Skip to main content
sharethis

พีมูฟยื่นหนังสือร้องทุกข์ศาลฎีกา ร้องแก้ปัญหาคดีคนจน พร้อมเชิญชวนสังคมร่วมปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เผยข้อมูลล่าสุดคดีลำพูนติดคุก 10 ราย ฆ่าตัวตายแล้ว 1 คน

 

วันที่ 3 มี.ค.54 ตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ พีมูฟ (P move) ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อประธานศาลฎีกา ในเรื่องการดำเนินตามกระบวนการยุติธรรมกรณีข้อพิพาทเรื่องที่ดินและความขัด แย้งในการใช้ทรัพยากร ที่ชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมและมีผู้เดือดร้อนจากการถูกดำเนินคดีจำนวน มาก พร้อมขอความช่วยเหลือด้านกฎหมาย การฟ้องร้อง การบังคับคดี การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว อยู่ใน เรื่องเร่งด่วน 28 กรณีปัญหา ที่ได้เคยยื่นเรื่องต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีแล้ว
 
สืบเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในการจัดการทรัพยากร ระหว่างภาครัฐ กลุ่มบริษัทเอกชนกับชาวบ้านชุมชนท้องถิ่น ได้ส่งผลให้เกิดข้อพิพาทเป็นคดีความจำนวนมาก ทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา และการใช้อำนาจทางปกครองของหน่วยงานของรัฐ อาทิ มีกระบวนการออกเอกสารสิทธิมิชอบและฟ้องขับไล่ชุมชน การประกาศเขตที่ดินของรัฐทับที่ดินของชุมชน การให้สัมปทานเหมืองแร่เกิดมลพิษส่งผลต่อสุขภาพ ตลอดจนการข่มขู่คุกคามจากผู้มีอิทธิพล ฯลฯ ในส่วนของพีมูฟมีผู้ถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและแพ่ง โดยในชั้นศาล มีจำนวน 106 คดี 358 ราย ในจำนวนนี้กำลังติดคุก 13 ราย ถูกดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวนและอัยการ 14 กรณี 30 ราย และกำลังจะถูกดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวนประมาณ 100 ราย รวมผู้เดือดร้อนประมาณ 500 ครัวเรือน
 
นายพงษ์ศักดิ์ สายวรรณ ที่ปรึกษาเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง และที่ปรึกษาพีมูฟ กล่าวว่า ประเทศไทยมี 3 เสาหลัก ได้แก่ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ขณะนี้ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติกำลังถูกแทรกแซงด้วยกลุ่มผลประโยชน์ หากฝ่ายตุลาการถูกแทรกแซงด้วยจะเกิดความวุ่นวายในสังคม จะเกิดแย่งชิงทรัพยากร และความแตกแยกในสังคมมากขึ้น สังคมไทยจะไปไม่รอด
 
“พีมูฟออกมาพูดเรื่องนี้ เพื่อให้คนในสังคมร่วมมือกัน ช่วยกันดูแล ประคับประคอง อย่าให้เสาหลักนี้พังลงไปด้วย ตอนนี้กำลังจะเกิดวิกฤติ หลายครอบครัวล่มสลาย หัวหน้าครอบครัวถูกคดี ทั้งที่เขามีสิทธิที่จะทำมาหากินตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อมีการประกาศเขตอนุรักษ์ทับซ้อนพื้นที่ทำกินของชุมชน และออกเอกสารสิทธิมิชอบ เขาก็กลายเป็นคนผิด ถ้าพ่อถูกคดี ครอบครัวจะล่มสลาย เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า หลายครอบครัวต้องฆ่าตัวตาย เพราะมันตัน ไม่มีทางออก” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
 
ในวันเดียวกัน (3 มี.ค.54) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.ลำพูน เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคเหนือและเครือข่ายองค์กรภาคประชน ที่เข้าร่วมกับพีมูฟ กว่า 300 คน ได้เดินขวนจากอนุสาวรีย์เจ้าแม่จามเทวีไปที่เรือนจำลำพูน เพื่อเยือนผู้ต้องขังในคดีบุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินเอกชน ซึ่งเกษตรกรบ้านแพะใต้  ต.หนองล่อง  อ.เวียงหนองล่อง  จ.ลำพูน  จำนวน 10 คน ถูกพิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา และประท้วงการแก้ไขปัญหาที่ดินที่แนวนโยบายกับแนวทางปฏิบัติขัดแย้งกัน โดยเรียกร้องให้ รัฐบาลปล่อยตัวนักโทษทันที พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาคนจนไร้ที่ดินอย่างเป็นธรรม พร้อมทั้งขอให้กระบวนการยุติธรรมมีความเห็นใจและดำเนินการช่วยเหลือผู้ถูก ดำเนินคดีด้วยความมีมนุษยธรรมและเมตตาธรรมเป็นพื้นฐาน

 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 มี.ค.53 คนถูกคดีในขบวนพีมูฟจำนวนประมาณ 500 คนได้ไปอ่านจดหมายเปิดผนึก “จองจำคนจน เพื่อผลประโยชน์ใคร ชนชั้นใดเขียนกฎหมาย ย่อมรับใช้ชนชั้นนั้น” โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. สมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย บ้านแพะใต้ ต.หนองล่อง อ.เวียงหนองล่อง จำนวน 10 ราย ถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่เนื่องจาก นายบุญผาย ซางเล็ง หนึ่งในจำเลยได้ฆ่าตัวตายเพราะไม่สามารถทำใจให้ยอมรับกับปัญหาได้ จึงเหลือจำเลย 9 ราย ซึ่งมีความประสงค์จะต่อสู้ในชั้นฎีกา เนื่องจากโฉนดที่ดินที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยนั้นเป็นโฉนดที่ออกโดยมิชอบด้วย กฎหมาย แต่กระบวนการยุติธรรมยังปกป้องระบบกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล แม้ว่าที่ดินนั้นจะมิได้ใช้ทำประโยชน์

นอกจากนี้ ยังมีกรณีบ้านพรสวรรค์ ต.ข่วงเปา อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ชาวบ้านถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ฟ้องดำเนินคดีแพ่ง หลังจากศาลพิพากษาให้ชาวบ้านต้องชดใช้เงินตามฟ้อง ซึ่งเป็นยอดเงินจำนวนที่สูงเกินกว่าชาวบ้านจะชำระได้ แต่ทางราชการยังคงใช้วิธีอันเลวร้ายและไม่เป็นธรรม กลับให้ชาวบ้านใช้แรงงานเสมือนโค กระบือ แทนค่าปรับ ซึ่งทั้งสองกรณีจะให้เห็นได้ว่าประชาชนคนจนไม่มีสิทธิเข้าถึงความเป็นธรรม ทางกระบวนการยุติธรรม เช่นนี้แล้วการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมทางสังคม ไม่มีวันสิ้นสุด 

ขบวนพีมูฟมีข้อเสนอให้แก้ปัญหาเรื่องนี้โดยเร่งด่วน ดังนี้ 1.กรณีข้อพิพาทเรื่องที่ดิน การจัดการทรัพยากรและสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญ ที่เป็นคดีอาญาอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยุติคดีมีคำสั่งไม่ฟ้องโดยเร็ว 2.กรณีข้อพิพาทเรื่องที่ดิน การจัดการทรัพยากรและสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญ ที่เป็นคดีแพ่งอยู่ในชั้นพิจารณาของศาลหรือศาลมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้ว ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการถอนฟ้อง งดการบังคับคดี หรือถอนการบังคับคดีแล้วแต่กรณี
 
และ 3.กรณีข้อพิพาทที่ยังไม่มีการดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรมและกรณีการใช้ อำนาจทางปกครองของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบงดการดำเนินคดีหรือเพิกถอนคำสั่งทางปกครองไว้จนกว่า กระบวนการในการแก้ไขปัญหาตามนโยบายของรัฐบาลจะแล้วเสร็จ ส่วนในระยะยาว ให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในทุกระดับอย่างเร่งด่วน โดยประชาชนต้องเข้าไปมีส่วนร่วมและกำหนด

ทั้งนี้ พีมูฟเป็นการรวมตัวของเกษตรกรและคนจนเมืองที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและได้ รับผลกระทบอันเลวร้ายจากนโยบายการพัฒนาประเทศ ประกอบด้วยกลุ่มคนจน 4 เครือข่าย 3 กรณีปัญหา คือ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย, เครือข่ายสลัม 4 ภาค, สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล, และเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากจากโรงไฟฟ้าชีวมวลและคัดค้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อุบลราชธานี มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเป็นธรรมทางสังคมมีนโยบาย ได้แก่ 1.ปฏิรูปที่ดิน กระจายการถือครองที่ดินที่เป็นธรรม 2.รับรองสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ 3.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net