงระเบิดจะมีรัศมีถึง 2 ช่วงตึก จึงเป็นเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ต้องย้ายผู้ป่วย เพราะไม่สามารถมั่นใจได้ว่าหากเกิดอะไรขึ้น แพทย์ พยาบาล หรือแม้กระทั่งตำรวจที่รักษาความปลอดภัยอยู่หน้าโรงพยาบาลจะช่วยเหลือผู้ป่วยได้

สุเทพ คาดโทษตำรวจ หากเอาพื้นที่คืนไม่ได้
ส่วนที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงถึงกรณีที่คนเสื้อแดงบุกเข้าไปในโรงพยาบาล ว่า ตนรู้สึกสลดใจที่เห็นภาพการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอื่น และที่น่าสลดใจยิ่งกว่าคือ สมเด็จพระสังฆราชทรงประชวรอยู่ที่นั่น ก็ถูกย้ายห้องพักเช่นกัน ทำให้คนไทยเศร้าใจและโกรธเคืองมาก ช่วงเช้าวันนี้ (วันที่ 1 พฤษภาคม) จึงได้สั่งให้พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ไปเปิดทางเข้า-ออกโรงพยาบาลให้ได้

"ถ้าผู้บริหารของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ในทุกระดับไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้ ผมจะพิจารณาโทษตามลำดับชั้น”

ศอฉ.มีมติให้ตำรวจคืนพื้นที่ถึงแยกสารสิน ยันไม่สลายราชประสงค์
ต่อมาเวลา 20.30 น. ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.แถลงผลการประชุม มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรอง ผอ.ศอฉ.เป็นประธาน มีนายกฯเข้าร่วมรับฟังว่า จากกรณีเสื้อแดงบุกเข้าไปค้นโรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นเรื่องที่สังคมไม่สบายใจด้วยกันทุกฝ่าย เพราะโดยปกติไม่ว่ากลุ่มไหนฝ่ายไหน โรงพยาบาลพร้อมบริการทุกคน แต่การดำเนินการของคนเสื้อแดงทำให้ประชาชนขาดความมั่นใจ ทุกฝ่ายจึงร่วมกันประณามการกระทำของคนเสื้อแดง ซึ่งแกนนำไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ทั้งนี้ มีคำถามว่าทำไมกำลังทหารไม่เข้าไปดูแลในโรงพยาบาลจุฬาฯ เพราะว่าโรงพยาบาลเป็นส่วนหนึ่งของสภากาชาด มีกฎข้อบังคับชัดเจนไม่ให้กำลังฝ่ายใดเข้าไปในโรงพยาบาลได้

พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ในการประชุม ศอฉ.เช้าวันที่ 1 พฤษาภาคม นายกรัฐมนตรีสั่งให้ตำรวจท้องที่เข้าไปวางกำลังและเปิดพื้นที่หน้าโรงพยาบาลให้หมด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับหมอและพยาบาล รวมทั้งให้มั่นใจกับประชาชน

"ที่ประชุมมีมติเห็นพ้องให้พรุ่งนี้ (วันที่ 2 พฤษภาคม) ดำเนินการต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้มีบางส่วนหลบไปในเกาะกลางถนน ซึ่งการทำให้ประชาชนและโรงพยาบาลเกิดความมั่นใจ หมายความว่าบริเวณนั้นทั้งหมดต้องไม่มีผู้ชุมนุมอยู่ เพื่อให้เป็นที่ไว้วางใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนั้นอีก ดังนั้น วันที่ 2 พฤษภาคม ผบ.ตร.จะต้องดำเนินการต่อเนื่อง โดยเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดด้วยวิธีต่างๆ เริ่มต้นจากการเจรจา หากไม่ได้ผลต้องใช้กำลังดำเนินการ ซึ่ง ศอฉ.มั่นใจตำรวจสามารถดำเนินการได้ ขอให้มั่นใจว่าหากพรุ่งนี้จำเป็นต้องใช้กำลังก็ไม่ใช่ประสงค์ที่จะสลายแยกราชประสงค์แต่อย่างใด แต่เป็นการขอคืนพื้นที่หน้าโรงพยาบาลจุฬาฯเท่านั้น เพื่อให้หมอพยาบาลได้ดูแลคนที่เจ็บป่วย ทั้งนี้ การปฏิบัติเป็นหน้าที่ของตำรวจก่อน เพราะเป็นพื้นที่กาชาดสากลไม่ให้กำลังทหารเข้าไปอยู่ ซึ่ง ศอฉ.มั่นใจว่าตำรวจสามารถปฏิบัติภารกิจได้ เปิดหมดจนแยกสารสิน" โฆษก ศอฉ.กล่าว

พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชย์อัตรา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า การดำเนินการของ บช.น.จะเปิดช่องทางถนนราชดำริตั้งแต่แยกวังแดงผ่านหน้าโรงพยาบาลจุฬาฯ ถึงตึกสิริกิติ์ (ส.ก.) ชึ่งได้ประสานแกนนำจนช่วงเย็นสามารถเปิดพื้นที่ถนนราชดำริ แยกศาลาแดงถึงตึก ส.ก. ได้ 160 เมตร แต่จะพยายามขอคืนพื้นที่แม้ว่าโรงพยาบาลยังไม่มั่นใจในการเปิดใช้บริการ

นปช. รอประชุม แต่เสียงอ่อน
ด้านเวทีที่ราชประสงค์ เวลาประมาณ 18.20 น. นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. แถลงข่าวว่า นายวีระ มุสิกพงษ์ ประธาน นปช. ได้เจรจากับ ผ.อ.รพ.จุฬาลงกรณ์แล้ว โดยได้ข้อสรุปว่า นปช.ยินดีอำนวยความสะดวกให้คนป่วยไปใช้บริการได้ โดย รพ.จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในวันที่ 2 พ.ค.  แต่ พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯกทม.ให้ข้อมูลบิดเบือนกับองค์การกาชาดสากล ดังนั้นในวันที่ 3 พ.ค.นปช.จะยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายคริสเตียน บรูนเนอร์ หัวหน้าฝ่ายภูมิภาคองค์กรกาชาดสากล โดยอธิบายความจำเป็นที่ นปช.ต้องเข้าไปตรวจสอบภายใน รพ.ว่าเป็นการป้องกันชีวิตของผู้ประท้วง เพราะได้ข่าวว่ามีการซ่องสุมกำลังทหารเอาไว้ภายใน โดยยืนยันว่าไม่มีเจตนาทำอันตรายหรือข่มขู่ใคร

อย่างไรก็ตาม เวลา 21.35 น. นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำ นปช. กล่าวปราศรัยถึงกรณีที่ ศอฉ.จะขอคืนพื้นที่แยกตั้งแต่ศาลาแดงถึงแยกสารสินว่า จะต้องมีการเจรจากันก่อนอันดับแรก และหวังว่าการเข้ามาขอพื้นที่คืน ตำรวจและทหารคงไม่ถืออาวุธสงครามสาดเข้าหาผู้ชุมนุม และเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ ไม่รู้ว่ารัฐจะสลายการชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์เลยหรือไม่

ด้านนายสุพร อัตถาวงศ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ นปช. ได้คืนพื้นที่บางส่วนโดยเฉพาะบริเวณ ถ.ราชดำริ ตั้งแต่สี่แยกศาลาแดงถึงตึก สก. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แล้ว แต่หากรัฐบาลจะเข้าสลายการชุมนุมจนถึงแยกสารสิน ส่วนตัวตนคงไม่สามารถให้ได้ เพราะมวลชนของเรามีเป็นจำนวนมาก ไม่สามารถเคลี่อนย้ายเต๊นท์ที่พักและอุปกรณ์ต่างๆ เข้ามาหลังพื้นที่แยกสารสินได้อีกแล้ว อย่างไรก็ตามแกนนำจะมีการประชุมเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง

 

 

ที่มา : เรียบเรียงจาก มติชน, กรุงเทพธุรกิจ, ข่าวสด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net