ไต่สวนคุ้มครองชั่วคราวพื้นที่โรงไฟฟ้าหนองแซง หวังศาลมีคำสั่งก่อนโครงการเริ่มก่อสร้าง พ.ย.นี้

ศาลปกครองกลางไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ก่อนการพิพากษาคดี กรณีชาวบ้านสระบุรี-อยุธยา ฟ้องเพิกถอนใบอนุญาตฯ โรงไฟฟ้าหนองแซง ขณะ บ.โรงไฟฟ้าส่งตัวแทนแจงผลกระทบอาจต่อเนื่องถึงความต้องการไฟฟ้าในระบบพลังงาน ด้านทนายความคาดศาลจะมีคำสั่งก่อนกำหนดการเข้าพื้นที่ก่อสร้างโครงการ พ.ย.นี้ 

 
วานนี้ (15 ต.ค.53) เวลา 10.00 น.ศาลปกครองกลาง นัดไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาคดี กรณีชาวบ้านสระบุรี-อยุธยา ฟ้องคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) ด้านโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ฐานออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงไฟฟ้า และมีมติเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโรงไฟฟ้า เพาเวอร์ เจเนอเรชั่น ซัพพลาย ซึ่งจะทำการก่อสร้างในพื้นที่ อ.หนองแซง จ.สระบุรี โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานของโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าดังกล่าว
 
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 21 ก.ย.53 ชาวบ้านอ.หนองแซง จ.สระบุรี และ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 61 คน ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้ตรวจสอบการพิจารณาออกใบอนุญาต และให้ความเห็นชอบต่อ EIA ของทั้ง 2 หน่วยงานดังกล่าว เนื่องจากอาศัยฐานข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้องครบถ้วนในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ ทั้งในประเด็นการแย่งชิงทรัพยากรน้ำ ซึ่งในชุมชนที่มีปัญหาขาดแคลนน้ำในภาคเกษตรอยู่แล้วเดิม และความไม่เหมาะสมในการนำพื้นที่เกษตรกรรมและนาข้าวมาตั้งโรงไฟฟ้า อีกทั้งยังขัดต่อร่างผังเมืองรวมจังหวัดสระบุรีที่กำลังจะประกาศบังคับใช้ 
 
นอกจากนี้ คำร้องได้ขอให้ศาลกำหนดมาตรการหรือวิธีการบรรเทาทุกข์ชั่วคราว โดยทุเลาการบังคับใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือสั่งระงับการดำเนินการใดๆ ในพื้นที่โครงการไว้เป็นการชั่วคราวก่อนศาลมีคำพิพากษา
 
นายสงกรานต์ ป้องบุญจันทร ทนายความจากโครงการนิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLaw) และทนายความผู้รับมอบอำนาจผู้ฟ้องคดี ให้ข้อมูลว่า ในวันนี้ชาวบ้านกว่า 70 ได้มาร่วมฟังการไต่สวน ซึ่งมีทั้งตัวแทนคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และ ตัวแทน คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ รวมทั้งตัวแทนจากโรงไฟฟ้า เพาเวอร์ เจเนอเรชั่น ซัพพลาย เข้าให้รับการไต่สวน ซึ่งทางตัวแทนจากโรงไฟฟ้าฯ ได้ให้เหตุผลคัดค้านการคุ้มครองชั่วคราวในพื้นที่ว่าอาจทำให้การดำเนินโครงการล่าช้าซึ่งจะส่งผลต่อการส่งไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ ซึ่งกระทบต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าและความมั่นคงทางพลังงานของประเทศได้ 
 
นายสงกรานต์กล่าวด้วยว่า ในส่วนของชาวบ้าน ซึ่งต้องการให้มีการคุ้มครองพื้นที่ชั่วคราวนั้น มีความเห็นว่าหากมีการเดินหน้าโครงการในพื้นที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ อีกทั้ง ภายหลังจากนี้หากศาลพิจารณาตัดสินให้มีการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ แต่ในพื้นที่กลับมีการเริ่มต้นโครงการไปแล้ว การดำเนินการทางกฎหมายอาจไปเกี่ยวเนื่องกับหน่วยงานรัฐอีกหลายหน่วยงาน 
 
อย่างไรก็ตาม นายสงกรานต์ ให้ข้อมูลว่า ในวันนี้ศาลยังไม่ได้มีคำสั่งให้มีการคุ้มครองชั่วคราวพื้นที่หรือไม่ และหลังการไต่สวนศาลได้เรียกเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม คาดว่าคงต้องใช้เวลาในการพิจารณาเอกสาร แต่คิดว่าคำสั่งศาลคงมีก่อนการเริ่มโครงการ ซึ่งโรงไฟฟ้ามีกำหนดเข้าดำเนินงานในพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายนนี้ 
 
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลาง นัดไต่สวนคำร้องขอบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาในคดีที่ชาวบ้าน อ.หนองแซง จ.สระบุรี ยื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับพวกรวม 4 คน เหตุละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควรในการดำเนินการประกาศผังเมืองรวมจังหวัดสระบุรี ทำให้ในระหว่างที่ผังเมืองรวมจังหวัดยังไม่มีผลบังคับใช้ มีการอนุมัติอนุญาตให้มีการดำเนินการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าในพื้นที่ ซึ่งขัดต่อร่างผังเมืองรวมที่วางไว้ เนื่องจากตามร่างนั้นพื้นที่ อ.หนองแซง ได้รับการกำหนดให้เป็นพื้นที่เขตอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมที่มีข้อกำหนดห้ามก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในพื้นที่  ซึ่งศาลยังไม่มีคำสั่งเช่นกัน
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท