Skip to main content
sharethis

‘สรรเสริญ’ ลั่น ศอฉ. เตรียมรถหุ้มเกราะสลายการชุมนุม เพื่อให้ทหาร-ตำรวจมีความปลอดภัย ผู้ชุมนุมก็ปลอดภัย ชี้ดูหน้าตาคนที่นั่งหน้าเวทีแสดงว่าอยากกลับบ้านแต่ถูกการ์ดคุม ขอให้สื่อมวลชนช่วยไปถามว่าใครอยากกลับ ‘สุเทพ’ ขอให้ประชาชนออกจากพื้นที่ชุมนุมให้เหลือแต่ผู้ก่อการร้ายจะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการ หากไม่ยอมก็ต้องใช้กำลัง เพื่อให้เกิดความสงบสุข ลั่นไม่การันตีชีวิตแกนนำ

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก และ โฆษก ศอฉ. (ที่มา: ศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล)

 

วันนี้ (3 พ.ค.) เวลา 11.25 น. ณ แหล่งสมาคมนายทหาร กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม ศอฉ. เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ฝ่ายข่าวรายงานว่ายอดผู้ชุมนุมเมื่อคืนมีอยู่จำนวนประมาณ 8,000 - 9,000 คน ซึ่งจะเห็นได้ว่าลดลง ทั้งนี้จากเดิมที่เคยตั้งด่านแบบแข็งแรงอย่างเดียวนั้น วันนี้เรามีด่านลอยเพิ่มเติมขึ้นในเส้นทางที่ยังเปิดอยู่ซึ่งถือว่าเจ้าหน้าที่ทำงานได้ผลมากขึ้น ส่วนที่มีรายงานว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและผอ.ศอฉ. ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 2,000 นาย ที่มีความกล้าและมีความสามารถออกปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารติด อาวุธเพื่อปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงนี้นั้น โฆษก ศอฉ.กล่าวว่า เป็นวิธีการในการสนทนาของท่านเพื่อปลุกปลอบใจกำลังพลอย่าไปคิดอะไรมาก เจ้าหน้าที่ทุกคนก็พร้อมปฏิบัติภารกิจอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามคำสั่งดังกล่าวนั้นยังไม่ได้ยินรองนายกรัฐมนตรีสุเทพฯ กล่าวในที่ประชุมฯ


เตรียมใช้รถหุ้มเกราะเป็นกำบังเข้าสลายการชุมนุม

ต่อข้อถามว่า เมื่อวาน (2 พ.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีการสั่งให้ใช้กำลังทหารตรงนี้มี ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า เมื่อวาน (2 พ.ค.) กับช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น มีเรื่องของการให้จัดเตรียมรถเกราะ สำหรับที่จะดำเนินการในการสลายการชุมนุม เพราะว่ารถเกราะก็ถือว่าเป็นยุทโธปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจที่จะเข้าปฏิบัติภารกิจในการสลายการชุมนุมมีความปลอดภัย และจะเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีอาวุธยิงใส่เรา หรือไม่ เพราะขณะที่เคลื่อนด้วยรถเกราะเข้าไปก็จะคงได้มองเห็นว่ามีอาวุธอะไรบ้างที่ ยิงมาหาเรา ขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้ไปวิพากษ์วิจารณ์ไปก่อนล่วงหน้าว่าทำไมใช้รถเกราะกับกลุ่มผู้ชุมนุม เราต้องดูวัตถุประสงค์ของการใช้ถึงแม้ความจริงรถเกราะจะเป็นอาวุธที่เราใช้ ในสงครามเพียงแต่ว่าวัตถุประสงค์คือต้องการที่จะเป็นส่วนกำบังเพื่อสร้าง ความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารที่จะเข้าปฏิบัติภารกิจใน ขณะเดียวกัน เมื่อมีรถเกราะแล้วก็จะทำให้เราเคลื่อนที่เข้าหากลุ่มผู้ชุมนุมได้โดยไม่ต้องมีการตอบโต้กันด้วยอาวุธเกินความจำเป็นซึ่งก็ถือว่าเป็นความปลอดภัยด้วย กันทั้งสองฝ่าย แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ได้มีการนำรถเกราะเข้าไปในพื้นที่ซึ่งราย ละเอียดในการกำหนดวันเวลาที่จะนำเข้าไปนั้นต้องรอฟังคำสั่งอีกครั้งก่อน

 

ผู้ชุมนุมเหลือ 6,000 คน คนที่อยู่หน้าเวทีหน้าตาบ่งบอกว่าอยากกลับบ้าน

ต่อข้อถามว่า เรื่องยอดผู้ชุมนุมมีประมาณ 8,000 คน เป็นช่วงกลางคืนหรือเมื่อเช้านี้ โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า จำนวน 8,000 คน เป็นกลางคืน ส่วนช่วงเช้าเหลือจำนวน 6,000 คน โดยยอดจำนวน 6,000 คน นั้นจะคงตัวอยู่ในช่วงกลางวันด้วย ซึ่งเราเชื่อว่าจากภาพที่สื่อมวลชนได้นำเสนออยู่ตลอดเวลา บริเวณพื้นที่ด้านหน้าเวทีนั้นลองดูสีหน้าของกลุ่มผู้ชุมนุมผู้สูงอายุ และเด็ก ๆ ทั้งหลาย ตนคิดว่าหน้าตาของแต่ละคนก็บ่งบอกว่าอยากกลับบ้าน แต่ว่าด้วยเหตุที่เขามีการควบคุมไม่ให้กลับออกมาก็เป็นส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้นในวันที่ 4 พฤษภาคม 2553 ที่ระบุว่าจะมีการระดมมวลชนจากต่างจังหวัดเข้ามานั้น ขอเรียนวิงวอนพี่น้องประชาชนในต่างจังหวัดว่า ขอให้ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารของเพื่อนบ้านที่อยู่ในต่างจังหวัดเช่นเดียวกัน ว่าเขาเข้ามาแล้วสะดวกสบายและมีโอกาสที่จะได้กลับออกไปตามที่ท่านปรารถนา คือ ท่านอยากมาเรียกร้องได้มา ท่านมีโอกาสอยากกลับได้กลับอย่างนั้นจริงหรือไม่ คนอยากกลับแล้วไม่ได้กลับก็คงไม่อยากให้ท่านมีความรู้สึกแบบเดียวกัน และเด็ก ๆ บางคนที่ช่วยกันยกยางรถยนต์หยิบก้อนหินเขวี้ยงเจ้าหน้าที่นั้นเราก็ทราบว่า เด็กอายุเท่านี้คงไม่ได้อะไรกับทางการเมือง ตรงนี้ก็คือสิ่งที่น่าละอายที่แกนนำกลุ่ม นปช.จะต้องพิจารณาทบทวนบทบาทของตัวเองว่า "ท่านจะเรียกร้องก็ไม่เป็นไร ท่านก็เรียกร้องไปกลุ่มผู้ที่เขาอยากจะมาร่วมกับท่านก็มาไม่ได้ว่าอะไร แต่เมื่อเขาอยากกลับก็ควรจะปล่อยให้เขาได้กลับไป ไม่ใช่ไปกักเขาเอาไว้"

 

ผู้ชุมนุมกลับบ้านไม่ได้เพราะมีการ์ดคุม ขอให้สื่อมวลชนช่วยถามว่าใครอยากกลับบ้าน

ต่อข้อถามว่า ถือว่าความพยายามที่เราจะสื่อสารไปถึงผู้ชุมนุมยังไปไม่ถึงหรือไม่ เช่น อย่างบัตรประชาชนถูกยึดก็ไม่ต้องกังวล โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า เชื่อว่าเขาได้รับข้อมูลข่าวสารมากแล้วในระดับหนึ่ง เขาไม่ได้เป็นกังวลว่าไม่มีบัตรแล้วออกไม่ได้ หรือมีแต่เสื้อแดงแล้วออกไม่ได้ เพราะวันนี้ได้มีการใส่เสื้อหลากสีแล้ว แต่เขาไม่มีโอกาสออกมาเพราะมีกลุ่มการ์ดควบคุมอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจจะเข้าไปนั้นก็คงเหมือนกับไปถึงจุดสุดท้ายคือต้องการสลายการชุมนุม เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราอยากจะหวังไว้คือสื่อมวลชนทั้งหลาย ถ้าได้มีโอกาสนำเสนอเรื่องราวนี้ ถ้าแกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุมมีความบริสุทธิ์ใจว่าเปิดโอกาสใครอยากกลับก็กลับ ใครอยากมาก็มา จะลองให้สื่อมวลชนได้เข้าไปถามผู้ที่มาร่วมชุมนุมทีละคนดูไหมว่าเขาอยากกลับ หรืออยากมา

 

ไม่ได้กำหนดสลายก่อน 5 พ.ค. หรือไม่

ต่อข้อถามว่า มีการประเมินว่าจะต้องมีการยุติการชุมนุมก่อนวันที่ 5 พฤษภาคม 2553 นั้น ได้มีการกำหนดในเรื่องของเงื่อนเวลาหรือไม่ โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า เรื่องเงื่อนเวลาไม่ทราบว่ามีใครเป็นผู้กำหนดก่อนวันที่ 5 พฤษภาคม 2553 อย่างไรก็ตามในเชิงของการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงจะต้องมีความมั่นใจว่าถ้าทำแล้วต้องยุติได้ภายในวันที่ 5 พฤษภาคม เพราะถ้าเกิดมีประปรายขึ้นมาก็จะมีผลกระทบต่องานที่คนไทยมีความรู้สึกว่าเรา อยากมีโอกาสถวายความจงรักภักดี

ต่อข้อถามว่า เมื่อช่วงเช้าที่ประชุม ศอฉ.ได้มีการพูดถึงเรื่องของการขอคืนพื้นที่หน้าโรงพยาบาลจุฬาหรือไม่ว่าผู้ ชุมนุมเปิดให้แค่นั้นเป็นที่พอใจหรือยัง โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า ทางศอฉ.คงตอบไม่ได้ว่าพึ่งพอใจหรือยัง ต้องถามคณะผู้บริหาร คณะแพทย์และพยาบาลว่าท่านมีความมั่นใจต่อพื้นที่ที่กลุ่มนปช.เปิดให้แล้ว หรือยัง ซึ่งความจริงแล้วทางโรงพยาบาลจุฬาก็ไม่ได้ขอมาก เพียงแต่ขอจากแนวรั้วไปจนถึงแยกสารสิน ตรงนี้จึงไม่มั่นใจว่าทำไมกลุ่ม นปช.ถึงหวงแหนพื้นที่ตรงนี้ เป็นเพราะมีอะไรอยู่ที่สวนลุมฯหรือไม่ มีอาวุธอยู่หรือไม่ ถ้าสื่อมวลชนเข้าไปดูให้ก็จะเป็นเรื่องดี

 

สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี (ที่มา: ศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล)

 

สุเทพบอกผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ให้เหลือแต่ผู้ก่อการร้ายจะได้ให้ จนท. จัดการ

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการ ปฏิบัติการด้านกำลังในการแก้ปัญหาการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ต้องมีการปฏิบัติการด้านกำลัง เพราะประจักษ์ชัดว่าผู้มาชุมนุมไม่ได้ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ สันติอหิงสา อย่างที่พูดกัน แต่เป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย คุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชนคนอื่น สร้างความเดือดร้อน เช่นการปิดกั้นเส้นทางจราจร การยึดพื้นที่ย่านธุรกิจการค้า และการปิดบุกรุกโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งรัฐบาลต้องแก้ไข แต่ต้องใช้เวลาคือ การอธิบายให้คนบริสุทธิ์ที่เข้าไปร่วมอยู่ในกระบวนการนี้ได้รู้ว่าการชุมนุม ลักษณะนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย การที่ผู้ชุมนุมเข้าไปอยู่ในพื้นที่เท่ากับไปเป็นโล่มนุษย์ให้กับผู้ก่อการ ร้าย และผู้ที่กระทำความผิดต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร จึงขอให้ประชาชนออกจากพื้นที่แยกราชประสงค์ให้เหลือแต่พวกก่อการร้าย แกนนำหรือพวกฮาร์ดคอร์ทั้งหลาย เพื่อให้เจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลกำหนดเวลาที่จะบอกให้ประชาชนออกจากพื้นที่แยกราชประสงค์นาน แค่ไหน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็จะใช้เวลาให้มากที่สุด จนกระทั่งทุกคนในประเทศนี้ต้องได้ยิน คนที่ชุมนุมก็จะอ้างไม่ได้ว่าไม่ได้ยิน

 

หากผู้ชุมนุมไม่ยอมก็ต้องใช้กำลัง เพื่อให้เกิดความสงบสุข

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ารัฐบาลเตรียมที่จะสลายการชุมนุมใช่หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เมื่อบอกแล้ว ขอร้องแล้ว ทำวิธีต่างๆ แล้ว หากคนพวกนั้นไม่ยอมเราก็ต้องใช้กำลัง เช่น จะเห็นได้ชัดว่าขนาดไปบุกรุกโรงพยาบาล ทั้งหมอ คนไข้ พยาบาลเดือดร้อนกันไปหมด ส่งคนไปพูดจาเจรจาอ้อนวอนอย่างไรก็ยังยโสโอหังฮึกเหิมทำตัวเป็นเจ้าของแผ่นดินคนเดียว ไม่คิดถึงความทุกข์ยากของคนอื่น อย่างนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการสลายจะใช้กำลังทหารเป็นหลักหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการสนธิกำลังทั้ง ตำรวจ ทหาร พลเรือน ซึ่งเป็นการใช้กำลังจากทุกส่วน เท่าที่จะสามารถทำให้เกิดความสงบสุขเข้ามาได้

 

ลั่นจะปฏิบัติแบบสากล แต่ก็จะไม่ให้ทหารมาเสี่ยงกับผู้ก่อการร้าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกรณี 7 ตุลาฯ 51 รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้น เราจะทำตามขั้นตอนที่เป็นสากลทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการประกาศเตือน ชี้แจงอธิบาย และการปฏิบัติการจะทำจากเบาไปหาหนัก แต่เมื่อถึงทีหนักก็จะหนักจริง  เพราะจะไม่ยอมเสี่ยงให้ลูกหลานประชาชนที่เป็นตำรวจ ทหารมาเสี่ยงเสียชีวิตจากมือผู้ก่อการร้ายอีกผู้สื่อข่าวถาม ว่า กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค (บช.ภ.) 1-7 ที่ระดมเข้ามาเพิ่มอีก 2,000 นายมีความพร้อมและจะทำให้การสนธิกำลังมีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเอากำลังตำรวจมาจาก บช.ภ. ต่างๆ จำนวนมาก เพื่อมาช่วยเสริมกำลังและคิดว่าเพียงพอ

 

เมินเสียงต่างประเทศ ‘สุเทพ’ เชื่อไม่รู้เรื่องเท่าคนไทย

ต่อข้อถามว่าจนถึงวันนี้รัฐบาลมั่นใจว่ายังจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เพราะองค์กรต่างประเทศต่างๆ ออกมาเรียกร้องให้ไม่ใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็พยายามจะควบคุมให้ได้ จะสังเกตเห็นว่าการที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะออกไปเกะกะระรานคุกคามประชาชนข้างนอก ได้หยุดโดยสิ้นเชิงแล้ว ออกไปเมื่อไหร่ก็จัดการทันที อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าคนที่อยู่ต่างประเทศคงไม่รู้เรื่องเท่ากับคนไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางการเจรจายังมีความเป็นไปได้หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราก็เจรจากันอยู่เรื่อยๆ ใครอยากมาเจรจา รัฐบาลก็เจรจาด้วยตลอด เพราะคนที่มามีหลายพรรคหลายพวกเหลือเกิน ไม่รู้ว่าคนไหนของแท้ ของเทียมหรือของปลอม

 

แจงเรื่องทหารใส่รองเท้าแตะเพราะกำลังนอนอยู่แล้วตื่นเอาปืนไปสู้

ผู้สื่อข่าว ถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่ามีกองกำลังที่ใส่ชุดทหารแต่สวมรองเท้าแตะ มาลอบยิงกลุ่มคนเสื้อแดง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีทหารใส่รองเท้าแตะ เพราะทหารนอนอยู่แล้วมีคนไปยิง เขาก็ต้องลุกขึ้นเอาปืนมาต่อสู้ เป็นเรื่องจริงที่ทหารนั้นอยู่ที่ตึกชาญอิสระ วันนั้นเขายิงเข้าไปในตึกชาญอิสระ ทหารก็ต้องลุกขึ้นคว้าปืนมาต่อสู้ จะให้ทหารแต่งเครื่องแบบนอนทั้งคืนหรืออย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางแกนนำผู้ชุมนุมระบุว่ามีทหารอยู่ในโรงพยาบาลจุฬา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “โกหก พรรคนั้นโกหกกันทั้งพรรค” ผู้สื่อข่าวถามว่า นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาระบุว่าบุตรชายถูกทหารบุกตรวจค้นใช้ปืนจ่อหัว รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยืนยันว่าเราไม่มีความรุนแรง

 

ไม่การันตีชีวิตแกนนำ เพราะมีเอ็ม 16 - ทราโวมายิงทหาร

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการสลายการชุมนุมจะมีการจับตายแกนนำ เหมือนกับที่แกนนำนปช.ได้ประกาศไว้หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ถ้าเขามีอาวุธต่อสู้ก็ว่ากันไปตามเรื่องตามราว”

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าท่านไม่การันตีว่าจะไม่จับตาย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ผมจะไปการันตีชีวิตแกนนำได้อย่างไร ถ้าเขาพกปืนเอ็ม 16 หรือเอาปืนทราโวมายิงทหาร เดี๋ยวนี้แกนนำของคุณไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว”

 

ที่มาของข่าว: เรียบเรียงจาก

ศอฉ.จัดเตรียมรถเกราะ สำหรับดำเนินการในการสลายการชุมนุม เพื่อลดการตอบโต้กันด้วยอาวุธเกินความจำเป็น, ศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล, 3 พ.ค. 53 http://media.thaigov.go.th/pageconfig/viewcontent/viewcontent1.asp?pageid=471&directory=1779&contents=44367

รองนายกฯ สุเทพยันสนธิกำลังทหาร ตำรวจ พลเรือนเพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข, ศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล, 3 พ.ค. 53, http://media.thaigov.go.th/pageconfig/viewcontent/viewcontent1.asp?pageid=471&directory=1779&contents=44365

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net