Skip to main content
sharethis

ปีที่ 5 การผลิตแบบรวมหมู่ ที่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีออกแรงช่วยกันอย่างแข็งขัน อาศัยวีถีชีวิตที่เป็นรากเหง้าของชาวอีสาน ต่อต้านภัยเหมืองแร่โปแตซ

 
เมื่อวันที่ 22 – 23 สิงหาคม 2553 ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี จำนวนกว่า 200 คน ร่วมกัน ทำนารวม เพื่อระดมทุนทำกิจกรรม ซึ่งปีนี้ เป็นปีที่ 5 ที่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ใช้การผลิตแบบรวมหมู่ออกแรงช่วยกันอย่างแข็งขัน อาศัยวีถีชีวิตที่เป็นรากเหง้าของชาวอีสาน ต่อต้านภัยเหมืองแร่โปแตซ โดยปีนี้ชาวบ้านทำนารวมเป็นจำนวน 30 กว่าไร่ 
 
 
 
บรรยากาศของการทำนารวมของชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ในปีนี้ยังคงคึกคักและครื้นเครงดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา ชาวบ้านทั้ง เด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่วัยกลางคน รวมทั้งผู้เฒ่าผู้แก่ที่ต่อสู้กับภัยเหมืองแร่โปแตซมาร่วม 10 ปี ได้เดินทางมายังแปลงนารวมอย่าพร้อมเพรียงกัน ถึงแม้แสงแดดที่แผดเผาก็มิอาจเป็นอุปสรรคขัดขวางการดำนาของกลุ่มชาวบ้าน เพราะว่าทุกคนล้วนมีจุดหมายในการทำนาร่วมกันเพื่อที่จะได้ข้าวมาเป็นทุนของชุมชน แล้วนำไปต่อสู้กับอภิมหาทุนที่กำลังเข้ามาคุกคามชุมชนผ่านโครงการเหมืองแร่โปแตซ จังหวัดอุดรธานี
 
อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรอำเภอประจักษ์ศิลปาคม เข้ามาร่วมกิจกรรมดำนากับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง และกลุ่มนักศึกษาและอาจารย์ จากภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ละสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ลงมาแปลงนารวมเพื่อศึกษาและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การต่อสู้ของชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ
 
แม่มณี บุญรอด รองประธานกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ผู้ที่ยืนหยัดคัดค้านโครงการเหมืองโปแตซ มาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ได้กล่าวถึงการทำนารวมของชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ในครั้งนี้ว่า พวกเราทำนารวมมาเป็นปีที่ห้าติดต่อกันแล้ว โดยมีความมุ่งหมายว่าจะได้ข้าวไปขายเพื่อเป็นเงินทุนในการทำกิจกรรมของกลุ่ม โดยมีพี่น้องชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ที่มาดำนารวมนั้น ทุกคนที่มาต่างเป็นผู้มีใจรักในการปกป้องผืนแผ่นดินถิ่นเกิดของตนเอง1ทั้งสิ้น
 
ด้านนางลำพูน รัตนี อีกหนึ่งแกนนำชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ที่นำพาชาวบ้านมาออกแรงดำนาร่วมกันในวันนี้ กล่าวอย่างภาคภูมิว่า ถึงแม้ว่าการดำนาจะเหนื่อยยากลำบาก แต่กลุ่มชาวบ้านก็ไม่เคยคิดย่อท้อต่อความยากลำบากในครั้งนี้ ทั้งยังถือเป็นโอกาสที่ดีที่ชาวบ้านจากแต่ละหมู่บ้านมาเจอกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน และไถ่ถามถึงสารทุกข์สุกดิบกับชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของชาวบ้านที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์กันอย่างกลมเกลียวเหนียวแน่น
 
ในส่วนของนายฐากูร สรวงศ์สิริ นักศึกษาภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กล่าวความรู้สึกที่ได้มาสัมผัสกับชีวิตและการต่อสู้ของชาวบ้านผ่านกิจกรรมนารวมของกลุ่มอนุรักษ์ฯว่า โอกาสที่ดีของกลุ่มนักศึกษาที่ได้มาเรียนรู้การต่อสู้ของภาคประชาชนที่เข้มแข็ง ลุกขึ้นมาปกป้องฐานทรัพยากรของตนเอง โดยนักศึกษาขอส่งกำลังใจให้กับพี่น้องชาวบ้านคัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตซได้สำเร็จ
 
นายฐากูร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าการที่ได้มาเห็นและทดลองทำนาด้วยตนเองนั้นทำให้ได้ซึมซับคุณค่าของข้าวว่า กว่าจะได้ข้าวมาแต่ละเม็ดนั้น แสนยากลำบากจึงควรยกย่องพี่น้องชาวนาและร่วมกันรักษาวัฒนธรรมการทำนาของชาวอีสาน
 
เมื่อชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้ดำนาร่วมกันจนเสร็จสิ้น ทุกคนต่างมีความรู้สึกปีติยินดีที่กิจกรรมในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และทุกๆ คนคงจะมาพบกันใหม่อีกครั้งในวันเกี่ยวข้าวนารวม โดยทั้งหมดต่างก็มีความมุ่งหวังร่วมกันว่า ข้าวจากนารวมในแปลงนี้ ที่ชาวบ้านร่วมกันปักดำจะงอกเงยไปเป็นต้นทุนในคัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตซ ต่อไป 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net