Skip to main content
sharethis

วสันต์ระบุดีเอสไอส่งหมายเรียกให้ไปเป็นพยาน แต่ตนปฏิเสธ บอกรอยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน ก่อน บอกตนมีหลักฐานคดีวัดปทุมฯ ที่ศอฉ. ต้องการนำไปทำลาย ด้านนางพะเยาว์ มารดาพยาบาลกมลเกดเผย ไม่เคยให้ปากคำใด ๆ กับดีเอสไอ และไม่คิดจะไป

 

 

เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา นายวสันต์ สายรัศมี เจ้าหน้าที่กู้ภัยและอาสาพยาบาลฯ ที่เคยติดอยู่ภายในวัดปทุมวนาราม จากเหตุการณ์ช่วงวันที่ 19 พ.ค.  และเคยถูกหมาย ศอฉ.เรียกให้ไปรายงานตัว ได้ร้องเรียนต่อ "ข่าวสด" รณีมีหมายเรียกตัวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้มาพบเพื่อสอบปากคําในฐานะพยานคดี 6 ศพ ภายในวัดปทุมวนาราม

วสันต์ เปิดเผยถึงกรณีหมายเรียกดังกล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งมาที่บ้านยายของตน เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ให้ตนไปพบเพื่อสอบปากคําและให้เป็นพยานในคดี 6 ศพภายในวัดปทุมวนาราม ซึ่งขณะนี้ได้หารือกับทางทนายความแล้ว ได้รับคำแนะนําว่ายังไม่ควรไปพบในช่วงนี้ ควรรอให้มีการยกเลิกพระราชกำหนดว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเสียก่อนแล้วค่อยไป ซึ่งตนก็เห็นด้วยตามนั้น

"การส่งหมายเรียกของดีเอสไอในครั้งนี้ ผมตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมาตนถูกหมายเรียกตัวจาก ศอฉ.ให้ไปรายงานตัว แต่ผมไม่ไป ศอฉ.จึงอาจเปลี่ยนวิธีโดยให้ดีเอสไอเชิญแทน เพื่อให้ตนออกมา เพราะผมมีหลักฐานกรณียิง 6 ศพ ในวัดปทุมวนารามหลายอย่าง และ ขณะนี้เป็นที่ต้องการของ ศอฉ.เป็นอย่างมาก เพื่อต้องการนําข้อมูลเหล่านั้นไปทําลาย" นาย วสันต์กล่าว

นายวสันต์กล่าวต่อว่า หากว่าเดินทางไปพบดีเอสไอตามวันที่ระบุในหมาย ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะไม่ได้ออกมาเลยก็ได้ อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ต้องมีชีวิตแบบคนเร่ร่อน ไปอยู่ตามที่ต่างๆ ตามบ้านเพื่อนและญาติ ซึ่งตนก็เกรงใจ และก็ไม่อยากให้เขาเดือดร้อนตามไปด้วย จึงวิงวอนขอให้รัฐบาล หยุดตามล่าประชาชน หรือคนเสื้อแดงได้แล้ว เพราะไม่มีประโยชน์

นายวสันต์กล่าวถึงเนื้อหาในหมายเรียกของดีเอสไอ ระบุว่า เรื่องเชิญพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เรียนนายวสันต์ สายรัศมี ด้วยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับมอบสำนวน สอบสวนคดีอาญาที่ 472/2553 กรณีมีผู้เสียชีวิต จำนวน 6 ศพ เหตุเกิดที่วัดปทุมวนา ราม ถนนพระรามที่ 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 19-20 พฤษภาคม 2553 โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษรับไว้เป็นคดีพิเศษที่ 234/2553 และมอบหมายให้ชุดปฏิบัติการที่ 3 ดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป

นอกจากนี้ในเนื้อหาหมายเรียกของดีเอสไอ ยังได้พาดพิงถึงนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของนางสาวกมนเกด อัคฮาด ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ อ้างว่านายวสันต์เป็นพยาน

"เนื่องจากปรากฏในสำนวนการสืบสวนว่า ขณะเกิดเหตุท่านเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ ประกอบกับนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของนางสาวกมนเกด อัคฮาด ผู้ตายอ้างท่านเป็นพยานด้วย เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนได้ข้อมูลครบถ้วน และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงขอเชิญท่านไปพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (พ.ต.ท.สราวุธ บุญศิริโยธิน พสพ.ชำนาญการพิเศษ กับพวก) ณ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในวันที่ 6 สิงหาคม 2553 เวลา 10.00 น. พร้อมนำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยว ข้อง (ถ้ามี) ไปด้วย..." ส่วนหนึ่งจากเนื้อหาของหมายเรียกของดีเอสไอระบุ

ข่าวสดรายงานอีกว่า นางพะเยาว์ อัคฮาด ออกมาปฏิเสธว่าตนยังไม่ได้ให้ปากคำอะไรกับดีเอสไอ และคงจะไม่ไปให้ปากคำเพราะไม่เกี่ยวกับตน

โดยนางพะเยาว์ได้กล่าวอีกว่า ที่จะถามดีเอสไอ ว่าตนเป็นคนหนึ่งที่ออกมาเรียกร้องให้กับน.ส.กมนเกด ลูกสาวที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค.นั้น มีความผิดด้วยหรือ หากผิดผิดในข้อหาอะไร อย่ามาออกหมายเรียกแบบมั่วๆ แบบนี้ และช่วงที่มีการชุมนุมกันที่ราชประ สงค์ตนก็ไม่เคยเดินทางไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่ลูกสาวที่ไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทําร้ายภายในวัดปทุมฯ

 

ที่มา : เว็บไซต์ข่าวสด
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net