Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

อันที่จริงผมไม่ใคร่จะสนใจคดียุบพรรคประชาธิปัตย์นัก เพราะยุบไม่ยุบก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เนื่องจากไม่ใช่ยุบพรรคตามมาตรา 237 ที่รัฐธรรมนูญ คมช.วางกับดักบางพรรคไว้โดยเฉพาะ ต่อให้ยุบ อภิสิทธิ์ก็ไม่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ต่อให้ซวยถึงขีดสุด ก็อาจโดนแค่ห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรค 5 ปี แต่ไม่เป็นหัวหน้าพรรคก็เป็นนายกฯได้นิ รัฐธรรมนูญไม่ห้าม

นอกจากนี้เหตุยังเกิดในยุคบัญญัติ-ประดิษฐ์ อีกต่างหาก ถ้าใช้เงินผิดประเภทเป็นเหตุอาญา หัวหน้า-เลขาธิการ-เหรัญญิกพรรคในครั้งนั้นก็รับไป (นี่ยังไม่พูดถึงคดีเงินบริจาค 258 ล้านที่ยังไม่ขึ้นศาล)

แต่ที่ไหนได้ คดียุบพรรค ปชป.กลับมาเป็นประเด็นฮือฮา ช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ใครๆ ก็ถามว่า ดูคลิปแล้วหรือยัง – ดูแล้ว สนุกดี หมอผีหัวฟูแดนซ์กระจายเพลง Nobody มะเร็งหายไปไหนไม่รู้

อ้าว ไม่ใช่เรอะ คลิปลับตุลาการเรอะ งั้นขอดูซะหน่อย จะสู้คลิปธัญญ่าได้ไหม แต่ดูแล้วบอกตามตรง นอกจากคลิป 2 บันทึกการสนทนาของ 2 ว.กับ 1 พ.แล้ว คลิปอื่นไม่มีอะไรมาก คนปล่อยคลิปอ่อนหัด ไม่เข้าใจเกม เพราะควรจะปล่อยคลิป 2 คลิปเดียวก่อน คลิปอื่นทยอยตามหลัง โดยเฉพาะคลิปแรกที่พาดพิงพลเอกเปรมนั้นไม่ควรทำอย่างยิ่ง นอกจากไม่มีประโยชน์ (คนที่เชื่อว่าพลเอกเปรมเกี่ยว ก็เชื่ออยู่แล้ว คนไม่เชื่อ เขาก็ไม่เชื่ออยู่ดี) ยังทำให้กระแสสับสน เล่นหลายชั้นเกินไป แทนที่จะพุ่งเป้าหมายเดียว

เกมแบบนี้ต้องศึกษาจาก ปชป.เวลาถล่มใคร ก๊วนสะตอเขาจะค่อยๆ แพลมข้อมูลทีละวัน รายวัน เรียงลำดับ ชงประเด็นพาดหัวข่าวให้เสร็จสรรพ จากเบาไปหาหนัก จากรองพื้นไปจนสีเข้มและดำ สุดท้ายก็กลายเป็นผู้ร้ายดิ้นไม่หลุด วิธีการแบบนี้สืบทอดมาตั้งแต่สมัยคึกฤทธิ์เล่นงาน อ.ปรีดีโน่นแล้ว

คลิป 3-4-5 ผมดูแล้วยังขำ เพราะซับไตเติลถูกๆ ผิดๆ ถอดเทปบางคำก็ผิดชัดๆ ตัวหนังสือก็เขียนผิด ทายได้เลยว่าคนถอดเทปไม่รู้ภาษากฎหมาย ต่อให้ไม่จบกฎหมายถ้าอยู่ในศาล บันทึกการประชุมทุกวัน ก็น่าจะถอดเทปดีกว่านี้

เนื้อหาในเทปส่วนใหญ่แล้วไม่มีอะไร โธ่ ก็ตุลาการท่านนั่งประชุมกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่นับสิบ ใครจะหลุดปากพูดอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร ผมยังสงสัยว่าเทปที่หลุดออกมาทำให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียหายตรงไหน ฟังแล้วไม่มีอะไรเสียหายนะครับ นอกจากให้ความรู้เฟื่องเรื่องกฎหมายโดยตุลาการผู้สูงส่งแล้ว บางช่วงยังทำให้ผู้ชมทางบ้านสนุกสนานเฮฮาอีกต่างหาก โดยเฉพาะตอนที่ตั้งวงเมาท์ “เจ๊สด” ผมยังอยากโดดเข้าจอไปขอแจมด้วยคน

ประเด็นที่เกี่ยวกับคดีมีแค่ประเด็นเดียว คือที่ประชุมหารือหาทางให้ประธาน กกต.อภิชาติ สุขัคคานนท์ มาให้การ โดยพูดกันถึงขั้นต้องระบุเป็น “พยานปากสำคัญ” เพื่อ “กดดัน” ประธาน กกต.มาให้การให้ได้

แต่บังเอิ๊ญ มันกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ไปสอดคล้องกับคลิป 2 การสนทนาระหว่างวิรัช ร่มเย็น กับพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่พยายามจะเอาประธาน กกต.มาเป็นพยานให้ได้ ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคประชาธิปัตย์

คลิป 2 นี่เสียงดังฟังชัดนะครับ พสิษฐ์กับวิรัชคุยกันว่าจะต้องหานักวิชาการออกมาให้ความเห็น แล้วก็บังเอิ๊ญอีกนั่นแหละ มีอาจารย์กฎหมายเสื้อเหลืองเจ้าเก่า ผู้เคยร่วมร่างรัฐธรรมนูญกับ คมช.ออกมาให้ความเห็นว่า ปชป.ควร “ชนะฟาวล์” เพราะ กกต.มีมติให้ส่งเรื่องยุบพรรค ปชป.ข้ามขั้นตอน ไม่ผ่านความเห็นชอบของนายทะเบียนพรรคการเมือง

ท้ายที่สุดไม่ทราบว่าเกิดไหวตัวเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพราะคลิป 2 บันทึกไว้วันที่ 7 คลิป 3-4-5 เป็นการประชุมวันที่ 4 แต่พอถึงการพิจารณาวันที่ 18 ศาลไม่ยักเรียกประธาน กกต.มาให้การ ประเด็นนี้เลย (ดูเหมือน) ตกไป ไม่มีใครซักถามตุลาการว่าเหตุใดในตอนนั้นท่านจึงคิดจะเรียก (โดยบังเอิญสอดคล้องกับสิ่งที่พสิษฐ์-วิรัช คุยกัน)

กระนั้น การไม่เรียกมาเป็นพยาน ก็ไม่ได้แปลว่าศาลจะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นไม่ได้ เพราะความเห็นของประธาน กกต.มีอยู่แล้วในสำนวน

เพียงแต่ถ้าศาลยกความเห็นของประธาน กกต.ขึ้นเป็นประเด็นสำคัญในคำวินิจฉัย แล้วให้ ปชป.”ชนะฟาวล์” ไม่ยุบพรรค แบบที่นักวิชาการรายนั้นออกมาพูด ก็คงดูเปรี้ยวหวานมันเค็มเผ็ดร้อน (ไม่จืด) ไปเลย

หน้าดำร้องจับโจร

วิรัช ร่มเย็น อ้างว่าถูกจัดฉาก พสิษฐ์เลื่อนเก้าอี้ พสิษฐ์ถามนำ ฯลฯ อ้าว ถามนำแล้วไปเออออห่อหมกกับเขาทำไม วิรัชต้องรู้ว่าตัวเองเป็นทนาย อีกฝ่ายเป็นเลขานุการประธานศาล ไม่ควรพูดคุยกันเรื่องคดีแม้แต่คำเดียว ถ้าอีกฝ่ายพูดก็ต้องบอกปัด

ต่อมาวิรัชให้สัมภาษณ์ใหม่ ยอมรับว่าไปพบพสิษฐ์มาหลายครั้ง แต่พบเป็นการส่วนตัว ไม่ได้พูดคุยเรื่องยุบพรรค (อ้าว แล้วในคลิปพูดเรื่องอะไร) อ้างว่าพสิษฐ์ไม่ใช่ตุลาการ ไม่สามารถเบี่ยงเบนการพิจารณาได้ แต่เลขานุการประธานก็ต้องรู้ข้อมูลรู้สำนวนสิครับ

ถ้าวิรัชทำแบบนี้ได้ ต่อไปศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ก็เปิดคาเฟ่ข้างศาลให้เจ้าหน้าที่ศาลที่ไม่ใช่ผู้พิพากษาในคดี ไป “พบเป็นการส่วนตัว” กับเพื่อนที่เป็นทนายได้อย่างเปิดเผย ไม่ผิดอะไร จริงไหมวิรัช

ไอ้ที่น่าประหลาดใจคือ วิรัชอ้างว่ามีการจัดฉากมาตั้งแต่ทศพล เพ็งส้ม ไปพบพสิษฐ์ แต่ตัววิรัชก็ยังไปพบพสิษฐ์อยู่ได้ตั้งหลายครั้ง

ข้างมาร์คอ้างว่าคนทำและเผยแพร่คลิปมีความผิดอาญา ดิสเครดิตกระบวนการยุติธรรม จัดฉากทำลายพรรคประชาธิปัตย์ แต่คนของตัวเองไปพบเจ้าหน้าที่ศาลพูดคุยเรื่องคดีรู้เห็นกันทั้งประเทศ ยังไม่รู้ว่าผิดหรือไม่ ขอตั้งกรรมการสอบสวนกันเองก่อน ขณะที่โฆษก ปชป.ยังจะเอาผิดพรรคเพื่อไทย ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์

โห ยอดเยี่ยมจริงๆ เกิดมาไม่เคยเห็นใครตาใสเท่านี้ ปชป.น่าจะส่งคนไปเป็นกรรมการฟีฟ่าแทนบังยี (ที่โผล่มาเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย) จะได้ช่วยตะแบงแทนกรรมการฟีฟ่าโซนโอเชียเนีย ที่ถูกนักข่าวซันเดย์ไทม์ปลอมตัวไปติดสินบน ให้เลือกอเมริกาเป็นเจ้าภาพบอลโลก จงใจจัดฉากทำลายกันชัดๆ เลยนะนั่น ถ้านักข่าวซันเดย์ไทม์มาทำอย่างนี้ที่เมืองไทยมีหวังติดคุกหัวโต

ผบ.ตร.ก็สุดบื้อ อ้างว่าไม่มีผู้เสียหายดำเนินคดีไม่ได้ แบบนี้ต้องให้ตำรวจอยุธยาที่จับแม่ค้าขายรองเท้าแตะมาเป็น ผบ.ตร.ซะดีกว่า

คนทำคลิปมีความผิด คนแพร่คลิปมีความผิด แต่คนในคลิปไม่มีความผิด เห็นจะมีอยู่ที่เดียวคือพรรคประชาธิปัตย์

พสิษฐ์น่ะเขาหวังดีกับประชาธิปัตย์แท้ๆ อุตส่าห์ฝากเตือนนายชวนว่าให้ระวังปากเทพไท ก็ยังไม่เชื่อกันอีก (คงหาว่าดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์) ทำไมไม่ถามนายชวนมั่งว่ารู้จักพสิษฐ์หรือเปล่า

คำถามอีกด้านนอกจากถามพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ยังต้องถามประธานศาลรัฐธรรมนูญ ว่าท่านควรรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของเลขานุการของท่านเองหรือไม่

ตุลาการ 5 ท่านออกมาแถลงปลดพสิษฐ์ โดยประธานไม่ออกมาด้วย เป็นอะไรที่ประหลาดๆ แต่ก็ไม่ยักมีอะไรในกอไผ่ นอกจากมีแหล่งข่าวกล่าวว่าประธานศาลขอโทษคณะตุลาการที่คนของตนทำให้องค์กรเสื่อมเสีย แต่พยายามจะบอกว่าประธานไม่น่ารู้เห็นการกระทำของเลขาฯ

โอ้ คงไม่มีใครบังอาจปรักปรำหรอกนะครับว่าท่านใช้เลขาฯ ไปเอื้ออำนวยช่วยเหลือ ปชป. เพียงแต่คนเขาถามว่าท่านจะรับผิดชอบอย่างไรกับเลขาฯ ที่ตั้งมาเองกับมือ ดึงตัวมาจากเจ้าหน้าที่ รพ.บำรุงราษฎร์ มากินเงินเดือน 42,200 บาท เงินประจำตำแหน่ง 4,900 บาท แต่กลับมาทำอย่างนี้

คือตอนแรกผมยังคิดว่านายพสิษฐ์นี่แกเป็นเจ้าหน้าที่ศาลมาก่อน ที่ไหนได้ เพิ่งรู้จากมติชนว่ามาจาก รพ.บำรุงราษฎร์ จบกายวิภาค ม.รังสิต ท่านประธานผู้ได้รับรางวัลสัญญา ธรรมศักดิ์ คงมีสายตายาวไกล เล็งเห็นความสามารถทางกฎหมายจากนักกายวิภาค แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าท่านมองผิด

นั่นสิ แล้วจะรับผิดชอบอย่างไร ที่ไม่ใช่แค่ตั้งกรรมการสอบ (โดยมีเมีย อ.สมคิดร่วมอยู่ด้วย เพิ่งร้นะเนี่ยว่าเมีย อ.สมคิดทำงานศาลรัฐธรรมนูญ เออ แล้ว อ.สมคิดจะวิจารณ์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร)

โทษที ผมไม่อยากใช้คำว่ารับผิดชอบต่อสังคม เพราะคนครึ่งหนึ่งของสังคมไม่มีความเชื่อมั่นศรัทธาศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว เอาแค่รับผิดชอบต่อคนพวกที่เชื่อในความขรึมขลังของตุลาการภิวัตน์เมื่อครั้งวินิจฉัยคดีปราสาทพระวิหารและยุบพรรคพลังประชาชนก็พอ โปรดอย่าทำให้คนเหล่านี้ผิดหวัง

โห ยิ่งถ้าพสิษฐ์เป็นเสื้อแดงหรือเป็นสายลับของพรรคเพื่อไทย อย่างที่พยายามใส่สีกัน จะยิ่งเสียหนักเลยนะครับ เพราะท่านไม่ดูตาขุนตาโคนไปเอาลูกเสือลูกตะเข้มาเลี้ยง แล้วใครจะไว้วางใจให้ทำงานใหญ่ ปลดพสิษฐ์แล้ว ท่านจะไปดึงนักกายวิภาคมาจาก ร.พ.ไหนอีกล่ะ

นี่เลยทำให้อยากรู้มากขึ้นว่า เลขาตุลาการอีก 8 คน มาจาก ร.พ.ไหนบ้าง

จากเรื่องที่ไม่น่าเป็นเรื่อง กลับโกโซบิ๊ก จากยุบไม่ยุบที่ไม่น่ามีผลอะไร กลับกลายเป็นยุบไม่ยุบก็เสื่อมอยู่ดี และน่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ว่าคดีความใดที่มีผลต่อการเมือง

ตุลาการภิวัตน์ถลำลึกเข้ามาแล้วนี่ครับ 

ลูกไม้เก่า ปชป.

พรรคประชาธิปัตย์ทำท่าขัดแย้งกับพรรคภูมิใจห้อย ทั้งเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายในมหาดไทยและผลประโยชน์ในกระทรวงพาณิชย์

นั่นไม่ใช่สัญญาณว่ารัฐบาลจะแตก แต่เป็นสัญญาณว่าอภิสิทธิ์กำลังจะยุบสภา

หาเสียงไงครับ กู้ภาพหาเสียงเตรียมเลือกตั้ง งัดกฎเหล็กร้อยแปดข้อออกมาขย่มพรรคร่วมรัฐบาล เอาไว้เลือกตั้งเสร็จแล้วค่อยกลับมาจูบปากห้อยๆ กันใหม่

สภากำลังจะปิดสมัยประชุม กฎหมายสำคัญผ่านหมดแล้ว กว่าจะเปิดอีกทีก็ต้นปีหน้า คิดรึว่าอภิสิทธิ์จะอยากให้มีอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกครั้งก่อนยุบสภา ระยะเวลาต่อจากนี้ไป ไม่จำเป็นต้องพึ่งมือพรรคร่วม ฉะนั้นไม่แปลกอะไรถ้าจะไปถึงขั้นยึดกระทรวงบางกระทรวงคืน ก่อนยุบสภาในเดือนมกราคม ปล่อยให้พรรคภูมิใจห้อยโวยวายไป เลือกตั้งใหม่กลับมาค่อยร่วมรัฐบาลกัน ใครจะไม่ร่วม ในเมื่ออำมาตย์ ขุนทหาร ตุลาการ ยังมีอำนาจครอบงำการเมือง

ผมค่อนข้างมั่นใจหลังจากอ่าน อ.สุรพล นิติไกรพจน์ ให้สัมภาษณ์ ท่านวิเคราะห์มาเรียบร้อยก่อนจะฟันธง ยุบสภาเดือนมกราคม นักวิชาการระดับนี้แล้ว ใครไม่เชื่ออย่าเชื่อ (ส่วนท่านจะรู้อะไรลึกๆ แค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง)

เกมทะเลาะกันในหน้าหนังสือพิมพ์วันนี้จึงเป็นเกมสร้างภาพก่อนยุบสภา เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่ภูมิใจห้อย เพื่อรักษาฐานเสียงคนกรุงเทพฯ (กลัวพรรคการเมืองใหม่แย่ง ฮิฮิ) ส่วนในภาคอีสาน ปชป.ทำใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้ เอาแค่หนุนให้ภูมิใจห้อยเป็นทัพหน้า อาวุธยุทโธปกรณ์ กระสุน เสบียง ที่สะสมมา 2 ปีเพียงพอแล้วที่จะสู้

ก็ดูแค่สปอนเซอร์ทีมบุรีรัมย์ 10 ราย 100 ล้าน หาได้ง่ายดาย (มีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคด้วย เก็บเงินชาวบ้าน 70 กว่าจังหวัด แต่เอาไปให้สปอนเซอร์บุรีรัมย์ทีมเดียว 10 ล้าน)

อภิสิทธิ์ต้องยุบสภา เพราะรู้ว่ายิ่งอยู่นานยิ่งเสื่อม การยุบสภาเลือกตั้งใหม่แล้วได้ชัยชนะร่วมกับพรรคภูมิใจไทย จะลบล้างมลทินที่ว่าตัวเองได้อำนาจมาโดยไม่ชอบธรรม “รับของโจร” จากการปล้นอำนาจที่ คมช.วางกับดักไว้ให้ตุลาการภิวัตน์และกองทัพช่วยกันล้มรัฐบาลที่ชนะเลือกตั้ง

ประเด็นสำคัญที่นักประชาธิปไตยต้องเตรียมตอบโต้คือ การยุบสภาหลังจากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยาวนาน ปิดกั้นสื่อ ทำลายล้างสื่อที่อยู่ตรงข้าม เปิดเสรีภาพด้านเดียวให้สื่อกระแสหลักที่เชียร์ตัวเองและกระหน่ำซ้ำเติมฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งใช้อำนาจ พรก.ฉุกเฉินกวาดล้างจับกุมคุมขังแกนนำและมวลชนฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะเปิดให้มีการเลือกตั้ง นี่เป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมกว่าพม่าซักเท่าไหร่เชียว

ในช่วงเวลาที่เหลืออีกราว 3 เดือน ยังเชื่อได้ว่า ระบอบอภิสิทธิ์จะเร่งใช้อำนาจ พรก.ฉุกเฉินกวาดล้างจับกุมปราบปรามเสี้ยนหนาม อย่างเข้มงวดรุนแรง แต่อยู่ภายใต้การสร้างภาพ และใช้กลไกกฎหมายเป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะเมื่อมีมือไม้ครบครันทางด้านตำรวจ มีนายตำรวจผู้เชี่ยวชาญในการปั้นสำนวน ยัดข้อหา (ซึ่งก็เคยรับใช้ทักษิณมาก่อน) เข้าไปเป็นมือไม้หลายราย มิพักต้องพูดถึง DSI ที่ไม่เหลือความเป็นมืออาชีพแล้ว

ระบอบอภิสิทธิ์ไม่ได้กลัวพรรคเพื่อไทยหรือทักษิณมากเท่ามวลชนเสื้อแดง ซึ่งแสดงพลังให้เห็นว่าพร้อมจะสู้ไม่ถอย ตั้งแต่รำลึกการชุมนุมที่ราชประสงค์มาถึงอยุธยา เสียงตะโกนข้างถนนที่ไม่มีในรายงานข่าว ไม่มีการจัดตั้ง ไม่มีแกนนำ ยิ่งเปล่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ และแรงขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งความจริงก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรสนับสนุน แต่มวลชนที่โกรธแค้นและสุกงอม ไม่รู้จะไปห้ามใครตรงไหนอย่างไร นี่เป็นผลจากการปิดกั้นของรัฐบาลเอง (เพราะถ้ายอมให้เปิดเว็บประชาไทจนดูได้กว้างขวาง ผมจะได้เขียนเรื่องการต่อสู้โดยสันติให้คนเสื้อแดงอ่าน ฮิฮิ)

คำถามคือ รัฐจะยอมให้มวลชนเสื้อแดงจัดงานเคลื่อนไหวรายสัปดาห์เช่นนี้ต่อไปจนถึงเดือนมกราคมหรือไม่ พวกเขาจะใช้เล่ห์เหลี่ยม กลไก วิธีสกปรก ทั้งในและนอกกฎหมายมาจัดการกับมวลชนอย่างไร (เห็นข่าวล่าสุดก็มีการยึดวิทยุเสื้อแดงที่ขอนแก่นอีกแล้ว)

นี่คือสิ่งที่ผมอยากฝากให้ช่วยกันคิดและเตรียมรับมือ

ใบตองแห้ง
22 ต.ค.53

ป.ล.3-4 วันมานี่นั่งยิ้มกริ่มชอบใจ เพราะคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองเด้งคุณหญิงเป็ด ให้เหตุผลตรงกับที่ผมเคยเขียนไว้

ศาลปกครองไม่ได้ให้เหตุผลเหมือนกฤษฎีกาของมีชัย ฤชุพันธ์ นะครับ เพราะกฤษฎีกาตีความตื้นมาก ศาลชี้เรื่องคุณสมบัติ ตามมาตรา 34 ผู้ว่าฯต้องพ้นตำแหน่งเมื่อตาย ลาออก อายุครบ 65 ติดยาเสพย์ติด วิกลจริตจิตฟั่นเฟือน หรือไปดำรงตำแหน่งอื่น

ประกาศ คปค.คุ้มครองคุณหญิงเป็ดเมื่อครบวาระ แต่ไม่คุ้มครองเรื่องขาดคุณสมบัติ คุณหญิงจึงต้องพ้นตำแหน่งเมื่อตาย ลาออก หรือเกษียณ เหมือนคนอื่นเขาทั่วไป จะมาทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติอยู่แต่ผู้เดียวไม่ได้

“หากตีความกฎหมายเช่นนั้นก็จะกลายเป็นว่า ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินที่ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินคนใหม่มารับหน้าที่แทน แม้จะตาย ลาออก มีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ ไปเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา กรรมการการเลือกตั้ง ติดยาเสพติดให้โทษ เป็นต้น ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินต่อไปได้จนกว่าจะมีผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินคนใหม่มารับหน้าที่แทน ซึ่งจะทำให้คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม หรือการที่กฎหมายห้ามกระทำการ หรือการตรวจสอบของวุฒิสภาไม่อาจกระทำได้โดยครบถ้วน”

ให้รู้ซะมั่งว่าเวลาผมเขียนเรื่องกฎหมาย ผมมีที่ปรึกษาที่ยึดหลักเกณฑ์แม่นยำกว่ามีชัย ณ ปั๊มน้ำมัน
....................................... 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net