Skip to main content
sharethis

เมื่อเวลา 10.30 น. เวลา 10.50 น. ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) พันเอก สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกศอฉ. แถลงภายหลังการประชุมศอฉ. ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศอฉ. เป็นประธานการประชุมดังนี้

โฆษกศอฉ. กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่กลุ่มผู้ชุมนุมนปช. ได้เริ่มชุมนุมในพื้นที่ต่าง ๆ ศอฉ. ได้ปฏิบัติงานควบคู่กับรัฐบาลมาโดยตลอด พยายามทุกวิถีทางที่จะนำความสงบกลับมาสู่บ้านเมืองด้วยวิธีการในลักษณะของ การไม่ใช้กำลังเกินความจำเป็น มีการขอคืนพื้นที่บางส่วน มีการบังคับใช้กฎหมายโดยใช้มาตรการจากขั้นเบาไปหาหนัก และได้มีการชี้แจงกับกลุ่มผู้ชุมนุมและประชาชนทราบอยู่ตลอดเวลาว่า การชุมนุมดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย รัฐธรรมนูญไม่คุ้มครอง เนื่องจากเป็นการชุมนุมที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนโดยทั่วไป ทำให้เจ้าหน้าที่ส่วนราชการต่าง ๆ ปฏิบัติภารกิจด้วยความยากลำบาก มีการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อยู่ตลอด และที่สำคัญคือมีกลุ่มก่อการร้าย มีกองกำลังติดอาวุธแฝงตัวปะปนอยู่ในพื้นที่การชุมนุม ซึ่งพื้นที่การชุมนุมที่ราชประสงค์ขณะนี้เป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย โดยศอฉ.ได้พยายามชี้แจงประชาชนมาโดยตลอด จวบจนกระทั่งนายกรัฐมนตรีได้ประกาศแผนปรองดองมีข้อความสำคัญ 5 ประการ ที่ในชั้นต้นเข้าใจว่าน่าจะได้รับการตอบรับจากแกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งถือว่ามีสัญญาณที่ดีในระยะแรก ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เกิดความรู้สึกสบายใจขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ในที่สุดวันนี้สังคมได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้พยายามตั้งเงื่อนไขรายวัน บิดพลิ้วเรื่องต่าง ๆ เพียงเพื่อที่จะประวิงเวลาออกไป แม้ว่าส่วนต่าง ๆ ของศอฉ. หรือแม้กระทั่งรองนายกฯ สุเทพได้ไปรับทราบข้อกล่าวหาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้วก็ตาม และในวันนี้ก็มีความชัดเจนมากขึ้นว่าแกนนำของกลุ่มนปช. ได้ประกาศชัดเจนว่าจะไม่ยอมรับการดำเนินการใด ๆ

ดังนั้น ในขั้นตอนต่อไป ช่วงเช้าที่ผ่านมาศอฉ. ได้มีการประชุมสรุปว่า มีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการกดดันพื้นที่การชุมนุมอย่างเต็มรูปแบบ โดยเริ่มต้นตั้งแต่วิธีการที่ไม่ใช้กำลังก่อน ด้วยการกำหนดตัดน้ำไฟ สาธารณูปโภค โทรศัพท์ การเดินทางในลักษณะของการใช้การบริการสาธารณะ รถเมล์ รถไฟฟ้า เส้นทางน้ำในคลองแสนแสบ ในบริเวณพื้นที่ชุมนุมทั้งหมด จะมีการปิดเส้นทางเข้า - ออก เส้นทางการส่งกำลังบำรุงให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม ซึ่งอาศัยอยู่ภายในบริเวณพื้นที่การชุมนุม หรือบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงอาจจะต้องได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจที่ตั้งด่านอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่การชุมนุม จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับท่านในการที่จะผ่านเข้า - ออก อาจจะต้องมีการทำเอกสารเป็นรายบุคคล โดยมาตรการต่าง ๆ ดังกล่าวจะเริ่มเร็วที่สุดตั้งแต่เที่ยงคืนวันนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะได้มีการเชิญหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการที่กำหนดมาหารือในรายละเอียดข้อปฏิบัติในวันนี้

โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ต้องขอเรียนถึงประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมในบริเวณพื้นที่ที่พัก อาศัยอยู่ แม้กระทั่งคณะทูตานุทูตต่าง ๆ ซึ่งมีสถานที่ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ชุมนุม หรือบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง ว่าอาจจะต้องประสบกับปัญหาความไม่สะดวก ไม่สบาย ในการใช้ชีวิตประจำวัน ศอฉ. จึงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ทันทีที่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับคืนสู่ปกติ ทั้งนี้ การชี้แจงข้อมูลรายละเอียดทั้งหมด จะมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบอีกครั้ง โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ชุมนุมและใกล้เคียง ทั้งด้วยใบปลิว การส่งข้อความสั้นเข้าโทรศัพท์ การชี้แจงผ่านเครื่องขยายเสียง รถขยายเสียง วิทยุ และโทรทัศน์

พร้อมกันนี้ โฆษกศอฉ. กล่าวว่า ในเวลา 13.00 น. วันนี้จะมีการเชิญผู้ว่าราชการจังหวัด 38 จังหวัดมาชี้แจงทำความเข้าใจถึงแนวทางในการปฏิบัติเมื่อมีการกดดันพื้นที่ การชุมนุมบริเวณราชประสงค์ ที่อาจจะมีผลกระทบในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ซึ่งประเด็นการประชุม อาจจะประกอบด้วยเรื่องการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อไม่ต้องการให้มีการเดินทางเข้ามาร่วมนื้นที่การชุมนุม มาตรการการปฏิบัติเพื่อดูแลความปลอดภัยภายในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ หากมีการกดดันพื้นที่การชุมนุมที่ราชประสงค์ ซึ่งจะมีผลเกี่ยวเนื่องกัน

" ต้องเรียนซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่า มาตรการที่เราได้เริ่มต้นบังคับใช้กฎหมาย และกดดันพื้นที่การชุมนุมมอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่เที่ยงคืนวันนี้เป็นต้นไป นั้น เป็นความพยายามอย่างที่สุดแล้ว ที่จะหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสีย เพราะฉะนั้นมาตรการในขั้นต้น เรื่องของการตัดการส่งกำลังบำรุง ปิดเส้นทางการเข้าแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ จำกัดการใช้บริการสาธารณูปโภคทั้งหลาย ถือว่าเป็นมาตรการในขั้นเริ่มต้นของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มรูปแบบใน วันนี้ มั่นใจว่าทางศอฉ. จะสามารถควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ ส่วนมาตรการที่จะมีต่อไปหลังจากนี้ ยังขอไม่เรียนให้ทราบ ขอแจ้งในขั้นต้นก่อน" โฆษกศอฉ. กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการดำเนินการเต็มรูปแบบแล้ว ในส่วนของอาวุธที่ยังไม่ได้คืนมา จะมีการดำเนินการอย่างไร โฆษกศอฉ. กล่าวว่า กระบวนการในการขอคืนอาวุธได้เคยชี้แจงติดต่อผ่านผู้ที่ประสานงานกับแกนนำ นปช. แล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง ซึ่งไม่เป็นไร เป็นหน้าที่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องติดตามนำอาวุธเหล่านั้นกลับมาคืนตาม กระบวนการที่ทางกองทัพได้แจ้งความไว้ ส่วนการปฏิบัติภารกิจในลักษณะของการกดดันพื้นที่การชุมนุมในขั้นต่อ ๆ ไปซึ่งจะต้องมีการใช้กำลังนั้น ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องก็ได้ประเมินสถานการณ์ และกำหนดสมมติฐานต่าง ๆ ต่อการที่กลุ่มก่อการร้ายจะนำอาวุธเหล่านั้นมาใช้ไว้เรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า พื้นที่ที่จะมีการตัดน้ำตัดไฟ จะมีบริเวณใดบ้าง โฆษกศอฉ. กล่าวว่า รายละเอียดเรื่องอาณาบริเวณจะมีการประชุมหารือในวันนี้ แต่นี่คือหลักการ จะต้องไปดูในรายละเอียดของแต่ละแบบ เช่น เส้นทางทางน้ำในคลองแสนแสบก็อาจจะต้องปิดตั้งแต่ท่าสุขุมวิทท 15 เป็นต้นไป จนกระทั่งถึงท่าบ้านครัวเหนือ เป็นต้น ในส่วนของรถไฟฟ้าก็อาจจะต้องปิดตั้งแต่สถานีสยาม ไปจนถึงสถานีเพลินจิต ราชดำริ ชิดลม แต่ถ้าทางรถไฟฟ้าบอกว่าเป็นไปไม่ได้ จะต้องปิดทั้งเส้นทางก็คงจะต้องเป็นลักษณะนั้น เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเรื่องการตัดน้ำตัดไฟ หมายความว่าบรรดาธุรกิจที่อยู่รอบ ๆ พื้นที่ราชประสงค์จะต้องได้รับผลกระทบด้วยใช่หรือไม่ โฆษกศอฉ. กล่าวว่า แน่นอนว่าต้องได้รับผลกระทบ แต่นี่คือสิ่งจำเป็นที่สุด และเราเชื่อมั่นว่าประชาชนในพื้นที่ได้เข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องทำอย่าง นั้น เพราะว่าเป็นวิธีการเดียวที่จะหลีกเลี่ยงการเสียเลือดเสียเนื้อของกลุ่มผู้ ชุมนุม แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นจุดสุดท้าย ถ้ามาตรการที่เราได้ดำเนินการ พยายามที่จะป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินอย่างที่สุดแล้ว นั้นไม่เป็นผล ก็คงต้องมีมาตรการที่เข้มข้นมากกว่านี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนที่ศอฉ. จะมีมตินี้ได้มีการประสานกับภาคธุรกิจในบริเวณนั้นบ้างหรือไม่ และมีการตอบรับอย่างไร โฆษกศอฉ. กล่าวว่า ได้มีการเคยเรียนให้ทราบคร่าว ๆ ไปแล้ว วันนี้คงมีการชี้แจงทำความเข้าใจเพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินหรือไม่ว่ามาตรการนี้จะใช้เวลาประมาณเท่าไร โฆษกศอฉ. กล่าวว่า เวลาคงตอบไม่ได้ แต่ขณะนี้สิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้กำหนดเวลาไว้คือกลุ่มผู้ชุมนุมจะต้องยุติ การชุมนุมแบบไม่มีเงื่อนไขภายในวันนี้ หมายความว่าเที่ยงคืนวันนี้จะเริ่มมีมาตรการ ส่วนจะใช้มาตรการนี้ไปนานแค่ไหนก็จะดูผลที่เกิดขึ้น แต่คงไม่เนิ่นนาน เพราะมีขีดจำกัดในเรื่องเวลาเปิดเทอมของเด็กนักเรียน ซึ่งมีผลต่อความปลอดภัยของเยาวชนของชาติอีกจำนวนมาก

โฆษกศอฉ. กล่าวด้วยว่า ประชาชนที่มีพื้นที่พักอาศัยหรือทำงานอยู่ในบริเวณย่านราชประสงค์ โดยในส่วนผู้ที่มีที่พักสำรอง เราก็อยากจะวิงวอนว่าจะขอความกรุณาให้ท่านออกจากพื้นที่ก่อน แต่ถ้าไม่มีที่พักสำรองจริง ๆ จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจที่อยู่ในด่านจะอำนวยความสะดวกออกเอกสารให้ เพื่อให้ท่านสามารถที่จะแสดงบัตรที่เจ้าหน้าที่กำหนดขึ้น ในการผ่านเข้า-ออก ทั้งนี้ ผลกระทบต้องมีแน่นอนในเรื่องของสาธารณูปโภคทั้งหลาย ซึ่งจะต้องแจ้งเตือนให้ทราบ แต่ผลกระทบที่ว่าก็คงจะไม่นาน เราคงไม่สามารถที่จะใช้มาตรการกดดันอย่างนี้ไปได้นานนัก เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมเองก็มีเครื่องปั่นไฟอยู่พอสมควร อย่างไรก็ตามเรื่องการปิดเส้นทางการเข้า-ออกแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ นอกเหนือจากผู้ที่อาศัยอยู่แถวนั้นและมีบัตรผ่านเข้า-ออกจากเจ้าหน้าที่แล้ว ก็คงทำให้พื้นที่การชุมนุมได้รับผลกดดันอยู่มากพอสมควร

อย่างไรก็ตาม โฆษก ศอฉ. กล่าวถึงมาตรการกดดันอย่างเต็มรูปแบบในพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มนปช.ว่า มาตรการดังกล่าวไม่ได้มีเฉพาะเรื่องของการตัดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ยังมีเรื่องของน้ำประปา เรื่องการผ่านเข้าออก รวมถึงเรื่องการส่งกำลังบำรุง เช่น อาหาร น้ำ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีมีการตัดสัญญาณโทรศัพท์ในบริเวณพื้นที่การชุมนุมด้วย ซึ่งตรงนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้มีการหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับการ ดำเนินการอีกครั้ง ทั้งนี้ เราได้เรียนชี้แจงมาโดยตลอดว่าการชุมนุมขณะนี้นั้น เป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและมีกลุ่มก่อการร้ายแฝงตัวอยู่ เพราะฉะนั้น ศอฉ. มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดให้ยุติการชุมนุม ได้ เพื่อนำความสงบมาสู่บ้านเมืองโดยเร็วและเป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

"สิ่งต่าง ๆ ที่ได้เคยเรียนมาโดยตลอดว่าพื้นที่ไม่ปลอดภัยมีการก่อการร้ายอยู่ ขอให้ท่านออกจากพื้นที่ชุมนุม ขอให้ท่านยุติการชุมนุม เป็นสิ่งที่เราได้แจ้งเตือนมาโดยตลอดไม่ใช่เพิ่งทำวันนี้" โฆษก ศอฉ.กล่าว

ต่อข้อถามว่า การดำเนินการดังกล่าวของ ศอฉ.ได้มีการชี้แจงให้ทางสถานทูตได้รับทราบหรือยัง โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รับทราบข้อมูลแล้ว และได้มีการติดต่อประสานงานขั้นต้นเรียบร้อยแล้ว ในส่วนกองทัพก็ได้มีการชี้แจงผ่านผู้ช่วยทูตทหารไปแล้วเช่นเดียวกัน

ต่อข้อถามว่า มาตรการกดดันพื้นที่การชุมนุมดังกล่าวของศอฉ.เป็นแนวความคิดของคนใดคนหนึ่ง หรือเป็นมติของที่ประชุม โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า เป็นมติของที่ประชุมฯ

ต่อข้อถามว่า แสดงว่าขณะนี้ฝ่ายกองทัพพร้อมแล้วที่จะใช้กำลังทหารในการขอพื้นที่คืน โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า เราพร้อมนานแล้ว แต่อย่างไรก็ตามตนก็ยังไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องการสลายการชุมนุม การบังคับใช้กฎหมายและกดดันพื้นที่แบบเต็มรูปแบบจะได้เริ่มต้นตั้งแต่เที่ยง คืนวันนี้เป็นต้นไป เพราะนายกรัฐมนตรีได้กำหนดวันเวลาที่ชัดเจนแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีทอดสะพานเพื่อความปรองดองอย่างที่สุดแล้ว และท่านก็เห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ที่ทางแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้แสดงออกมานั้นเป็นเงื่อนไขรายวัน เช่น การมอบตัวกับดีเอสไอ การไปรับทราบข้อกล่าวหากับดีเอสไอก็บอกว่าไม่ได้ ต้องเป็นที่กองปราบปราม ด้วยเหตุที่ว่าดีเอสไอเป็นกรรมการคนหนึ่งใน ศอฉ. แล้วผบ.ตร.ไม่ได้เป็นกรรมการหรือ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนรับทราบอยู่แล้ว ว่าเป็นเพียงเงื่อนไข ส่วนกรณีแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมจะขอเปิดพีทีวีนั้น นายกรัฐมนตรีก็ได้กำหนดไว้แล้วในรายละเอียดของการปรองดองว่า ถ้าแผนปรองดองนำเนินไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องมีการลงรายละเอียดกันว่าสถานีโทรทัศน์ทั้งหลายนั้น จะต้องยึดอยู่ในกรอบของการไม่ปลุกระดมหรือปลุกปั่นให้ประเทศชาติเกิดความแตก แยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่จาบจ้วงสถาบันอันเป็นที่รักและเคารพของพวกเรา รวมทั้งไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะมาคืนพีทีวีในขณะนี้ ทุกคนก็รับทราบว่าเป็นการโจมตี เป็นการกล่าวร้าย และเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอยู่ตลอดเวลานั้น จึงเป็นไปไม่ได้ อันนี้คือเงื่อนไขรายวันซึ่งเรารอไม่ได้อีกแล้ว

ต่อข้อถามว่า การทอดระยะเวลามานานขนาดนี้เป็นการให้โอกาสแล้วใช่หรือไม่ โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า ถือว่าเป็นการพยายามอย่างที่สุดที่จะให้เกิดความสงบของบ้านเมืองโดยที่ไม่มี การสูญเสียในเรื่องของชีวิตและทรัพย์สิน ที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่ทำ เราทำมาโดยตลอดแต่เป็นมาตรการที่อะลุ่มอล่วยและเป็นมาตรการที่ผ่อนปรนในบาง เรื่องควบคู่กันไปกับศอฉ.และรัฐบาล แต่วันหนึ่งที่มาตรการทั้งหลายเหล่านั้นสังคมได้รับทราบแล้วว่าไม่เพียงพอ ที่จะยุติสิ่งต่าง ๆ ได้ จึงต้องมีมาตรการที่เต็มรูปแบบ

ต่อข้อถามว่า ศอฉ.มั่นใจได้หรือไม่ว่าทุกอย่างจะสงบภายในสัปดาห์นี้ โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า ก็ต้องสงบ แต่ว่าในสัปดาห์หรือระยะเวลานั้นตนกำหนดไม่ได้ แต่อย่างที่เรียนให้ทราบว่าเวลาเปิดเทอมใกล้เข้ามาแล้ว และนายกรัฐมนตรีก็ได้ขีดเวลาที่ชัดเจนแล้วว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่กลุ่ม นปช.ต้องยุติการชุมนุมโดยไม่มีเงื่อนไข

ต่อข้อถามว่า ถ้ามีการตัดน้ำตัดไฟในส่วนของโรงพยาบาลที่อยู่ในบริเวณพื้นที่การชุมนุม ได้มีมาตรการรองรับอย่างไรบ้าง โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า จะมีการหารือในรายละเอียดกันอีกครั้ง

ต่อข้อถามว่า ทำไมถึงเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดมา 38 จังหวัดในการชี้แจงการดำเนินการของศอฉ. โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า ความจริงการเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นไม่ได้หมายความว่าจะเกิดความวุ่นวาย ขนาดนั้น เพียงแต่ว่า 38 จังหวัดได้รับการรายงานข้อมูลข่าวสารว่ามีการเคลื่อนไหวของเวทีคู่ขนาน และถึงแม้ว่าจำนวนผู้เคลื่อนไหวกลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่มากก็ตาม แต่เราก็ต้องป้องกันโดยการชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ว่าราชการจังหวัดดัง กล่าวไว้ก่อน ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ดี 

"ณัฐวุฒิ"ยื่นคำขาดให้ รบ.เลือกระหว่าง"สุเทพ-ความปลอดภัยปชช.จำนวนมาก"

เมื่อ เวลา 12.39 น. วันที่ 12 พ.ค.  นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ แถลงถึงกรณีที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)ประกาศมาตรการกดดัน ด้วยการตัดระบบสาธารณูปโภค ว่า เราขอประกาศท่าทีสุดท้ายอย่างชัดเจนว่า เราตอบรับวันเลือกตั้ง 14 พ.ย.และวันยุบสภาไปแล้ว มาตรการที่ได้มีการนำเสนอมานั้นเราก็ได้ตอบรับไปแล้ว แต่ติดค้างเรื่องเดียวคือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่งคง ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอน ถ้ามีการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องเมื่อไหร่เราก็ประกาศยุติ การชุมนุมทันที แต่ถ้านายสุเทพยังเล่นแง่ศรีธนญชัยเช่นนี้ ใช้อำนาจเล่นละครตบตาประชาชนแบบนี้เรารับไม่ได้ ยืนยันว่าถ้ารัฐบาลเลือกปกป้องนายสุเทพคนเดียวด้วยการจัดกำลังทหาร และตำรวจก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องตัดสินใจว่าเลือกอะไรระหว่างนายสุเทพกับ ความปลอดภัยของประชาชนจำนวนมาก เราตัดสินใจแล้วว่าเราจะปักหลักสู้อยู่ที่นี่จนกว่าจะได้รับความยุติธรรม ถ้าหากเราจะลงจากเวทีการต่อสู้โดยไม่อาจอธิบายกับคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตไป กว่า 21 ชีวิตได้ว่าจะทวงถามความยุติธรรมอย่างไรเราก็จะอยู่ที่นี่ เป็นไงเป็นกัน เรายินดีที่จะเอาอิสรภาพของเราเป็นเดิมพันเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมต่อไป เราจะรอพวกท่านอยู่ที่นี่ด้วยมือเปล่าๆ สันติวิธี นี่เป็นท่าทีสุดท้าย เราจะไม่แสดงท่าทีนี้อีก

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตุว่า การเรียกร้องให้นายสุเทพไปมอบตัวต่อกองปราบนั้นไม่มีความหมายอะไร เพราะนายสุเทพเป็นประธานก.ตร. คิดว่าการไปรายงานตัวที่ดีเอสไอของนายสุเทพน่าจะพอแล้ว แต่เราขอบอกว่าแตกต่างกันเพราะคดีนี้เป็นคดีอาญา มีอายุความ เมื่อนายสุเทพมอบตัวอายุความก็จะเดินหน้าทันที ถ้านายสุเทพจะดำเนินการอะไรก็ทำได้ในระยะเวลา 4 เดือนนี้ เพราะนายกรัฐมนตรีประกาศระยะเวลาการยุบสภาไปแล้วในเดือนก.ย. ดังนั้นการไปดีเอสไอที่ผ่านมาของนายสุเทพจึงไปในฐานะผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่ผู้ต้องหา

"ก่อแก้ว" ยัน "วีระ"ไม่มอบตัวแล้ว กองปราบจัดที่รอเก้อ

พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการกองปราบปราม(รรท. ผบก.ป.) กล่าวเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ว่า ได้รับการประสานจากนายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน พร้อมด้วยนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำนปช. จะขอมอบตัวที่กองปราบปราม ในเวลา 14.00 น.

อย่างไรก็ตาม ต่อมา นายก่อแก้วได้แถลงข่าวที่หลังเวทีราชประสงค์ยืนยันตนและนายวีระจะไม่ไปมอบ ตัว โดยนายวีระยังอยู่ในประเทศและไม่ได้เจรจากับรัฐบาลแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยอมรับว่าแกนนำเสื้อแดงยังมีความเป็นเอกภาพ แต่อาจมีความคิดเห็นต่างในบางเรื่อง

"เหวง"ปัด"วีระ"ออกนอกประเทศ ยันแกนนำแดงไม่แตก

วันที่ 12 พ.ค. นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน กล่าวถึงกระแสข่าวแกนนำเสื้อแดงแตกคอกัน หลังหาข้อสรุปยุติม็อบไม่ได้ ว่า ยืนยันว่าแกนนำไม่ได้แตกกันอย่างที่เป็นข่าว ส่วนนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำเสื้อแดง ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศแต่อย่างใด เพียงแต่ไม่สบายเท่านั้น

บอกหากม็อบเลิก 24แกนนำพร้อมมอบตัว

นพ.เหวง กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์การชุนนุมของคนเสื้อแดง ว่า หากยุติการชุมนุมแล้ว แกนนำทั้ง 24 คน รวมทั้งนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง พร้อมมอบตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ทนายนปช.ยันเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แกนนำมอบตัวทันที

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 พฤษภาคม นายคารม พลทะกลาง ทนายความกลุ่ม นปช. พร้อมคณะ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 (ฝ่ายสอบสวน) และพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เพื่อสอบถามกรณีหมายจับแกนนำและบรรดา นปช. ที่ถูกออกหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และคดีอาญา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ต่อมานายคารม เปิดเผยว่า วันนี้ได้รับการประสานจาก พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. เรื่องเข้ามอบตัว โดยอยากให้แกนนำทุกคนเข้ามอบตัว โดยหากจะมีการเข้ามอบตัวจริงๆน่าจะเป็นที่กองปราบ เพราะการเข้ามอบตัวเป็นไปตามหมาย ฉ.หรือตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งนอกจากนี้ ก็มีหมายเรื่องข้อหาก่อการร้าย ของดีเอสไอ ข้อหาล้มเจ้า ก็อยู่ในอำนาจสอบสวนของดีเอสไอ ซึ่งมีการแจ้งไปแล้ว แต่การสอบสวนพยาน หลักฐานคดีล้มเจ้ายังไม่ชัดเจน ประเด็นของพวกตนคือ แกนนำอยากมอบตัว หากชัดเจนในเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะสามารถควบคุมตัวได้ 7 วันตามมาตรา 12 จะทำอย่างไร ซึ่งที่จริงดีเอสไอ ซึ่งเป็น 1 ในกรรมการของ ศอฉ. ต้องชัดเจน ว่าหากมอบตัวแล้ว จะมีการขอเพิกถอนหมายตรงนี้ได้หรือไม่ เพราะจะเป็นการปรองดอง เพราะหากมอบตัวก็ประกันตัวไม่ได้ เพราะไม่ใช่อำนาจศาล แต่เป็นอำนาจของศอฉ.

นายคารมกล่าวอีกว่า เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้หารือกับทางนายธาริศ เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าหากแกนนำทุกคนไปมอบตัวในทุกข้อหาที่ไม่ใช่ข้อหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งกองปราบเป็นคนขอก็ต้องไปฝากขังที่ศาล ซึ่งพวกเราไม่ได้ห่วงอำนาจศาล แต่หากรัฐบาลต้องการปรองดองจริงๆ ก็ให้เพิกถอนและไปจบที่กองปราบเลยจะดีที่สุด ซึ่งหลังจากนี้จะไปเรียกแกนนำทุกคน ซึ่งประเด็นวันนี้คือ มีหลายข้อหา โดยเฉพาะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มี 37 คน รวมแกนนำด้วย หากมอบตัวการควบคุมตัวไม่ใช่เรือนจำ ไม่ใช่ศาล เพราะเหตุหมดแล้ว  ขณะนี้เราไม่กังวลเพราะคดีล้มเจ้าการสอบสวนยังไม่ไปถึงไหน แต่ข้อหาก่อการร้าย เป็นหนึ่งในคดีพิเศษ หากเรื่องนี้จบ ไม่ต้องไปที่ศาลก็รับได้ ส่วนจะมอบตัววันไหน เบื้องต้นก็ยังเป็นกำหนดเดิมคือ วันที่ 15 พฤษภาคม แต่ก็ยังไม่มีอะไรชัดเจน เพราะหากมีการมอบตัว แต่ไม่ได้รับการปล่อยตัวก็คิดว่าแกนนำคงไม่เข้ามอบ เพราะกังวลเรื่องนั้น และมีผลกระทบว่าคนที่ชุมนุมที่ราชประสงค์จะทำอย่างไร วันนี้หากไม่มีเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เข้ามอบตัวเลย ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีบางคนชิงเข้ามอบตัวก่อนนั้นก็ยังไม่มี หากมีการมอบตัวก็น่าจะพร้อมกัน โดยน่าจะไปที่กองปราบ โดยดีเอสไอก็มาที่กองปราบได้ ทั้งในส่วนคดีก่อการร้าย และล้มเจ้า ส่วนประเด็นนายสุเทพ ( นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี) ก็เป็นอีกเรื่อง

“ขณะนี้มีการออกหมายจับแกนนำในเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำนวน 37 คน รวมแกนนำ หากรัฐบาลปรองดองก็ให้นโยบายกองปราบ ดีเอสไอไป ส่วนคดีอาญาก็มีอยู่แต่ยังไม่แน่นอน กรณีของนายสุเทพนั้น ตามที่นายจตุพร (พรหมพันธ์ แกนนำนปช.) พูดก็ถูกที่เป็นเหมือนการเล่นปาหี่ การเล่นละคร เหมือนไปสอบถามเท่านั้น เพราะไม่มีการพิมพ์นิ้วมือ ถ่ายรูปทำตามขั้นตอน ก่อนปล่อยตัวกลับ มันไม่มีขั้นตอนนั้น เพราะยังไม่มีคดี อย่างไรก็น่าจะโดนดำเนินคดี อยากให้นำไปสู่กระบวนการจริงๆดีกว่า หากมอบตัวไม่ถูกต้องก็ต้องเริ่มใหม่ เรื่องนี้ก็น่าคิด หากนายสุเทพอยากให้ปรองดองก็มอบให้ถูกต้องเลย ” นายคารมกล่าว

ที่มาข่าว: มติชนออนไลน์, กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net