Nick Nostitz: ในเขตสังหาร

นั่งอยู่ที่บ้าน ผมไตร่ตรองถึงวันที่ 15 พค.ว่ามันเป็นความจริง หรือว่ามันเป็นแค่ฝันร้ายกันแน่ ไม่เคยเลยในชีวิตที่ผมจะรู้สึกหวาดกลัวอย่างนี้มาก่อน ช่วงเวลาหนึ่งในวันนี้ผมคิดว่าผมคงต้องตายแน่

ตอนช่วงเวลาอาหารกลางวันผมไปสามเหลี่ยมดินแดงเพื่อไปดูการประท้วงที่นั่น มีผู้ชุมนุมผู้จำนวนหนึ่ง ไม่มากไปกว่าสองสามร้อยคน มีเศษข้าวของจากการปะทะกันเมื่อคืนหลงเหลือให้เห็น มีคนเอายางรถยนตร์มาทำแนวกั้น แล้วก็มีการนำเอารถน้ำของเทศบาลเข้ามา

ไม่นานให้หลังผู้ชุมนุมเคลื่อนรถบันทุกน้ำคันดังกล่าวไปตามถนนราชปรารภตรงไปที่แนวของทหารเพื่อจะเอาไปเป็นเครื่องกีดขวางการยิงของทหาร มีผู้ชุมนุมอีกส่วนเอายางรถนับสิบๆเส้นไปวางซ้อนกันขึ้นเป็นแนวกำแพง ผู้ชุมนุมคนหนึ่งที่มีหนังสติ๊กอยู่ในมือพูดตลกกับพวกเราที่เป็นช่างภาพว่า “เห็นรึยัง นี่แหละอาวุธที่จะต่อสู้ทหารของพวกเรา”

ผู้ชุมนุมผลักยางรถยนต์คืบไปตามถนนอีก ที่ข้างหน้าปั้มน้ำมันเชลล์ใกล้ซอยรางน้ำ ผมเข้าไปอยู่ตรงปั๊มแกสเพื่อใช้มันเป็นที่หลบ เผื่อว่าทหารจะยิงเข้ามา และทันควันนั้นทหารก็ยิงจริงๆ ห่างออกไปจากผมสักห้าเมตรมีผู้ชุมนุมกลุ่มเล็กๆติดอยู่ข้างหลังกองยางรถยนต์และมีลูกปืนวิ่งข้ามไป เสียงลูกกระสุนยิงโดนผู้ชุมนุมคนที่พูดตลกกับพวกเราที่แขนและที่ท้องช่างเป็นเสียงที่ชวนคลื่นเหียน ผู้ชุมนุมอีกสองสามคนที่อยู่ข้างๆเราพยายามจะโยนเชือกไปที่คนเจ็บเพื่อจะดึงตัวพวกเขามาหาแต่ไม่สำเร็จ เพราะทหารยิงไม่หยุด ผู้ชุมนุมอีกคนที่พยายามจะคลานหนีถูกยิงเข้าที่ขาและที่ไหล่ คนหนึ่งวิ่งเข้ามาสมทบกับพวกเราได้ ผมเริ่มจับต้นชนปลายเรื่องเวลาไม่ถูก ใครอีกคนในกลุ่มข้ามมาหาเราได้อีกคน แต่อีกคนถูกยิงเข้าที่แขน ต่อมาอีกสองคนที่บาดเจ็บยังไม่มากนักวิ่งมาหาเรา คนหนึ่งหกล้มแต่ก็คลานมาจนได้ ผมเองกลัวว่าเขาจะโดนยิงอีก

ที่หลังปั๊มแกสมีห้องน้ำ ซึ่งเป็นจุดเล็กๆที่จะน่าปลอดภัยในตอนนี้ คนที่มีแผลที่ไหล่และขาถือว่าเป็นแผลที่ไม่ลึก ผู้ชุมนุมคนนี้ พร้อมกับอีกคนที่บาดเจ็บที่แขน พร้อมกับนักข่าวอีกสองสามคนได้ปีนข้ามกำแพง ผมกลับไปที่เก่าเพื่อจะดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกผู้ชุมนุมที่ติดอยู่ข้างหลังยางรถ ผู้ชุมนุมอีกคนวิ่งหนีเข้ามาในปั๊มกาสได้อย่างปลอดภัย

แล้วผมก็ตระหนักด้วยความหวาดกลัวขึ้นทันใดว่าทหารกำลังมุ่งหน้าเข้ามาหาเรา มีการยิงเข้าใส่ปั๊มแกส ตอนแรกผมซ่อนตัวอยู่หลังรถยนต์คันหนึ่งที่อยู่ที่นั่น แต่รู้สึกว่าตัวเองน่าจะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เข้าท่าเป็นอย่างยิ่ง และควรจะต้องออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมวิ่งไปที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ไกลออกไปราวสี่สิบเมตร ขณะที่วิ่งยังรู้สึกได้ว่ามีคนยิงปืนเข้าใส่ ขาผมเกือบจะพาผมไปไม่ถึงที่ ขณะที่ความรู้สึกหวาดกลัวท่วมท้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ติดๆกันมามีคนลากผู้ชายคนที่โดนยิงเข้าไปที่นั่นด้วย ผมเก็บภาพสองสามภาพแล้วข้ามกำแพงข้างหลัง ผมกระโดดลงไปเจอสวนมีบ้านใหญ่อยู่หลังหนึ่ง ข้างๆมีบ้านไม้สองหลัง ด้านหลังมีนักข่าวจำนวนหนึ่งอยู่พร้อมกับผู้ชุมนุม คนที่อยู่ที่นั่นเอาน้ำมาให้เรา ผมเห็นว่าที่กำแพงมีคนอุ้มคนเจ็บส่งข้ามกำแพงมาจึงได้เข้าไปช่วย แต่จากหลังกำแพงผมได้ยินเสียงทหารวิ่งเข้ามาในเขตปั๊มแกส ผมวิ่งไปไม่ถึงเลยแนบตัวเข้ากับต้นไม้ที่อยู่ติดกำแพง ผมเห็นคนที่บาดเจ็บตกลงไปที่บ่อน้ำเล็กๆข้างกำแพงที่อยู่ข้างหลังผมอาจจะสักสิบเมตร

หลังกำแพงข้างในปั๊มแกสผมได้ยินเสียงทหารดังมา คงมีบางคนที่ยังติดอยู่ในห้องน้ำ ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนรัวยาวนาน ผมเห็นปลอกกระสุนกระเด็นข้ามกำแพงบ้านเข้ามา ผมได้ยินเสียงคนร้องขอความปราณี เสียงตะโกนและเสียงที่ฟังดูเหมือนเสียงรองเท้าบู้ทกระทบเนื้อคน ผมไม่เคยตกอยู่ในสภาพหวาดกลัวแบบนี้มาก่อน จากจุดที่ติดอยู่ด้านหลังกำแพง ผมภาวนาว่าไม่ให้มีใครโทรเข้ามาหาในนาทีนั้น ผมกลัวว่าทหารจะรู้ว่ามีคนหนีข้ามกำแพงเข้ามาและอาจจะยิงข้ามมาได้

ผมได้ยินเสียงทหารสั่งให้คนออกจากที่ซ่อนไม่อย่างนั้นจะโดนยิงตาย ตอนแรกผมนึกว่าเขาหมายถึงผม แต่ผมเห็นหัวของเขาที่โผล่ออกมาจากกำแพงเห็นว่าเขากำลังตะโกนใส่คนบาดเจ็บที่อยู่ในสระน้ำ ผมตัดสินใจว่าผมควรจะแสดงตัว จึงตะโกนออกไปว่าผมเป็นนักข่าวต่างประเทศและอย่าได้ยิงผม ผมตะโกนหลายครั้งกว่าที่ทหารจะได้ยิน พร้อมกับยกมือแสดงให้เห็นว่ามือเปล่า เขาสั่งให้ผมเดินออกไป ผมเดินไปหาแล้วอธิบายว่าผู้ชายที่อยู่ในสระน้ำนั้นบาดเจ็บจากแผลกระสุน ถูกยิงที่แขน เขาลอยอยู่ในสระ ใบหน้าและท้องโผล่เหนือน้ำเล็กน้อยเท่านั้น

ทหารสั่งให้ผมดึงชายคนนั้นออกจากสระ มีทหารอีกคนประโดดข้ามกำแพงเข้ามา คนที่สามขึ้นไปเฝ้าระวังจากบนกำแพง ขณะที่ผมพยายามดึงชายคนนั้นขึ้นจากสระ เขาขอร้องผม ด้วยเสียงแผ่วล้าว่าเขาทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาตัวหนักมาก ผมขอร้องให้ทหารคนหนึ่งมาช่วยด้วย ขณะที่มาช่วยดึงผู้ชายคนนั้นจากสระอย่างกระแทกกระทั้น ทหารตะโกนเข้าใส่เขาอีกว่า เขาน่าจะตายๆไปซะ และเพราะว่าเขาไม่ตายก็จะต้องเอาตัวไปโรงพยาบาล จึงควรจะตาย ว่าแล้วก็เดินจากไป

คนเจ็บคนนั้นลื่นหลุดกลับลงไปในสระ ทหารอีกคนมาช่วยผมดึงเขาขึ้นมาขณะที่คนแรกยังตะโกนด่าอยู่ ทหารคนที่อยู่บนกำแพงสั่งให้ผมช่วยคนเจ็บ ผมบอกเขาว่าผมไม่มีความรู้ เขาถูกยิงเจ็บหนักแล้วก็เลิกเสื้อของชายคนนั้นขึ้นให้ดูรูเล็กๆที่ท้อง ผมคุกเข่าลงไป เขาขอให้ผมยกแขนของเขาที่ไม่มีแรงแล้วพลิกตัวให้เขาหงายหน้าขึ้นในสระเพราะหายใจไม่ออก ผมก็ช่วย ขณะที่เขาครางด้วยความเจ็บปวด

ทหารสั่งให้เอาแปลเข้าไป แล้วสั่งผมไม่ให้ถ่ายรูป ทหารคนแรกเดินไปที่บ้าน ผมบอกเขาว่ามีนักข่าวต่างประเทศอยู่ที่นั่นหลายคน เขาเอาปืนจี้สั่งให้ทุกคนออกมา และยังสั่งพวกเขาให้หามคนเจ็บด้วยแปลออกไปผ่านทางประตูของบริเวณบ้านที่ออกไปเจอปั๊มกาสด้วย ผมนั่งลงที่บ้าน ผมเกือบจะเป็นลมอยู่แล้ว มือไม้สั่นไปหมด

กว่าจะรวบรวมสติกำลังได้อีกหนก็ใช้เวลาพอสมควร เราได้ยินเสียงรถหวอกู้ภัยใกล้เข้ามา และได้ยินเสียงทหารยิงปืนอยู่ในปั๊มแกส คนในบริเวณบ้านทำกาแฟมาให้เรา Ten ช่างภาพนสพ.แนวหน้าโทรศัพท์หาคนข้างนอกได้ และบอกไปว่าเราติดอยู่ในนั้น มี Thilo Thielke นักข่าวเดอสปีเกล ทีมช่างภาพอินโดนีเซีย ช่างภาพคนไทยของเอบีซี และผม กับผู้ชุมนุมอีกสองสามคนที่กลายมาเป็นคนขับรถจำเป็นให้พวกเรานักข่าวต่างชาติ

ผมโทรบอกภรรยากับเพื่อนอีกหลายคนว่าปลอดภัย เราได้ยินว่านักข่าวคนอื่นได้รับบาดเจ็บในเหตุวุ่นวายอันนั้น การปรึกษาหารือทางโทรศัพท์เรื่องปัญหาว่าจะเอาพวกเราออกจากที่นั่นยังไงใช้เวลาเป็นชม.ๆ เสียงปืนยังดังต่อเนื่องอีกนาน ในที่ไกลออกไป ทางทิศที่เป็นที่ตั้งเวทีปราศรัยเราได้ยินเสียงระเบิดของเอ็ม 79 แต่เราไม่ได้ยินเสียงยิงจากฝั่งสามเหลี่ยมดินแดง ดูเหมือนศอฉ.รวมทั้งนายกรัฐมนตรีเรียกประชุมจนท.ระดับสูงในเรื่องของพวกเรา คนในบ้านแถวนั้นทำอาหารเย็นมาให้เรากิน เจ้าของบ้านก็มาหา เขาพูดภาษาเยอรมันคล่องแคล่ว บอกว่าอาศัยอยู่ที่นั่นมานานแล้ว ที่ทำงานของเขาห่างจากอพาร์ทเม้นท์ของพ่อผมประมาณสิบนาที

กินอาหารเย็นเสร็จ เราได้รับคำแนะนำให้ออกจากสถานที่ผ่านทางประตูใหญ่ของบ้าน ผ่านไปทางปั๊มแกสและเดินผ่านไปทางกลุ่มทหารที่อยู่ในซอยรางน้ำ เราขอให้ทหารเข้าไปนำทางพวกเราเพราะเราไม่วางใจว่าจะเดินออกไปในที่โล่งได้แบบนั้น คำตอบก็คือว่าถ้าอย่างนั้นจะทำให้ทหารกลายเป็นเป้าไป และว่าทหารมาช่วยนำทางเราไม่ได้ เราตัดสินใจกันว่าเราต้องหาทางออกจากข้างหลังกำแพง เริ่มมืด เราได้รับคำบอกเล่าว่ามีนักแม่นปืนทำงานบนตึกสูง และอาจจะมีกลุ่มกองกำลังที่ไม่เป็นที่รู้จักเข้าต่อสู้กับทหาร เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ใครมานำทางเรา

มีการพูดโทรศัพท์อีกหลายหนพร้อมกับปรึกษาหารือกันว่าทางไหนถึงจะปลอดภัย ในที่สุดเราใช้บันไดปีนข้ามกำแพง มีผู้ชายคนหนึ่งมารับ เสียงปืนดังขึ้นอีก ค่อนข้างจะใกล้ เราต้องเข้าไปหาจุดที่ปลอดภัยกว่าที่อยู่ในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง หลังจากหารือกันอีกเราตัดสินใจกันในตอนนั้นแล้วปีนข้ามกำแพงไปออกที่ซอยเล็กๆ ปรากฏว่ามีคนอยู่แถวนั้น เราจึงถามหาทางออกที่ปลอดภัย สุดปลายซอยดูมืด และมืดมาก มีผู้ชุมนุมเสื้อแดงสองสามคนอยู่ ปรากฏว่าที่ที่เราเจอคือใต้สะพานยกระดับที่สามเหลี่ยมดินแดงนั่นเอง

มองออกไปทางขวามือจากซอย สภาพเหมือนมองเข้าไปในขุมนรกเต็มไปด้วยควันดำกับความมืดมีภาพสะพานลอยเลือนหายเข้าไปในนั้น เราเดินไปทางซ้าย ไปทางอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีคนหลบซ่อนอยู่ตามเงามืด อีกไม่นานนักเราก็ออกมาเจอพื้นที่ที่สว่างขึ้น มีคนหลายคนยืนอยู่แถวหน้าบ้าน เมื่อไปถึงอนุเสาวรีย์ผมได้ยินเสียงพระสวด มีพระกว่าร้อยรูปนั่งสวดกันอยู่ที่ฐานอนุเสาวรีย์ สวดให้การสังหารจบลง ผมจ้างมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งที่บ้าน ส่วนมอเตอร์ไซค์ตัวเองนั้นผมต้องทิ้งให้จอดเอาไว้ในซอยข้างๆเขตสังหารนั่นเอง


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท