ใบตองแห้งออนไลน์ : บนดินไม่ใช่ใต้ดิน

ทิศทางของเสื้อแดง จริงๆ แล้วไม่ใช่การลง “ใต้ดิน” แต่ต้องเป็นการกลับขึ้นมา “บนดิน” ให้ได้เร็วที่สุด เพื่อทวงสิทธิในการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยกลับคืนมาอย่างชอบธรรม

คิดว่าตัวเองเขียนเว่อร์ ที่ไหนได้ กลายเป็นเรื่องจริง 

กระแสคนกรุงคร่ำครวญหวนหาเซ็นทรัลเวิลด์กับโรงหนังสยาม บวกการประโคมข่าวความเสียหาย “เผาบ้านเผาเมือง” กลบความสนใจเรื่องตัวเลขคนตายเสียสนิท จะตายกี่ศพก็ไม่สำคัญ ใครยิงก็ไม่สำคัญ

ดารานักร้องเป็นร้อยออกมาร่วมร้องเพลงขอความสุขคืนกลับมา เรียกหาดอกไม้สายลมแสงแดด ไม่ว่ากัน “ดี้” นิติพงษ์ ห่อนาค ยังดีหน่อยที่พูดถึงผู้เสียชีวิต แต่ดาราบางคนคร่ำครวญถึงห้างเซนว่านู๋ช็อปเป็นประจำ ก่อนถูกเผายังซื้อรองเท้าไว้คู่หนึ่ง นัดว่าจะมาเปลี่ยนก็ถูกเผาเสียก่อน

คนชั้นกลางผู้สอนลูกให้เข้าคิว ทิ้งขยะเป็นที่เป็นทาง ออกมาร่วมปัดรังควาน “บิ๊กคลีนเดย์” อย่างน่าชื่นชม โดยไม่วายมีไฮโซคร่ำครวญ เสียดายโรงหนังสยาม เพราะเป็นที่นัดเดทครั้งแรกกับแฟน

ฝากช่วยกันทำความสะอาดให้ปราศจากเชื้อนะครับ แล้วดูให้ทั่วๆ ล้างเลือดสกปรกให้หมดจด กลัวจะมีศพไพร่หัวโบ๋หลงเหลืออยู่ กลายเป็นผี 4 แพร่งหลอกคุณหนูโรงเรียนมาแตร์

ศอฉ. (และหมอผี) ยังออกมาแถลงเปิดคลังแสงเสื้อแดง โชว์อาวุธกระสุนเพียบ (รวมทั้งบั้งไฟ หนังกะติ๊ก อาวุธทำลายล้างสูงที่ทูตานุทูตเห็นแล้วหวาดหวั่นขวัญเสีย) แต่ไม่ยักมีใครถามว่าทำไมมีตัวเลขทหารตายบาดเจ็บเพียงน้อยนิด ถ้าผู้ก่อการร้ายแดงใช้อาวุธอย่างที่เห็น ทหารก็ต้องตายเจ็บหลายสิบ ทำไมจึงมีแต่ศพ “ผู้ก่อการร้ายบั้งไฟ” โดนยิงหัวด้วยสไนเปอร์

ข้อเท็จจริงเหล่านี้ต้องสืบสาวกันให้ชัดนะครับ อย่าเอาแค่แถลงข่าว M79 มาจากไหน เป็นของราชการหรือเปล่า ถ้าของราชการเบิกเอามาอย่างไร ใครเบิก ต้องมีบันทึกไว้

ไก่อูยังขุดเอาเทปเสียงแกนนำเสื้อแดงมาเปิด ฟังแล้วหนาว ต่อไปพูดอะไรต้องระวัง เช่น “ถ้าไม่ได้รับความยุติธรรมบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ” แปลว่าเรากำลังยุให้วางเพลิง

ขยันถอดเทปซะปานนี้ มิน่า ถึงได้เป็นขวัญใจหมวยลี่แทนเคน ธีระเดช พวกสาวๆ เฟซบุค “คนรุ่นใหม่หัวเขียว” อยากได้ผัวทหารจนตัวสั่น น่าน้อยใจแทน “พลเอกตลับแป้ง” ของไอ้เหลิม อุตส่าห์เตรียมตลับแป้งมาเอง ไม่ยักติดอันดับความนิยม

ที่รัฐบาลประโคมข่าวความเสียหายจากเหตุวางเพลิงเนี่ย ผมยังอยากถามอยู่อีกอย่างว่า ประสิทธิภาพในการคุ้มครองพื้นที่ของทหารมีแค่ไหน เพราะตรงนั้นมีทหารอยู่มากกว่า 1 กองพล แค่เยี่ยวคนละปี๊ดก็เกือบท่วมห้างเวิลด์เทรด ทำไมจึงไม่สามารถคุ้มครองเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้เข้าปฏิบัติหน้าที่ ต้องทิ้งให้ห้างไหม้อยู่ตลอดทั้งคืน

รัฐบาลและ ศอฉ.กำลังฉวยโอกาสที่อยู่ในภาวะฉุกเฉิน มีอำนาจปิดกั้นและเซ็นเซอร์สื่อที่ไม่เข้าข้าง ร่วมมือกับสื่อที่เข้าข้าง ประโคมข่าวอยู่ข้างเดียวเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง เพื่อทำให้รัฐบาลอยู่ได้แม้จะมีคนตายเกือบร้อย บาดเจ็บเกือบสองพัน แต่ก็ฉวยความผิดพลาดของเสื้อแดงมาขยายผล พร้อมกับอิงกระแสคร่ำครวญหวนหาสังคมอันสุขสงบและพอเพียงของคนชั้นกลาง มาค้ำจุนอำนาจ

จนกล่าวได้ว่าช่วงเวลาเพียง 2-3 วัน ทำให้อภิสิทธิ์แข็งแกร่งทางการเมืองอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ในแง่ฐานสนับสนุนจากคนชั้นกลาง กระทั่งเกิดเฟซบุคคอนเนคชั่นของ “คนรุ่นใหม่หัวเขียว” ขึ้นมาคอยปกป้อง

ขนาดแกนนำเสื้อแดงถูกนำมาถ่ายภาพโดยใช้ห้องเดียวกัน ก็ยังมีนักท่องเน็ตจับผิด (โห จะอาหารดีดนตรีไพเราะหน่อยก็ไม่ได้ มันต้องเอาไปใส่ตรวนแขวนข้างฝา ตอกเล็บ บีบขมับ ถึงจะสาสมกับความผิด)

นี่ก็คือการเล่นสงครามข่าวสารด้านเดียวอีกนั่นแหละครับ เพราะขณะที่สังคมมุ่งความสนใจไปที่ “อภิสิทธิ์” ของแกนนำ แต่ความจริงคือมีผู้ถูกจับกุมคุมขังไว้ถึง 114 คน มีทั้งพระและผู้หญิง อีกร้อยกว่าคนที่เหลือเขามีสภาพความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง เขาถูกตั้งข้อหาอะไร ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ สมควรที่จะถูกควบคุมตัวไว้หรือไม่ สื่อไม่เคยไปตรวจสอบ

เพราะโดยความเข้าใจทั่วไป ผู้ถูกจับกุมที่เหลือนอกจากแกนนำ ควรจะเป็นผู้ถูกตั้งข้อหามากกว่าการชุมนุมโดยฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีโทษจำคุก 2 ปี ก็ในเมื่อคุณปล่อยผู้ชุมนุมที่เหลือกลับบ้าน คนที่คุณกักอยู่ก็ต้องมีข้อหาอื่นแน่ชัด เช่น วางเพลิง มีอาวุธ พกพาอาวุธ ถ้าใช้ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินข้อเดียวก็แสดงว่าเลือกปฏิบัติ (ที่จดชื่อไว้ไปเรียกกลับมาเข้าคุกให้หมด)

รัฐบาลและ ศอฉ.ฉวยโอกาสนี้ “ล่าแม่มด” เหมือนหลัง 6 ตุลาที่เหวี่ยงแหข้อหา “ภัยสังคม” ตัวอย่างเช่นการออกหมายจับสมยศ พฤกษาเกษมสุข ช่วยชี้แจงหน่อยว่ามีความผิดอย่างไร ในเมื่อเขาประกาศจะนัดชุมนุมนอกพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และจะนัดชุมนุมในกรุงเทพฯ หลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เอ้า กระทั่งนักวิชาการจะจัดประชุมตั้งศูนย์ข้อมูลร้องเรียนการละเมิดสิทธิมนุษยชนยังไม่ได้ อ้างคำสั่ง ศอฉ.ห้าม นี่ใช้อำนาจยิ่งกว่า คมช.อีกนะครับ (แต่ทำไงได้ เขาเป็นขวัญใจคนชั้นกลาง)

การใช้กฎหมายกับคนเสื้อแดงที่ไม่ใช่ “ผู้ก่อการร้ายยึดสนามบิน” ดูเหมือนจะใช้ในมาตรฐานสูงสุด แบบเผายางยังขู่โทษจำคุก 20 ปี โหย คนกวาดขยะซอยบ้านผมไม่กล้าเผาขยะเลย เพราะผมบอกว่าเทียบกันแล้ว คนเผาถุงพลาสติกก็น่าจะมีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 6 เดือน (แต่มองโลกในแง่ดีหน่อย ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่ฟ้องแพ่งฐานทำให้โลกร้อน แบบกรมป่าไม้ฟ้องชาวบ้านหมดเนื้อหมดตัว)

ข้อหานี้ยังมีข้อดีที่อาจใช้ปราบมาเฟียได้ พวกที่ชอบเอาศพไปเผานั่งยาง ถ้าข้อหาฆาตกรรมมีพยานหลักฐานไม่พอ ก็เอาข้อหาเผายางรถยนต์ติดคุกหัวโต

ความผิดฐานเคอร์ฟิวนี่ผมยังหนาวเลยครับ ลูกผมข้ามไปบ้านญาติคนละฝั่งซอย ก่อน 3 ทุ่มต้องรีบเรียกเข้าบ้าน กลัวฝ่าฝืนเคอร์ฟิวจะโดนรอลงอาญาและปรับ 2 หมื่นบาท (ไม่มีตังค์ขังแทนค่าปรับวันละ 200 ที่จริงต้องถือว่าเอาเปรียบรัฐนะ เอาภาษีคนชั้นกลางไปเลี้ยงข้าวแดงแล้วยังคิดตังค์อีก)

แต่มันสนุกก็ตรงสันดาน ปชป.อดไม่ได้จะต้องเอาทุกเม็ด ออกมาด่าตำรวจ ด่า 64 สว. ด่าองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ แถมยังกาหัวสื่อ การ์ตูนิสต์ คอลัมนิสต์รายตัวว่าเข้าข้างเสื้อแดง ไม่อายรัฐบาลทักษิณที่ว่าแทรกแซงคุกคามสื่อมั่งเลยหรือครับ ไหนว่าจะปรองดองให้เสรีภาพสื่อไง

ใครเปิดดูเดลินิวส์มั่งหรือเปล่า เจ้าของนามปากกา “เบญจมาศ” กับ “ดาวประกายพรึก” หายไปไหนไม่ทราบ (สมาคมนักข่าวมองไม่เห็น)

ทั้งหมดนี้คือปฏิบัติการตีปี๊บและไล่ล่าเพื่อค้ำเก้าอี้อภิสิทธิ์ เพราะกลัวว่าถ้าปล่อยให้มีการโต้แย้งข้อมูลอีกด้าน ไม่ว่าจากเสื้อแดง จากสื่อไทย หรือสื่อต่างชาติ อภิสิทธิ์จะถูกกดดันให้ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เพราะคุณเลี่ยงไม่พ้นหรอกที่จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้น เปิดรับข้อมูลจากทุกฝ่าย

ก่อนหน้านี้ก็มีสัญญาณว่า บางกลุ่มบางฝ่ายกำลังคิดให้อภิสิทธิ์ลาออกลดแรงกดดัน แล้วเปลี่ยนหน้าไพ่ใหม่โดยไม่ต้องยุบสภา อย่างเช่นเถ้าแก่เปลวของผมก็เขียนเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ รัฐสภาแห่งชาติ (แกไม่ได้ฝันแล้วเอามาเขียนหรอก เถ้าแก่เปลวต้องรู้สัญญาณอะไรบางอย่าง)

ปมสำคัญคือต้องต่อสู้กันว่ารัฐบาลจะดึงดันประกาศภาวะฉุกเฉินไปอีกนานเท่าไหร่ ล่าสุดก็ตีปี๊บกันว่ามีคนปองร้ายหมายชีวิตทั่นผู้นำและลูกเมีย ต้องยืดเคอร์ฟิว ผมถามพวกนักข่าว เขาก็บอกว่ามีข่าวจริง แต่ถามว่าคุณจะประกาศภาวะฉุกเฉินไปตลอดชีวิตอภิสิทธิ์เรอะ จะประกาศเคอร์ฟิวไปอีกเป็นเดือนเรอะ แหม ทีพัทยายังยกเลิกเคอร์ฟิวได้ก่อนเพื่อน เพื่อเปิดโอกาสให้ฝรั่งปฏิบัติการ “กระชับพื้นที่”

ขึ้นบนดินไม่ใช่ลงใต้ดิน
หันมาดูมวลชนเสื้อแดงกันบ้างดีกว่า ผมเปรียบเทียบไว้ว่าอยู่ในสภาพงูหลังหัก แค้นแต่ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีหัว กระจัดกระจาย ถูกไล่ล่า แนวร่วมและมวลชนบางส่วนอาจถดถอย แต่คนที่ยังเหนียวแน่นก็จะยิ่งร้อนแรง

สภาพเช่นนี้มีบางคนคิดไปถึงการลงใต้ดิน หรือการต่อสู้แบบกองโจร ซึ่งผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้ นี่พูดในฐานะคนที่เคยเข้าป่าจับปืนมาก่อน การจะให้คนเข้าร่วมต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ มันต้องปลูกฝังความคิดทฤษฎีและอุดมการณ์ที่สูงลิ่ว ชัดเจน (เช่น เราจะสร้างสังคมนิยมที่ไม่มีคนรวยคนจน) อุดมการณ์ของเสื้อแดงคือประชาธิปไตยทุนนิยมที่มาจากการเลือกตั้ง มันยังไม่เพียงพอที่จะปลุกให้คนต่อสู้ด้วยอาวุธ แม้จะมีอารมณ์รุนแรงตามสถานการณ์ ก็ยังไม่ถึงระดับที่จะ “จับปืน” เอาเข้าจริงจะมีคนเข้าร่วมไม่มากนักหรอก แล้วก็ร่วมได้ไม่นาน

ที่สำคัญคืออุดมการณ์ประชาธิปไตย ไม่ใช่อุดมการณ์ที่จะต้องต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ เพราะเป็นอุดมการณ์ที่สามารถต่อสู้อย่างเปิดเผย บนดิน เป็นสิทธิที่จะเคลื่อนไหวเรียกร้อง ไม่ว่าเรียกร้องให้ยุบสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือว่าจะจัดการศึกษาอบรมทางการเมือง ตั้งโรงเรียนการเมือง ประชุม สัมมนา เผยแพร่ความคิด

การเผยแพร่ความคิดบนดิน ย่อมได้ผลดีและกว้างขวางกว่าการแอบๆ เผยแพร่ความคิดกันใต้ดินอยู่แล้ว

และสภาพสังคมปัจจุบัน ก็ไม่ใช่สังคมชนบทยุคก่อน ที่จะเข้าป่าไปหาหน่อไม้กิน หรือซุ่มๆ ซ่อนๆ ตั้งกองกำลังอาวุธอยู่ในหมู่บ้าน เพราะหมู่บ้านยุคสมัยนี้อยู่ริมถนนลาดยางเกือบหมด เผลอๆ จะมีเซเวนอีเลเวนทุกตำบล มวลชนเสื้อแดงก็ไม่ใช่แค่คนยากจนรับจ้างขายเสียงอย่างที่คนชั้นกลางคิด แต่พวกแกนๆ ในหมู่บ้านในตำบลก็คือคนชั้นกลางนี่แหละ เป็นคนชั้นกลางในชนบททำมาค้าขาย หรือทำกิจการขนาดเล็ก

ใครมันจะทิ้งอาชีพทิ้งการทำมาหากินไปลงใต้ดินได้ ก็พูดไปตามอารมณ์เท่านั้นแหละ

ไอ้ส่วนที่เป็น “ใต้ดิน” ถ้าจะมี คือต้องระมัดระวังตัว ระวังการเล่น “ใต้ดิน” หรืออำนาจมืด ที่อาจจะคุกคามแกนนำในพื้นที่ แบบนี้ไม่ใช่ “ใต้ดิน” ที่มาจากเสื้อแดง แต่เป็นการป้องกัน “ใต้ดิน” ที่มาจากฝ่ายตรงข้าม

ฉะนั้นทิศทางของเสื้อแดง จริงๆ แล้วจึงไม่ใช่การลง “ใต้ดิน” แต่ต้องเป็นการกลับขึ้นมา “บนดิน” ให้ได้เร็วที่สุด โดยเริ่มจากการเรียกร้องกดดันทั้งทางตรงทางอ้อม ให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วนำไปสู่การจัดตั้งองค์กรใหม่ หรือจะฟื้นองค์กรเก่าก็ไม่ผิด เพราะต้องต่อสู้ว่าการเป็น นปช.เป็นสิทธิชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย การเรียกร้องให้ยุบสภา ก็เป็นสิทธิชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่จะมาเผาบ้านเผาเมือง การชุมนุมก็เป็นสิทธิชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ เพราะจนบัดนี้ผู้ชุมนุมยึดสนามบินยังลอยนวลอยู่เลย

แน่นอนว่ามันยาก เพราะแกนนำถูกกวาดจับไปคุมขัง แต่ก็สามารถเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส เปลี่ยนแกนนำ เอาแกนนำสายสันติวิธีที่ได้รับการยอมรับขึ้นมาแทน สมมติเช่นวีระ มุสิกพงศ์ หรือจาตุรนต์ ฉายแสง ส่วนพวกพาย่อยยับหรือ อลัน สมิธ ที่ชอบโดนใบแดง ก็เชิญลง “ใต้ดิน” ไปจะดีที่สุด อย่ามายุ่งกับการเคลื่อนไหวอีกเลย รวมทั้งทักกี้ ตัวชักใบให้เรือเสีย

จะยากแค่ไหนก็เป็นความจำเป็นที่เสื้อแดงต้องกลับขึ้นมา “บนดิน” ให้ได้เร็วที่สุด เพื่อทำการต่อสู้ในสงครามข้อมูลข่าวสาร เพื่อทวงสิทธิในการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยกลับคืนมาอย่างชอบธรรม เรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วฟื้นคืนสื่อของประชาชนเช่น วิทยุชุมชน เว็บไซต์ จัดชุมนุมย่อย จัดปราศรัย จัดโรงเรียนการเมือง อบรม สัมมนา เผยแพร่ความคิด ถามสิว่าผิดตรงไหน เชิญทหารมานั่งฟังเลยก็ได้ (หรือไม่ก็เชิญมาเป็นวิทยากรแนะนำวิธีหลบวิถีกระสุน)

เสื้อแดงต้องแปรความแค้นมาเป็นพลังในการต่อสู้ต่อไปอย่างถึงที่สุด แต่ด้วยสันติวิธี ซึ่งก็ต้องใช้ความกล้าหาญนะครับ คนกล้าเท่านั้นที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ในสภาวะที่อำนาจรัฐเข้มแข็งและแผ่รังสีอำมหิต แต่ถ้าไม่ต่อสู้ “บนดิน” คุณก็ไม่มีทางบรรลุเป้าหมายประชาธิปไตย ซึ่งจะต้องต่อสู้กันด้วยความคิด ด้วยหลักการเหตุผล ด้วยการเคลื่อนไหวมวลชนให้เข้าร่วมอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่เอาชนะด้วยกำลังหรืออาวุธ

ถ้าถามว่าจะมี “ขบวนการใต้ดิน” ไหม ผมเชื่อว่ามีครับ ก็พวก “ชายชุดเขียว” ทหารอกหัก ทหารนอกแถว นักรบรับจ้าง พวกนี้ “ใต้ดิน” มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถ้ามันจะมีต่อไป ก็เรื่องของเขา มวลชนต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยว ไม่เอามาเกี่ยวกับขบวนการเคลื่อนไหวประชาธิปไตย “บนดิน” เพราะเห็นแล้วว่าเกี่ยวกันทำให้อิ๊บอ๋าย

ขอบเขตการเคลื่อนไหวโดยสันติวิธีเพียงพอแล้วที่จะทำได้หลายอย่าง สมมติเช่นการแข็งขืนต่ออำนาจรัฐโดยไม่ละเมิดกฎหมาย ซึ่งทำได้หลายระดับ เช่นคุณไม่ร่วมมือ ไม่ปรองดอง (บังคับได้หรือ) รัฐมนตรีลงพื้นที่ ก็ยังรวมตัวกันไปไล่ได้ แต่ไล่โดยสงบ ใส่เสื้อแดง หรือใส่เสื้อดำไว้ทุกข์ อย่าขว้างปา เดี๋ยวจะโดนตั้งข้อหาใช้ใข่เป็นอาวุธก่อการร้าย มีโทษจำคุก 20 ปี

เข็มมุ่งตอนนี้ของคนเสื้อแดงคือรักษากำลัง ปลอบขวัญมวลชน เตรียมตัวต่อสู้กันในเรื่องข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะข้อเท็จจริงในเรื่องคนตาย คนเจ็บ สูญหาย ซึ่งต้องทำงานความคิดกันในเรื่องฟื้นการต่อสู้โดยสันติ เปิดเผย

ระหว่างนี้ก็เปิดโอกาสให้คนชั้นกลางเขาคร่ำครวญหวนห้างและโรงหนังไปก่อน พร่ำเพ้อถึงความสงบ สันติ ดอกไม้ สายลม แสงแดด กันซะให้พอ เอาซะให้เลี่ยน แล้วมาดูซิว่าระบอบพิกลพิการที่มีอภิสิทธิ์และอำมาตย์ครองอำนาจเนี่ย จะลากถูกันไปได้สมความหวังของคนชั้นกลางหรือเปล่า

ย้ำความจำอีกทีว่าหลังปราบเสื้อแดงเมื่อสงกรานต์ปีที่แล้วก็คล้ายๆ กันนี่แหละ ดูอภิสิทธิ์แข็งปั๋ง แต่ไม่นานระบอบนี้ก็ทำลายตัวเองกัดกันเองให้ยุ่งเหยิงไปหมด

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท