Skip to main content
sharethis

ศอฉ.ยังคงฉุกเฉินฯ ต่อไปอีก อ้างเหตุกลุ่มคนเสื้อแดงหลายพื้นที่ยังคงเคลื่อนไหวทางการเมือง, อุบลฯ รวบมือเผาศาลากลางฯ ได้อีก, ฆ่าการ์ดแดงทิ้งชลบุรีผบช.ภ.3คุมคดียิงแดงโคราช, ส.ส.ในพื้นที่ ชี้เป็นจุด เริ่มไล่ล่า "แดง", ตร.ขอนแก่น รวบ 2 เสื้อแดงมือเผาศาลากลาง-เอ็นบีที ด้าน DSI บุกรังฮาร์ดคอร์พัทยา ยึดอาวุธสงครามขยายผลคดีก่อการร้าย,"มานิต" ซุ่มเงียบโยกรอง ผู้ว่าฯ 8 จังหวัด

ศอฉ.ยังคงฉุกเฉินฯ ต่อไปอีก อ้างเหตุกลุ่มคนเสื้อแดงหลายพื้นที่ยังคงเคลื่อนไหวทางการเมือง

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 11 มิ.ย.ที่กองบัญชาการกองทัพบก นายสุเทพ เป็นประธานการประชุม ศอฉ. มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม 1.30 ชั่วโมง

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์รายงานว่า ในที่ประชุม นายสุเทพหยิบยกประเด็นการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯขึ้นมาหารือ เนื่องจากมีหลายฝ่ายออกท้วงติงให้รัฐบาล และ ศอฉ. ให้ยกเลิกเพราะได้รับผลกระทบ แต่ฝ่ายทหารปฏิเสธที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในระยะนี้ เพราะยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงหลายพื้นเคลื่อนไหวทางการเมือง หากประกาศยกเลิกทันทีเกรงว่าจะควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังกำชับให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เร่งรวบรวมเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม รวมถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ รวมรวบเป็นแผ่นวีซีดีแจกจ่ายให้กับประชาชนในแต่ละพื้นที่ เพื่ออธิบายข้อเท็จจริงให้ประชาชนที่ยังไม่ทราบถึงเหตุการณ์ที่แท้จริง

"อธิบดีกรมดีเอสไอ ได้รายงานผลความคืบหน้าคดีการก่อการร้ายให้ที่ประชุมรับทราบด้วย ซึ่งขณะนี้ได้รวบรวมรายชื่อบุคคลที่เข้าข่ายคดีก่อการร้ายเพิ่มเติมอีกกว่า 100 คน ส่วนแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่หนีการจับกุมในข้อหาคดีการก่อการร้ายนั้น ที่ประชุมได้กำชับให้ทหาร ตำรวจ และดีเอสไอ เร่งดำเนินการในเรื่องนี้เป็นการด่วน เพราะเกรงว่าบุคคลเหล่านี้จะไปสร้างความเดือดร้อน หรือปลุกระดมให้มวลชนคนเสื้อแดงลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอีก" แหล่งข่าวกล่าว

อุบลฯ รวบมือเผาศาลากลางฯ ได้อีก
เดลินิวส์ออนไลน์รายงานเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. พล.ต.ต.เสริมสุข วีระวงศ์ รักษาการ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) อุบลราชธานี กล่าวว่า ติดตามจับกุมตัวแกนนำที่ก่อเหตุเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีได้ชอีก 2 คนคือ นายธนุศิลป์ ธนูทอง อายุ 52 ปี จับกุมได้ที่กระท่อมในป่า เขต อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี และนายสนอง เกตุสุวรรณ อายุ 44 ปี จับกุมได้ที่ 165 ถนนปทุมเทพภักดี อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยตั้งข้อหาร่วมกันเผาศาลากลาง ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางราชการ มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และต่อสู้ขัดขืน

ขณะนี้ตำรวจติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุเผาศาลากลางได้แล้ว 60 คน ตามหมายจับ 78 คน

"ผู้ใดที่รู้ตัวว่ามีส่วนร่วมในการก่อเหตุ เผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี รวมทั้งเผายางและปิดถนน ขอให้มามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ ก่อนเจ้าหน้าที่จะออกหมายจับ เพราะสามารถประกันตัวได้โดยไม่ต้องมีหลักประกัน และได้รับโทษตามที่กระทำผิดเท่านั้น แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตามหมายจับแล้วจะไม่สามารถประกันตัวได้ และจะดำเนินคดีตามความผิดทุกกรณี สามารถเดินทางมามอบตัวกับผู้บังคับการ รองผู้บังคับการ และผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ หรือ อาจมอบตัวกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่ไว้ใจก็ได้" พล.ต.ต.เสริมสุขกล่าว

ฆ่าการ์ดเสื้อแดงวัย60นำศพทิ้งที่จ.ชลบุรี
เว็บไซต์คมชัดลึกรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 11 มิ.ย. พ.ต.อ.ปกรณ์ มณีปกรณ์ ผกก.สภ.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี ได้ประชุมร่วมกับ พ.ต.ท.สุขทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผกก.สส.ภ.จ.ชลบุรี เพื่อคลี่คลายคดี นายสวาท ดวงมณี อายุ 60 ปี บ้านเดิมอยู่ที่ 47 หมู่ 9 ต.ตะเคียนงาม อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ การ์ดเสื้อแดง ซึ่งดูแลการชุมนุมอยู่ที่กรุงเทพฯ ถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหดโดยคนร้ายใช้เชือกมัดมือไพล่หลัง และใช้ผ้าขาวม้ารัดคอจนเสียชีวิต หลังจากนั้นได้นำศพมาทิ้งที่หมู่ 8 บ้านคลองใหญ่ ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี โดยมีผู้พบศพ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา

พ.ต.อ.ปกรณ์ มณีปกรณ์ ผกก.สภ.บ่อทอง กล่าวว่า กำลังเร่งสรุปประเด็นที่นายสวาทถูกฆ่า เบื้องต้นคาดว่าอาจจะถูกฆ่าจากที่อื่นแล้วนำศพมาทิ้งเพื่ออำพรางคดี ในพื้นที่ของจ.ชลบุรี โดยข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ได้รับคือ นายสวาท ได้หลบหนีหลังเหตุการณ์ความไม่สงบ จากรุงเทพฯ และเดินทางไปหาญาติ ที่ จ.ระยอง แต่ถูกคนร้ายตามมาฆ่าดังกล่าว

คดีฆ่าแกนนำเสื้อแดง "สุเทพ" โต้รัฐบาลไม่มีแนวคิดไล่ล่าใคร ตร.มุ่ง 3 ปม ส่วนศพ "อ้วน บัวใหญ่" กำหนดฌาปนกิจ 13 มิ.ย.นี้
จากกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตั้งข้อสังเกตว่า การเสียชีวิตของนายศักรินทร์ กองแก้ว หรือ "อ้วน บัวใหญ่" แกนนำ นปช.จ.นครราชสีมา อาจเกี่ยวข้องกับการไล่ล่าแกนนำกลุ่ม นปช.ของรัฐบาล

วันนี้ (11 มิ.ย.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ตอบโต้ว่ารัฐบาลไม่มีแนวคิดจะไปฆ่าคนหรือไล่ล่าใคร นายจตุพรมีอะไรก็โยนใส่รัฐบาลไว้ก่อน เป็นสูตรสำเร็จ รัฐบาลไม่มีแนวคิดจะไปฆ่าคน และพยายามทำทุกอย่างภายใต้กรอบของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลไม่มีอำนาจในการเที่ยวไปไล่ล่าฆ่าสังหารใครทั้งสิ้น ขอยืนยันว่าตำรวจจะสืบสวนสอบสวนคดีนี้เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ เดี๋ยวก็รู้ เดี๋ยวนี้ตำรวจเก่ง

ส่วนกรณี คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ชี้ว่าการประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน นายสุเทพกล่าวว่า พร้อมไปชี้แจงข้อเท็จจริง และพิสูจน์ตัวเอง สำหรับภาพข่าวแกนนำ นปช.ที่ถูกควบคุมตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และอยู่ระหว่างการพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจถูกล่ามโซ่ตรวนนั้น นายสุเทพไม่ขอให้ความเห็นเพราะไม่ทราบวิธีปฏิบัติ

ระบุ 3 ปม ฆ่า "อ้วน บัวใหญ่" เผยสอบพยานกว่า 10 ปากแล้ว

ส่วนความคืบหน้าคดี เมื่อเวลา 11.00 น.วันเดียวกันนี้ ที่หอประชุมสารสิน สำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีสังหารโหดนายศักดิ์นรินทร์ เปิดเผยว่า ล่าสุดการสอบปากคำพยานบริเวณที่เกิดเหตุได้กว่า 10 ปาก ทราบชัดเจนว่าคนร้ายมีอย่างน้อย 2 คน นั่งมาโดยใช้รถกระบะยกสูงสีดำ ไม่ทราบยี่ห้อ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ส่วนที่มีข่าวว่า คนร้ายได้เข้ามาในพื้นที่ก่อนลงมือ 3-4 วันก็น่าที่จะมีคนเห็นหน้าบ้าง ส่วนจะเป็นคนมีสีลงมืออะไรนั้น ยังไม่มีความชัดเจนลึกขนาดนั้น

พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กล่าวว่า ได้มีการกำชับลงมาจาก พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) โดยรายละเอียดในเรื่องของพยาน และวัตถุพยานมีความคืบหน้าพอสมควร ทั้งนี้ จะได้เร่งรัดเนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญประชาชน และให้ความสำคัญมากว่าจะต้องจับกุมคนร้ายให้ได้ ส่วนประเด็นการสอบสวนก็ยังคงเป็น 3 ประเด็นคือ เรื่องส่วนตัว เรื่องชู้สาว และเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงที่ผ่านมา ตำรวจให้น้ำหนักทุกเรื่อง ซึ่งถือว่าคดีนี้มีพยานหลักฐานมากพอสมควร เพราะมีคนที่เห็นเหตุการณ์ รวมทั้งได้วัตถุพยานคงทำให้มีแนวทางที่ดีในการสืบสวน

ส่วนที่มี กระแสพุ่งเป้าการสังหารมาจากเรื่องความเคลื่อนไหวทางการเมืองจากชุดไล่ล่า เช็คบิลเชือดไก่ให้ลิงดู เพราะเป็นแกนนำคนเสื้อแดง และการ์ด นปช.นั้น พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กล่าวว่า หลักจากการสอบสวน ณ ปัจจุบัน นายศักดิ์นรินทร์ ไม่ได้เป็นแกนนำคนสำคัญ เป็นแต่เพียงคนที่เคลื่อนไหวระดับอำเภอ และจังหวัดเท่านั้นเอง ซึ่งไม่น่าจะมีความชัดเจนหรือหนักหน่วงขนาดนั้น

ต่อข้อถามถึง ที่มีข่าวว่าผู้ตายสนิทและใกล้ชิดกับนายอริสมันต์ และนายสุภรณ์ แกนนำ นปช. รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ตอบว่า เท่าที่ตรวจสอบข้อมูลแล้วน่าจะเป็นไปทางนายอนุวัฒน์ ทินราช อดีตกำนัน ต.บัวลาย อ.บัวใหญ่ อดีตผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยมากกว่า เพราะทำงานเคลื่อนไหวทางการเมือง และผู้ตายเป็นทั้ง ตร.อาสา เป็นทั้งมูลนิธิ ทำตัวบริการสาธารณะ เป็นคนที่มีน้ำใจดีคนหนึ่ง และเป็นคนที่ชอบแสดงออก แต่ในเรื่องที่ไปขัดแย้งกับใครตำรวจจะสืบสวนเจาะลึกลงไปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากประชาชนถ้ามีเบาะแสก็ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องที่จะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีตำรวจยินดีรับฟัง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายศักรินทร์ผู้เสียชีวิต ถือเป้นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง จ.นครราชสีมา ที่ อ.บัวใหญ่ และยังทำหน้าที่การ์ด นปช.ที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะเป็นคนช่วยแกนนำ นปช.ที่กำลังถูกชุดไล่ล่าตามล่าตัวในขณะนี้คือ "กี้ร์" นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง กับ "แรมโบ้อีสาน" นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ โรยตัวหลบหนีในการจับกุมในการชุมนุมที่กรุงเทพฯ

ส.ส.ในพื้นที่ ชี้เป็นจุด เริ่มไล่ล่า "แดง"

ส่วนนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พวกตนหยุดการเคลื่อนไหวแล้ว แต่ยังมีการพยายามตามราวี สร้างปมให้สังคมเกลียดชังคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง คนในเขต อ.บัวใหญ่ ทราบดีว่านายศักรินทร์เป็นเพียงวัยรุ่นที่สนใจการเมือง รักเสื้อแดง ไม่เคยขัดแย้งกับใคร โดยเฉพาะชู้สาว ดังที่พยายามเบี่ยงเบนประเด็น

นายประเสริฐ กล่าวด้วยว่า คำสั่งฆ่านายศักรินทร์เป็นจุดเริ่มต้นของการตามล่าคนเสื้อแดงที่มีอำนาจลึกลับเป็นผู้บงการ ลิ่วล้อจะสร้างเรื่องราวว่าสาเหตุมาจากการฆ่าตัดตอนระหว่างเสื้อแดงด้วยกัน จึงขอความเป็นธรรมให้ด้วย ฝากถึงตำรวจที่เกียร์ว่าง ไม่ยอมสืบสวนหาคนร้ายมาลงโทษ ทั้งๆ ที่มีการแจ้งเบาะแสมาอย่างชัดเจน ตนจะเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานนำไปเปิดเผยในสภาผู้แทนราษฎรถึงผู้อยู่เบื้อง หลังการฆ่านายศักรินทร์

ด้านนายอนุวัฒน์ ทินราช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย และผู้ประสานงานกลุ่ม นปช.โคราช เปิดเผยว่า นายศักรินทร์เป็นลูกน้องคนสนิท ทำหน้าที่เป็นเลขาฯส่วนตัว ตนมอบหมายให้รับผิดชอบการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. จ.นครราชสีมา โดยได้รับการวางตัวไม่ต้องให้สัมภาษณ์เป็นข่าว แต่จะเป็นผู้ดำเนินการประสานงานทุกครั้ง ด้วยบุคลิกที่โผงผาง แม้การปราศรัยมีข้อมูลไม่ลึกมากนัก แต่น้ำเสียงค่อนข้างดุดัน ถึงลูกถึงคน มีอายุไม่ถึง 30 ปี จึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชุมนุม

"อ้วน บัวใหญ่" โดดเด่นในการนำมวลชนชุมนุมขับไล่รัฐมนตรี และนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ใน จ.นครราชสีมา ถือเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา ประเภทแสบคูณสอง เคยผลักอกนายตำรวจใหญ่มาแล้ว เป็นประเด็นสำคัญที่อาจมีหลายบุคคลกลุ่มมาร่วมจองกฐิน

ขณะนี้ ศพของอ้วน บัวใหญ่ ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบัวใหญ่ เขตเทศบาลเมืองบัวใหญ่ กำหนดฌาปนกิจศพ วันที่ 13 มิถุนายน เวลา 15.00 น. โดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี

ตร.ขอนแก่น รวบ 2 เสื้อแดงมือเผาศาลากลาง-เอ็นบีที ด้าน DSI บุกรังฮาร์ดคอร์พัทยา ยึดอาวุธสงครามขยายผลคดีก่อการร้าย

รวบเสื้อแดงมือเผาศาลากลาง-เอ็นบีทีขอนแก่นอีก 2 คน

10 มิ.ย.53 พ.ต.อ.ธวัชชัย นิลานุช รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่น สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีขอนแก่น ทำลายธนาคารกรุงเทพ และบุกรุกเผาบ้าน นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย และ อดีต รมช.คมนาคม เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 ได้เข้าสอบปากคำ น.ส.ปาริฉัตร ภูนกยูง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 258 ม.14 ต.คลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ผู้ต้องหาในคดี ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่นและโรงเรือนอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งถูกจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.197/2553 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2553

นายไพรวัลย์ แสนสะท้าน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 ม.3 ต.โคกสี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาในคดี ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น, ร่วมกันบุรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และร่วมกันชุมนุมมั่วสุมกัน ณ ที่ใดหรือการะทำการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ซึ่งถูกจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.203/2553 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2553 ที่ห้องขัง สภ.เมืองขอนแก่น

หลังการสอบสวน ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน คุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองราย ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดขอนแก่นทันที แต่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ คุมตัวผู้ต้องหาไปขึ้นรถ น.ส.ปาริฉัตร ได้ยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาโชว์ พร้อมกับตะโกนว่า “รักทักษิณ” และ “ทักษิณ จะอยู่ในหัวใจของตนตลอดไป”

นอกจากนี้ น.ส.ปาริฉัตร กล่าวอีกว่า ตนไม่ผิด ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.มาหลายครั้ง ไม่เคยทำผิด เมื่อถูกตำรวจจับก็ไม่กลัว เพราะได้ติดต่อทางโทรศัพท์มือถือกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ นายจตุพร พรมพันธ์ แกนนำ นปช.ให้รับรู้แล้ว ซึ่งทั้งสองคน ก็รับปากว่าจะให้ทนายความมาพูดคุย เพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป

พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า ตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนคดีเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่น สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีขอนแก่น ทำลายธนาคารกรุงเทพ และบุกรุกเผาบ้าน นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย และ อดีตรมช.คมนาคม เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 นั้น ได้รวบรวมหลักฐาน เพื่อขอหมายจับ จับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมที่กระทำผิดในวันดังกล่าว และได้ออกหมายจับไปแล้วจำนวน 183 ราย

แยกเป็นคดีเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ออกหมายจับ จำนวน 57 ราย จับกุมได้ 3 ราย คดีเผาสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีขอนแก่น ออกหมายจับ จำนวน 67 ราย จับกุมได้ 3 ราย คดีบุกรุกเผาบ้าน นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ออกหมายจับ จำนวน 25 ราย จับกุมได้ 11 ราย ส่วนคดีทำลายธนาคารกรุงเทพ ออกหมายจับแล้วเช่นกัน รวมทั้งหมดทั้ง 4 คดี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 26 ราย ซึ่งผู้ต้องหาบางราย มีหลักฐานเป็นภาพถ่าย ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ยืนยันการกระทำผิดถึง 2 จุด ก็จะถูกออกหมายจับ 2 หมาย

ในส่วนของ น.ส.ปาริฉัตร ถูกจับในคดีเผาศาลากลางและเอ็นบีที ซึ่งก็หมายถึงว่าคนเดียวมีสองหมายจับ ส่วนนายไพรวัลย์นั้น ถูกจับในคดีบุกรุกบ้านนายประจักษ์ จากการสอบสวนผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไม่มีการซัดทอดถึงผู้ใด แต่ยอมรับว่าได้เข้าร่วมชุมนุมและอยู่ร่วมในวันเกิดเหตุ แต่หากมีการซัดทอดถึงผู้บงการหรือผู้ให้การสนับสนุน หากมีพยานหลักฐาน โยงใยถึงใครก็จะเรียกตัวมาสอบสวน และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่ขณะนี้ ยังไม่พบตัวบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการกระทำผิด มีเพียง นางซาบีน่า ซาห์ ซึ่งได้ปรากฏตัวในกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ก่อนที่จะมีการเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ขณะนี้ก็ออกหมายจับแล้ว อยู่ระหว่างการหลบหนี

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวน.ส.ปาริฉัตร ภูนกยูง ออกจากห้องขัง สภ.เมืองขอนแก่น น.ส.ปาริฉัตรได้โชว์รูป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมกับบอกว่า “จะติดคุกกี่ปีก็ยอม เพราะคิดถึงและรักทักษิณมาก ” ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำตัวขึ้นรถคุมขังผู้ต้องหานำตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดขอนแก่นเพื่อดำเนินคดีต่อไป

DSI บุกรังฮาร์ดคอร์พัทยา ยึดอาวุธสงครามขยายผลคดีก่อการร้าย

วันเดียวกันนี้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนดคีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีก่อการร้ายว่า ว่า พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีดีเอสไอ ได้นำชุดปฏิบัติการพิเศษ และพนักงานสอบสวนได้ลงพื้นที่เมืองพัทยา และเข้ายึดอาวุธจากกลุ่มฮาร์ดคอร์ ได้ของกลางหลายรายการเป็นเครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 และอาวุธปืนเอ็ม 16 จากกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับ นปช.ซึ่งดีเอสไอจะเร่งสอบสวนขยายผลถึงเครือข่ายผู้กระทำความผิดต่อไป

"มานิต" ซุ่มเงียบโยกรอง ผู้ว่าฯ 8 จังหวัด

10 มิ.ย.53 นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งแต่งตั้งย้าย รองผู้ว่าราชการจังหวัด และแต่งตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด 8 รายมีดังนี้ ให้นาย ชาญวิทย์ วสยางกูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร และนายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร

นอกจากนี้ยังมีการย้ายรองผู้ว่าราชการจังหวัดอีก 6 ราย ได้แก่ นายวิทยา กามนต์ รองผู้ว่าฯ สมุทรปราการ ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ นครราชสีมา, นาย ชาติชาย อุทัยพันธ์ รองผู้ว่าฯ สุรินทร์ ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯสมุทรปราการ, นายปิติธรรม ฐิติมนตรี รองผู้ว่าฯศรีสะเกษ ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ สุรินทร์, นาย นิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าฯ สุโขทัย ดำรงตำแหน่ง ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ ภูเก็ต, นายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต ดำรงตำแหน่ง รองผู้ว่าฯ สุโขทัย, นายวรกร ยกยิ่ง รองผู้ว่าฯ ชุมพร ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ทั้งนี้ สำหรับนายชาญวิทย์ , นายวิทยา และนายสมิทธิ์ มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.โดยกำหนดให้เดินทางไปรายงานตัวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งในวันที่ 21 มิ.ย.53 ส่วนนายไพโรจน์ และนายวรการ มีผลตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.53 โดยให้เดินทางไปรายงานตัวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งวันที่ 14 มิ.ย.53

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ สำหรับรายชื่อแต่งตั้งโยกย้าย บุคคลส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ที่สนิทสนมกับพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะนาย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงาน รมว.มหาดไทย และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ซึ่งถือว่าเป็นการจัดเตรียมบุคคลรองรับการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้า ยกเว้นนาย ไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ จะเกษียณราชการในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ดำรงตำแหน่งแทนนาย การัณย์ ศุภกิจวิเลขการ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ที่ได้ลาออกไปเป็นผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสารแนวพระราชดำริ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการแต่งตั้งรอผู้ที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งในช่วงเดือนตุลาคมเท่านั้น

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบผู้ที่มีสิทธิ์จะขึ้นชั้นเลื่อนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมนั่งในตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดนานกว่า 3 ปี มีคุณสมบัติที่ถือว่าจะสามารถดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดในฤดูการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งใหญ่ มีดังนี้ นายปิติธรรม ฐิติมนตรี สำเร็จการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือสิงห์ทอง นายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย สำเร็จการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือสิงห์ดำ และนายวรการ ยกยิ่ง สำเร็จการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือสิงห์แดง

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์,http://www.dailynews.co.th, http://www.komchadluek.net, www.matichon.co.th

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net