Skip to main content
sharethis
โฆษกพันธมิตรฯ อ้างมี “นายทหาร” ในทัพภาค 2 ได้นั่งตำแหน่งสำคัญเพราะ “ฮุนเซน” ผลักดัน จี้ให้ “ประยุทธ์” ตรวจสอบ เผยต้องการใช้สื่อของรัฐชี้แจงข้อมูล ด้าน “จำลอง” ฟ้องกลับตำรวจที่ทำคดีพันธมิตรฯ ก่อการร้ายเรียกค่าเสียหาย 220 ล้าน
 
วันนี้ (14 ก.พ.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนโดยฝากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีต่างๆ รวมทั้งการที่ฝ่ายการเมืองมีผลประโยชน์ในเรื่องพลังงานน้ำมันกับกัมพูชาจริง ว่าหรือไม่
 
ปานเทพอัด “บิ๊กทหาร” ทัพภาค 2 ขึ้นตำแหน่งสำคัญเพราะ “ฮุนเซน”
นายปานเทพยังกล่าวว่า มีนายทหารคนหนึ่งในกองทัพภาคที่ 2 ได้ขึ้นนั่งตำแหน่งสำคัญได้ เนื่องจากนายฮุนเซนผลักดันผ่านฝ่ายการเมืองไทย โดยนายทหารที่ว่านี้มีผลประโยชน์ตามแนวชายแดนทั้งบ่อนการพนัน น้ำมัน ไม้เถื่อน และรับเหมาก่อสร้าง ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่มีการเก็บส่วยราย เดือนไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างถนนขึ้นภูมะเขือที่กัมพูชาใช้เป็นฐานทัพ ยิงราษฎรไทย โดยใช้ผู้รับเหมาเป็นของนายทหารคนนี้
 
นายปานเทพยังกล่าวว่า “นายทหารคนนี้ยังได้ส่งข้าวสาร กุนเชียง หัวไชโป๊ว เสมือนเป็นส่วยให้แก่ผู้บังคับบัญชากัมพูชาทุกระดับ โดยเฉพาะกุนเชียงบุรีรัมย์เดือนละ 60 กล่อง ปัจจุบันนายทหารคนนี้หย่าขาดจากภรรยาแล้ว โดยมีเมียน้อย 4 คน คนหนึ่งเป็นชาวกัมพูชาทำหน้าที่ค้าขายน้ำมันกับฝั่งกัมพูชา รวมถึงแรงงานเถื่อนจากกัมพูชา” นายปานเทพกล่าว
 
นายปานเทพกล่าวอีกว่า ในการเลือกตั้งทุกครั้งนายทหารกลุ่มนี้จะใช้กำลังทหารปิดหมู่บ้านเพื่อซื้อ เสียงประชาชนให้แก่นักการเมืองคนหนึ่ง นอกจากนี้ยังพบว่า มือปืนคนหนึ่งที่หนีคดียิงนายปณวัตร เลี้ยงผ่องพันธุ์ อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ หลบหนีอยู่ที่กัมพูชา แต่สามารถเข้าและออกประเทศไทยได้ เนื่องจากนายทหารคนนี้เป็นผู้ดูแลอยู่ โดยมือปืนคนนี้ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการของนายฮุนเซน และมีความสนิทสนมอย่างยิ่งกับนักการเมืองและฝ่ายทหาร
 
“พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ ผบ.ทบ. ต้องตรวจสอบว่า เรื่องต่างๆ เหล่านี้เป็นเหตุให้กองทัพอ่อนแอผิดปกติ จนไม่กล้าผลักดันยุทธศาสตร์สำคัญตอบโต้ทหารกัมพูชาที่ยึดครองแผ่นดินไทย ทำร้ายราษฎรไทย” นายปานเทพกล่าว
 
 
เผยพันธมิตรฯ ต้องการใช้สื่อของรัฐชี้แจง
ต่อกรณีที่ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยเสนอตัวเป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่าง พันธมิตรฯ กับรัฐบาล นายปานเทพกล่าวว่า ได้มีการประสานงานมาแล้ว ซึ่งตนยืนยันไปว่าในส่วนของการเจรจาเลยเวลาในการพูดคุยกันแล้ว ที่สำคัญที่ผ่านมามีการเจรจาหลายครั้งล้มเหลวทุกครั้ง ไม่เกิดประโยชน์ทั้งสิ้น ดังนั้น หากสมาคมฯ มีความหวังดีและต้องการให้เกิดประโยชน์ในขณะที่มีความเห็นไม่ตรงกันอยู่นั้น ควรเปิดเวทีให้ภาคประชาชนชี้แจงผ่านสื่อของรัฐ ชี้แจงกลับบ้างเป็นการให้ความรู้แก่ประชาชน ไม่ใช่ได้รับข้อมูลจากฝ่ายรัฐเพียงฝ่ายเดียว
 
 
จำลองฟ้องกลับ-เรียกค่าเสียหาย 220 ล้าน ตำรวจทำคดี พธม.ฐานก่อการร้าย
นอกจากนี้ เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ยังรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินคดีที่กลุ่มพันธมิตรฯ เป็นจำเลยเรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย 220 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
 
โดยโจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค.53 จำเลยออกหมายเรียกโจทก์ และบุคคลอื่นอีกหลายคน และตั้งข้อกล่าวหาว่าโจทก์เป็นผู้ก่อการร้าย กรณีที่นายกมล น้อยทองเล็ก รับมอบอำนาจจาก ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานี ตำรวจราชาเทวะ ว่ามีกลุ่มพันธมิตรฯ 3,000 คนเดินทางเข้ามาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมยังเข้าไปในอาคารผู้โดยสารชั้น 4 เป็นการฝ่าฝืนประกาศของท่าอากาศยานฯ และเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ของท่าอากาศยานฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา และเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ.2521 นอกจากนี้จำเลยได้แถลงข่าวยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับโจทก์ในข้อหาผู้ก่อการ ร้าย และให้สัมภาษณ์ข่มขู่โจทก์ว่าหากไม่มาตามหมายเรียกจะออกหมายจับโจทก์ในข้อหา ก่อการร้าย ซึ่งการตั้งข้อหาร้ายแรงกว่าพฤติการณ์แห่งคดีเพราะโจทก์ไม่ได้ใช้กำลัง ประทุษร้าย หรือกระทำการอันใดให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรืออันตรายอย่างร้ายแรงต่อร่างกาย หรือเสรีภาพของบุคคลใดๆ
 
ท้ายคำฟ้องยังระบุด้วยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการนอกเหนืออำนาจหน้าที่ จงใจฝ่าฝืนทำให้โจทก์เสียหายหลายครั้ง จึงขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 220 ล้านบาท และให้ลงโฆษณาในหนังสือทุกฉบับเป็นเวลา 30 วัน โดยศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาเป็นคดีหมายเลขดำที่ 496/2554 โดยศาลชี้สองสถานเพื่อกำหนดประเด็นนำสืบและวันสืบพยานในวันที่ 25 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
 
โดยพล.ต.จำลอง กล่าวว่า มีความตั้งใจยื่นฟ้องนานแล้วตั้งแต่ที่ถูกออกหมายเรียก แต่ทนายความมีภารกิจมากจึงเพิ่งจะนำคดีมาฟ้อง พร้อมยืนยันการยื่นฟ้องศาลแพ่งไม่ใช่การแก้แค้นที่ถูก พล.ต.ท.สมยศ ออกหมายเรียกหลายคดี แต่กรณีวันที่ 8 ก.ค.53 พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกคดีก่อการร้าย และระบุว่าชื่อตนกับพวก ทำให้ตนได้รับความเสื่อมเสียเป็นอันมาก เพราะทำให้สาธารณชนเข้าใจตนเป็นหัวหน้าก่อการร้าย และหัวหน้าซ่องโจร ซึ่งการเรียกค่าเสีย 220 ล้านจึงไม่มากเกินไปเพราะได้พิจารณาจากส่วนที่เสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศ และประวัติการทำงานของตนที่ผ่านมา รวมทั้งความศรัทธาของประชาชนจำนวนมากที่มีต่อตน
 
“ส่วนที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้ออกหมายเรียกให้เข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 15 ก.พ.นี้ กรณีละเมิดคำสั่งห้ามเข้าพื้นที่หวงห้าม หากมีการออกหมายเรียกจริงก็พร้อมให้ความร่วมมือ แต่แกนนำพันธมิตรยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าวและไม่ทราบว่าจะเป็นคดีด้านความ มั่นคงหรือไม่ อย่างไรก็ดีแกนนำพันธมิตร ฯ และคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน พร้อมจะให้ความร่วมมือทุกขั้นตอน โดยจะไม่มีมวลชนเข้าไปกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่” พล.ต.จำลอง กล่าว
 
ที่มา: เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ [1], [2]

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net