Skip to main content
sharethis

17 .. 53 - กลุ่มเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม (ดาวดิน) ออกแถลงการณ์จี้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ยุติการดำเนินคดีกับชาวบ้านและกลุ่มเยาวชน ที่ลงสำรวจพื้นที่ บริเวณบ้านนาหนองบง อ.วังสะพุง จ.เลย

 

แถลงการณ์กลุ่มเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม (ดาวดิน)

เนื่องด้วยนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นมีการจัดทำค่ายขึ้นภายใต้ชื่อ โครงการศึกษาระบบนิเวศน์บนเส้นทางการพัฒนาอีสานของกลุ่มเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม (ดาวดิน) ก่อนที่จะมีการจัดทำค่ายในเดือนเมษายน ได้มีการลงสำรวจพื้นที่และศึกษาระบบนิเวศน์รอบๆ บริเวณบ้านนาหนองบง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ซึ่งในการสำรวจระบบนิเวศน์ดังกล่าวมีกลุ่มนักศึกษาจำนวน 8 คน โดยมี นาย สมัย ภักดิ์มี แกนนำกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดและเยาวชน กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด ซึ่งมีหน้าที่เฝ้าระวังผลกระทบจากเหมืองแร่ทองคำ เป็นผู้นำในการสำรวจและไปตรวจสอบพื้นที่เพราะ มีชาวบ้าน มาแจ้งว่า บ่อน้ำในที่นาของตนมีน้ำขุ่นผิดปกติ ซึ่งคาดว่าเป็นผลกระทบมาจากการทำเหมืองแร่ทองคำ จากบริเวณใกล้เคียง ทำให้กลุ่มนักศึกษาให้ความสนใจ และร่วมสำรวจด้วย โดยเริ่มสำรวจในวันที่ 16 มีนาคม 2553 ซึ่งทำการเดินสำรวจรอบๆ บริเวณ พื้นที่ดังกล่าว และไม่ทราบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตเหมือง เพราะไม่มีแนวกั้นหรือป้ายกำหนดอาณาเขตแน่นอน จากนั้นมีฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ของเหมืองได้พบเห็น จึงเข้ามาหา และต้องการเจรจากับ นายสมัย เพียงคนเดียว แต่กลุ่มเยาวชนและนักศึกษาไม่ยอม จึงมีการเจรจาร่วมกัน ทั้งนี้ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ของเหมือง ได้มีการบันทึกทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวประกอบด้วย

หลังจากได้ทำการสำรวจเสร็จสิ้นในวันที่ 16 มีนาคม 2553 ทางบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ก็ได้ดำเนินคดี ในข้อหาบุกรุกกับนายสมัย ภักดิ์มี และพวก ซึ่งในข้อเท็จจริงกลุ่มที่ขึ้นไปสำรวจกับนาย สมัย ภักดิ์มี คือเยาวชนกลุ่มคนรักบ้านเกิดและนักศึกษากลุ่มดาวดินซึ่งการกระทำดังกล่าวทางบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ที่ได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทราบเจตนาที่แท้จริงของนายสมัย ภักดิ์มี กลุ่มเยาวชนและนักศึกษากลุ่มดาวดิน

ดังนั้น จึงขอให้บริษัท ทุ่งคำ ยุติการดำเนินคดีกับนาย สมัย ภักดิ์มี เยาวชนกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดและนักศึกษากลุ่มดาวดิน อีกทั้ง ให้หยุดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยการยกเลิก การทำเหมืองแร่ทองคำ

 

กลุ่มเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม (ดาวดิน)

 

 

 

 

ลำดับเหตุการณ์ความขัดแย้ง

เหตุการณ์ในวันที่ 16 มีนาคม 2553

ในวันเกิดเหตุ ทางแกนนำกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด นำโดย พ่อสมัย ภักดิ์มี และน้อง ๆ เยาวชนกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด จำนวน ๘ คน ซึ่งเป็นกลุ่มเฝ้าระวังผลกระทบจากเหมืองแร่ทองคำ จะไปดูบ่อน้ำที่มีชาวบ้านแจ้งมาว่ามีสีขุ่นข้นผิดปกติ และในขณะเดียวกันนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวน ๙ คนก็ได้ลงมาสำรวจค่ายที่จะจัดขึ้นในเดือนเมษายน จึงต้องการไปสำรวจศึกษาระบบนิเวศน์ชุมชนด้วยในเวลาประมาณ 09.00 น. ก็เดินทางออกจากหมู่บ้านไปด้วยกัน ในตอนแรกก็ได้เดินศึกษาระบบนิเวศน์รอบ ๆ พื้นที่ โดยการเดินดูป่าไม้และสอบถามข้อมูลกับพ่อสมัยและน้อง ๆ เยาวชน จากนั้นพวกเราก็ได้ขึ้นไปดูบริเวณบ่อเก็บกากแร่โดยที่ไม่รู้ว่าอาณาเขตของเหมืองแร่อยู่ตรงไหน เพราะไม่มีรั้วหรือป้ายบอก ในระหว่างที่กำลังดูบ่อเก็บกากแร่ ก็ได้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทเข้ามาหา นักศึกษากับเยาวชนก็ได้ขอถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว จากนั้นพ่อสมัย ก็พาเดินกลับเพื่อไปดูบ่อน้ำที่นานายมานะ ภักมีที่กลุ่มได้รับแจ้ง เราเดินลงไปจนถึงที่นาชาวบ้านที่แจ้งมาว่าบ่อน้ำมีสีผิดปกติ พ่อสมัยก็ได้เดินสำรวจดูบ่อน้ำดังกล่าว ในระหว่างนั้นก็ได้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายมวลชนสัมพันธ์ของเหมืองแร่ ๒ คน มาและได้ถ่ายรูปไว้ และเดินมาหาพ่อสมัย ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามที่จะขอคุยกับพ่อสมัยคนเดียว แต่พวกเราก็ไม่ยอมให้เขาคุยกับพ่อสมัยเพียง ๓คน เขาจึงยืนคุยกับพ่อสมัยตรงนั้นเลย ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่อีกคนก็พยายามถ่ายรูปเก็บไว้ด้วย

กระบวนการสอบสวนที่ผ่านมา

๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ พนักงานสอบสวนได้เรียกผู้ถูกกล่าวหา คือ พ่อสมัย ภักดิ์มี ไปให้ปากคำ โดยในวันดังกล่าวได้มีชาวบ้านจำนวนกว่า ๔๐ ๕๐ คนไปให้กำลังใจด้วย

๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๓ ได้ส่งสำนวนไป ที่อัยการจังหวัด และมีชาวบ้านไปให้กำลังใจจำนวนกว่า ๑๐๐ กว่าคน ทำให้อัยการจังหวัดได้เปิดห้องประชุมเพื่อพูดคุยกับชาวบ้าน พ่อสมัย ภักดิ์มี ก็ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด และข้อมูลหลาย ๆเรื่อง เพื่อส่งไปให้อัยการ

เดือนกันยายน ๒๕๕๓ ได้มีพยาน จำนวน ๒ คน ไปให้ปากคำกับตำรวจที่สถานีตำรวจอำเภอวังสะพุง

เดือนตุลาคม ๒๕๕๓ พยานไปให้ปากคำ แต่ปรากฏว่าเยาวชนที่อายุต่ำกว่า ๑๘ ยังไม่บรรลุนิติภาวะจึงไม่สามารถให้ปากคำได้ จึงมีเพียงพยานแค่ ๑ คนที่อายุมากกว่า ๑๘ ปีได้ให้ปากคำ

๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ทางพนักงานสอบสวนก็ได้นัดให้ทั้งเยาวชน และนักศึกษาไปให้ปากคำกับพนักสอบสวน

ความขัดแย้งระหว่างพ่อสมัย ภักดิ์มี กับบริษัททุ่งคำ จำกัด

ในเรื่องความขัดแย้งระหว่างพ่อสมัยกับบริษัท เกิดจากการที่พ่อสมัยเป็นแกนนำกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด และเป็นประธานกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด เป็นแกนนำรุ่นแรกที่ได้พูดถึงผลกระทบให้ชาวบ้านในชุมชนได้ฟัง ทำให้บริษัททุ่งคำไม่พอใจ หาว่าแกนนำกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดกล่าวหาบริษัท ได้มีการเรียกแกนนำไปคุยด้วย ทางบริษัทได้เสนอให้เงินชาวบ้าน เพื่อให้หยุดการเคลื่อนไหว และต่อมาก็เกิดการใส่ร้ายป้ายสีแกนนำกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดรับเงินจาก NGO เพื่อมาประท้วงคัดค้านเหมืองแร่ มีการทำเอกสารเท็จเป็นใบปลิวว่าแกนนำกลุ่มจำนวน ๑๐ คนรับเงิน นอกจากนั้นที่ผ่านมาก็มีการข่มขู่แกนนำกลุ่ม หลายคน หากมีการเคลื่อนไหว เช่น ขู่ว่าจะฟ้องศาลในเรื่องที่กล่าวหาบริษัทบ้าง

ทางกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดได้ก่อตั้งตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ และได้เฝ้าระวังผลกระทบจากเหมืองแร่ ต่อสู้คัดค้านเหมือง คัดค้านการขยายพื้นที่ทำเหมือง มาจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้เหมืองประกอบกิจการดำเนินงานที่ดีขึ้น และให้ประชาชนที่อาศัยอยู่รอบเหมือง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net