Skip to main content
sharethis

9 มิ.ย. 53 -  ที่ศาลรัฐธรรมนญ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดส่งความเห็นในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.19/2553 เพื่อขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 211 ว่าพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 16 บัญญัติว่า "ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำตามพ.ร.ก.นี้ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง" ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 223 หรือไม่ ทั้งนี้ ศาลได้แถลงด้วยวาจาก่อนลงมติและลงมติโดยผลปรากฎว่า ศาลมีมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่าพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 มาตรา 16 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ

นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังแถลงด้วยวาจาก่อนลงมติและลงมติโดยเอกฉันท์ในประเด็นที่ศาลปกครองสูงสุดขอให้ศาลวินิจฉัย พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 มาตรา 47 ตรี วรรคหนึ่ง (7) และมาตรา 47 ทวิ (2) ซึ่งบัญญัติถึงลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้สมัครและผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลจะต้องเป็นผู้ที่ไม่มีพฤติกรรมในทางทุจริตนั้น ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 4 มาตรา 27 และมาตรา 39 วรรคสาม

ศอฉ.ชี้เลิก-ไม่เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินชัดก่อน 7 ก.ค.นี้  เตรียมทำซีดีแจงเหตุทหารสลายแดง
เมื่อเวลา 16.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรองผู้อำนวยการศอฉ. เป็นประธานในการประชุม โดยมีตัวแทนจากเหล่าทัพต่างๆเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาในการประชุมร่วม 1 ชั่วโมง  หลังจากที่ประชุมศอฉ.ได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานไปพิจารณาขอบข่ายการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน เพื่อหาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น ในที่ประชุมวันนี้ทางกระทรวงมหาดไทยและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้มีการเสนอการพิจารณาในส่วนของตน หลังจากที่ก่อนหน้านี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ได้มีการเสนอไปแล้ว อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังเหลือบางหน่วยงานที่ยังไม่ได้เสนอข้อมูลพิจารณาเข้ามา ดังนั้นที่ประชุมจึงขอให้หน่วยงานที่เหลือพิจารณาและนำเสนอต่อที่ประชุมศอฉ.ในโอกาสต่อไป  ซึ่งที่ประชุมมั่นใจว่า จะมีการพิจารณาว่า จะยกเลิกหรือต่ออายุของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ทันก่อนที่พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะครบกำหนด 3 เดือนในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้  อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ในที่ประชุมศอฉ.เห็นว่า แม้ที่ผ่านมาจะยังคงประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ แต่ไม่ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับสังคม และไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังสอบถามถึงความคืบหน้าในการรวบรวมข้อมูล ภาพเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง และการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ศอฉ.ในการขอคืนพื้นที่แยกราชประสงค์ที่ผ่านมา เพื่อจัดทำเป็นซีดีนำไปสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อประชาชน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ แต่คาดว่าจะนำเสนอต่อที่ประชุมศอฉ.ได้เร็ว ๆ นี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อบ่ายวันที่ 8 มิถุนายน นายปณิธาน วัฒนายากร ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการแก้ไขสถานการฉุกเฉิน (ศอฉ.) แจ้งต่อที่ประชุม ครม.ถึงการปรับลดกำลังพลของศอฉ.เนื่องจากสถานการณ์ลดระดับความรุนแรงลง หลายพื้นที่เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ทหารกลับเข้าสู่กรมกองเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงสารวัตรทหารและตำรวจดูแลสถานการณ์เป็นหลัก

ปณิธานอ้างพบแดงก่อหวอดใต้ดิน
กระนั้นก็ตามในประเด็นการไม่ยกเลิก พรก.ฉุกเฉินใน 24 จังหวัดนั้น นายปณิธาน อธิบายว่าเพราะเกรงว่า จะมีการก่อวินาศกรรมต่อเนื่อง อีกทั้งการควบคุมตัวผู้ต้องหากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)หรือกลุ่มเสื้อแดง ก็ต้องอาศัยกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยขณะนี้ทางศอฉ.ขณะนี้ได้พยายามติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่อาจก่อความไม่สงบแก่บ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวมักจะเป็นการเคลื่อนไหวแอบแฝง มีการนัดพบปะกันประมาณ 200 - 300 คนในรูปแบบต่างๆ เช่นงานต่างๆที่ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง ในขณะเดียวกันก็ได้มีการปลุกระดม

เกาะติดท่อน้ำเลี้ยงเสื้อแดง
เมื่อถามถึงกรณีคนที่อยู่ในต่างประเทศมีการจ่ายเงินเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้นายปณิธานกล่าวว่า สำหรับข้อมูลทางด้านการเงินเป็นข้อมูลที่หลายหน่วยงานได้เริ่มนำมาใช้ในการดำเนินการได้อย่างได้ผลมากขึ้น เราจะสังเกตเห็นว่าข้อมูลย้อนหลังเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก ต่อไปการยุติและการขออนุญาตทำธุรกรรมจากต่างประเทศจะเป็นระบบ และถ้าย้อนหลังกลับไปจะเป็นพิมพ์เขียวว่ากิจกรรมใดบ้างที่ผ่านมาใครทำอะไรอย่างไรตรงไหน ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้จะเห็นภาพรวมที่ชัดเจนขึ้นมากกว่าในอดีต เพราะว่าการให้สถาบันทางการเงินต่างๆได้รายงานภาพรวมของเครือข่ายทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมาเราไม่เคยทำมาก่อน

แกะรอย 5 หมื่นล้านใช้เคลื่อนไหว
เมื่อถามว่าตอนนี้เหมือนมีตัวเลขคราวๆในการเคลื่อนไหวที่ท่านนายกฯไปคอนเฟิร์มแล้วประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาทนายปณิธานกล่าวว่า ท่านนายกฯได้พูดในเวที WEF ว่ามีการเบิกเงินในลักษณะที่น่าสงสัยในเครือข่ายหรือในกลุ่มที่น่าจะมีความเกี่ยวข้อง ซึ่งนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังมีตัวเลขเบื้องต้นในช่วงแรกๆอยู่แล้ว และขณะนี้จำนวนเงินตรงนั้นจะมีการตรวจสอบอย่างชัดเจนในช่วงที่ใช้ กฎหมาย พ.ร.ก. ฉุกเฉินอยู่ ว่าส่วนไหนที่เกี่ยวข้องบ้าง และเพื่อความยุติธรรมถ้ามีความเกี่ยวข้องจะนำไปเข้าสู่ระบบการดำเนินคดี
นายปณิธานกล่าวต่อว่า เงินจำนวนมากจำนวนหนึ่งที่ขณะนี้ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงสามรถเบิกเงินได้มากขนาดนี้ ต้องดูว่าเงินจำนวนดังกล่าวเบิกไปทำอะไรบ้าง ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวเป็นจำนวนเงินที่น่าสงสัย โดยตัวเลขของตัวบุคคลที่มีการเคลื่อนไหวทางการเงินผิดปกติ อยู่ในกลุ่มที่ถูกอายัดทางธุรกรรม

เทือกอ้างมีข่าว 2 เดือนแดงมาอีก
ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผอ.ศอฉ.ให้สัมภาษณ์ยอมรับมีความกังวลต่อกระแสข่าว ที่กลุ่มเสื้อแดง จะกลับมาเคลื่อนไหวในอีก2เดือนข้างหน้า ดังนั้นจึงต้องเตรียมการเอาไว้ไม่ให้ใครเผาบ้านเผาเมือง และต้องคงอำนาจ พรก.ฉุกเฉินไว้อีกระยะหนึ่ง

ลากยาวประกาศ พรก.ฉุกเฉิน
เมื่อถามว่า ตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึง 7 กรกฎาคม ก็จะไม่มีการพิจารณาประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังจะไม่มีการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยังจะต้องใช้อยู่อีกระยะ ซึ่งตนจะต้องทำงานแข่งกับเวลา
นายสุเทพ ยังระบุว่า ทางกระทรวงต่างประเทศรายงานในที่ประชุม ศอฉ.ว่านานาประเทศเข้าใจและเห็นด้วยกับการที่รัฐบาลได้ดำเนินการเกี่ยวกับการชุมนุมทั้งหมด แต่สำหรับกรณีของประเทศบรูไน ที่อนุญาตให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้ายเข้าออกประเทศได้นั้น เราก็จะทำหนังสืออธิบายไป เพราะไทยกับบรูไน มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาตลอด

ตั้ง "คณิต" สอบเหตุสลายแดง
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศอฉ.มีการประเมินการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมตลอด และทางศอฉ.เห็นว่าต้อง คงไว้ซึ่ง พรก.ฉุกเฉินอีกระยะหนึ่งหลังมีกระแสข่าวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงอาจจะกลับมารวมตัวอีกครั้งในช่วง 2 เดือนข้างหน้า

นายกรัฐมนตรี ยังแถลงด้วยว่า ครม.ได้อนุมัติให้ นายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุดเป็นประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงในเหตุการเดือนพฤษภาคม โดยให้นายคณิตไปเป็นผู้คัดเลือกผู้มาเป็นกรรมการให้แล้วเสร็จใน15วันจากนั้นก็ร่วมกันทำความจริงให้กระจ่าง ทั้งนี้ นายคณิต เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์

สำหรับอำนาจของคณะกรรมการฯชุดนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รวบรวมตรวจสอบเหตุการณ์ข้อเท็จจริงและนำเสนอผู้ที่เกี่ยวข้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงต่างๆ และถ้าพบว่ามีใครกระทำความผิดก็ต้องส่งข้อมูลดำเนินการตามกฎหมาย

เปิดทางสอบรัฐบาลด้วย
เมื่อถามว่า การทำงานคณะกรรมการฯชุดนี้จะเกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยหรือเปล่า นายกฯ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผลการสอบ และถ้ามีประเด็นอะไรที่มาเกี่ยวข้องกับตน หรือคนอื่นๆ ในรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบทางการเมือง เป็นเรื่องที่เราต้องพิจารณาตัดสินใจอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามนายกฯกล่าวว่า มีบางเรื่องที่ตนต้องไปดูเป็นพิเศษ ที่เป็นผลกระทบต่อเนื่องตจากการชุมนุม โดยเฉพาะเรื่องของอาวุธสงครามที่มีการใช้กันมาก จะให้กระทรวงมหาดไทย และกลาโหม เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป

ชี้พท.ร้องเลิกพรก.มีแผนชั่ว
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่พรรคเพื่อไทย(พท.)เรียกร้องให้ยกเลิกพรก.ฉุกเฉินว่าเพราะมีวาระซ่อนเร้นดังนี้ 1.จะถือโอกาสสร้างสถานการณ์และเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งบนดินและใต้ดิน ขึ้นมาใหม่ 2.หวังผลด้านคดีความที่แกนนำ นปช.ถูกคุมขังด้วยอำนาจของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ และแกนนำส่วนหนึ่งกำลังหนีการจับกุมอยู่ก็หวังจะมอบตัวหลังจากที่ยกเลิก พ.ร.ก.แล้ว 3.เปิดทีวีดาวเทียมพีเพิลเชแนล และสถานีวิทยุชุมชน รวมถึงสื่อสิ่งพิมพ์เรดนิวส์ วอยส์ออฟทักษิณ และหนังสือพิมพ์ความจริงววันนี้ ปลุกระดมมวลชนคนเสื้อแดงต่อไป 4.หวังที่จะให้มีการยกเลิกการงดใช้ธุรกรรมทางการเงินของกลุ่มนิติบุคคล บุคคล ต่างๆ ซึ่งเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงมาสู่แกนนำ และขยายผลต่อไปยังมวลชนกลุ่มต่าง ดังนั้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ ต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะปกติ

"คณิต"บอกขอตั้งหลักก่อน
วันเดียวกันนายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงการจะไปเป็นประธานสอบเหตุการพฤษภาคมว่ากล่าวว่า ขอตั้งหลักก่อน และต้องรอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน

ด้าน นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่าเห็นด้วยที่นายคณิต เข้าไปรับหน้าที่ดังกล่าว เพราะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถได้รับการยอมรับ

เพื่อไทยคัดค้านตั้ง"คณิต"
ก่อนหน้านี้สำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงปปช.ให้สอบสวนกรณีที่พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ขอออกหมายจับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เข้าไปยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง โดยอ้างว่า พล.ต.อ.ปทีป ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่

นายพร้อมพงษ์ ยังกล่าวว่าไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะตั้งนายคณิต ณ นคร เป็นประธานสอบเหตุการเดือนพฤษภาคม และ ทางพรรคเพื่อไทยจะยื่นหนังสือคัดค้าน เนื่องจากว่า จากนายคณิตไม่เป็นกลาง เพราะใกล้ชิดกับแกนนำรัฐบาลบางคน แม้นายคณิตจะเป็นผู้ร่วมก่อนตั้งพรรคไทยรักไทย มาก่อน แต่ไม่ต่างกับนายเนวิน ชิดชอบ ที่เคยร่วมงานกับพรรคไทยรักไทยมาเช่นกัน ในเรื่องดังกล่าวโฆษกพรรคเพื่อไทย ยังเสนอให้องค์กรต่างประเทศเป็นผู้เข้ามาตรวจสอบเหตุการพฤษภาคมทั้งหมดอีกด้วย

หมอประเวศชี้ "คณิต" คนดี เชื่อทำให้รู้ความจริง
ด้าน นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ให้สัมภาษณ์ที่ จ.ขอนแก่น กรณีที่ ครม.มีมติแต่งตั้ง นายคณิต ณ นคร เป็นประธานการตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ ว่า เท่าที่รู้จัก คุณคณิต เป็นคนดี มีความรู้ และเชื่อว่าจะทำให้รู้ความจริงและเกิดความสมานฉันท์ ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบ ตนมองว่าเป็นคณะกรรมการสัจจะสมานฉันท์มากกว่าที่จะไปสอบสวนเพื่อเอาคนผิดมาลงโทษ

หมอประเวศ ยังได้ยกตัวอย่างที่ประเทศอเมริกา ท่ามกลางกระบวนการทำงานที่มีความขัดแย้งว่าใครผิดใครถูก เช่นเรื่องสีผิว ระหว่างคนขาว คนดำ ซึ่งผู้พิพากษาไม่กล้าตัดสินเพราะกลัวว่าจะเกิดความขัดแย้ง จึงไปใช้กระบวนการแก้ไขปัญหาที่เรียกว่า "ความยุติธรรมเชิงฟื้นฟู เชิงสมานฉันท์

ส่วนกรณีที่ ครม.ได้มอบอำนาจใน นายคณิต ไปสรรหาคณะกรรมการเองนั้น ราษฎรอาวุโสมองว่า เนื่องจากคณะกรรมการเป็นคณะกรรมการอิสระ ซึ่งให้สิทธิประธานฯ ที่จะไปหาคณะกรรมการเพื่อร่วมทำงาน เพราะบางทีหากภาครัฐมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาให้สุดท้ายก็ทำงานไม่ได้ ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยมองว่าประธานฯ ไม่เป็นกลาง นั้น หมอประเวศ ระบุว่า แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน คงห้ามได้

"ผมรู้จักคุณคณิต ท่านเขียนบทความเยอะ ท่านเป็นนักวิชาการ เป็นคนซื่อตรงต่อวิชาชีพ เป็นนักหนังสือ และที่ผ่านมาผมก็เคยเสนอให้ท่านเข้ามาช่วยในหลายๆ เรื่อง แต่ท่านไม่ค่อยรับ ครั้งนี้คงเห็นว่าบ้านเมืองคงลำบากมากก็เลยรับ ซึ่งเชื่อว่าคุณคณิตจะเป็นคณะกรรมการเพื่อสัจจะและสมานฉันท์แก้ไขวิกฤติความขัดแย้งที่เกิดขึ้น มากกว่าจะไปตัดสินว่าใครผิดใครถูก" หมอประเวศ กล่าว

ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: เว็บไซต์ฐานเศรษฐกิจ, เว็บไซต์แนวหน้า, เนชั่นทันข่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net