ประณามประเทศไทยใช้ระเบิดดาวกระจายในกัมพูชา

องค์กรต่อต้านการใช้ระเบิดดาวกระจายประณามประเทศไทยหลังสำรวจพบไทยใช้ระเบิดดาวกระจายในกัมพูชาเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชาเข้าร่วมลงนามในสนธิสัญญาห้ามใช้ระเบิดดาวกระจาย ระเบิดดาวกระจาย Photo by © Stéphane de Greef, Landmine and Cluster Munition Monitor เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่กรุงเจนีวา องค์กรต่อต้านระเบิดดาวกระจายเผยว่า จากการลงสำรวจพื้นที่สรุปได้ว่าประเทศไทยใช้ระเบิดดาวกระจายตามแนวตะเข็บชายแดนกัมพูชาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีความขัดแย้งเรื่องเส้นเขตแดน ทั้งระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่ทางการไทยที่เข้าร่วมการประชุมกับองค์กรต่อต้านระเบิดดาวกระจายก็ยืนยันว่ามีการใช้ระเบิดดาวกระจายจริง องค์กรต่อต้านระเบิดดาวกระจายระบุว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีการใช้ระเบิดดาวกระจายหลังจากที่มีสนธิสัญญาห้ามใช้ระเบิดดาวกระจาย พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา องค์กรต่อต้านระเบิดดาวกระจายได้กล่าวประณามไทยที่ใช้ระเบิดดาวกระจายและเรียกร้องร้องให้ไทยและกัมพูชาให้คำมั่นว่าจะไม่มีการใช่ระเบิดชนิดนี้อีกในอนาคต และเข้าร่วมลงนามในสนธิสัญญาห้ามใช้ระเบิดดาวกระจาย” “เป็นเรื่องน่าตกใจที่มีประเทศหนึ่งประเทศใดใช้ระเบิดดาวกระจายภายหลังจากที่มีสนธิสัญญาห้ามการใช้อาวุธชนิดนี้แล้ว” ลอร่า ชิสแมน ผู้อำนวยการองค์กรต่อต้านระเบิดดาวกระขายกล่าว และว่า “ประเทศไทยเคยเป็นผู้นำในการต่อต้านการใช้ระเบิดสังหารบุคคล จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลที่ประเทศไทยจะใช้อาวุธที่สังหารและก่อความบาดเจ็บแก่บุคคลอย่างไม่เลือกหน้าเช่นนี้” ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมานั้นทูตไทยประจำองค์การสหประชาชาติยืนยันว่ามีการใช้ระเบิดดาวกระจายแบบทวิประสงค์ ขนาด 155 มิลลิเมตร โดยให้เหตุผลว่าไทยใช้ระเบิดชนิดดังกล่าวในการ “ป้องกันตนเอง” โดยยึดหลัก “ความจำเป็น, ความได้สัดส่วน และเป็นไปตามมาตรฐานทางจริยธรรมทางการทหาร” และกล่าวหาว่าฝ่ายกัมพูชาใช้จรวดจำนวนมากโดยมุ่งประสงค์ต่อพลเรือนในพื้นที่ประเทศไทย การสำรวจพื้นที่ขององค์กรต่อต้านระเบิดดาวกระจาย Photo by © Stéphane de Greef, Landmine and Cluster Munition Monitor ในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนเมษายนปีนี้ สมาชิกขององค์กรต่อต้านระเบิดดาวกระจายได้ลงสำรวจพื้นที่ซึ่งอาจมีการใช้ระเบิดดาวกระจายในกัมพูชาโดยรอบเขาพระวิหาร และพบระเบิดดาวกระจายทั้งที่ยังไม่มีการระเบิด และชิ้นส่วนที่เกิดจากการระเบิดของระเบิดชนิดนี้ องค์กร Norwegian People’s Aid ซึ่งเป็นองค์กรสนับสนุนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในไทยยืนยันว่าพบระเบิดดาวกระจายชนิด M42, M46 และ M85 อัทเล คาร์เซ็น จากองค์กร Norwegian People’s Aid กล่าวว่า มีประชากรราว 5,000 คนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเสนเจย ในเขตกัมพูชาซึ่งต้องเสี่ยงต่อระเบิดเหล่านี้ และย้ำว่าไทยต้องให้ข้อมูลเพื่อช่วยในการเคลียร์พื้นที่เหล่านี้ให้ปลอดภัยสำหรับพลเรือนเพื่อให้พวกเขาได้กลับบ้าน ซิสเตอร์เดนิส ค็อกแลน ผู้นำขององค์กรต่อต้านระเบิดดาวกระจายซึ่งได้เข้ามาร่วมสำรวจพื้นที่กล่าวว่า “ระเบิดดาวกระจายได้คร่าชีวิตชาย 2 คน อีก 2 คนสูญเสียแขน และยังมีพลเรือนอีก 5 คนที่ได้รับบาดเจ็บ บริเวณนี้ต้องถูกเคลียร์พื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันการสูญเสียที่จะมีมากขึ้น กัมพูชาจะต้องให้ความสนับสนุนเพื่อทำให้แน่ใจว่าพื้นที่นี้ปลอดภัยต่อพลเรือน” องค์กรต่อต้านระเบิดดาวกระจายยังเรียกร้องให้ประเทศไทยให้ข้อมูลรายละเอียดซึ่งรวมถึงพื้นที่ทั้งหมดที่มีการใช้ระเบิดชนิดดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลเตือนภัยในระดับที่เพียงพอและเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินการเก็บกู้ระเบิด ทั้งนี้ ประเทศกัมพูชาและประเทศไทยไม่ได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญาต่อต้านการใช้ระเบิดดาวกระจายซึ่งมีสมาชิกร่วมลงนามแล้ว 108 ประเทศ แต่ทั้งสองประเทศได้ร่วมในกระบวนการเจรจาที่กรุงออสโล และยังได้เข้าร่วมในการประชุมประเทศภาคีครั้งแรกซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศลาวเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2553 หมายเหตุ: cluster munitions ในภาษาไทยที่การแปรความหมายโดยใช้คำว่า ระเบิดดาวกระจาย หรือระเบิดลูกปราย โดยเมื่อยิงลูกกระสุนพุ่งออกมา ได้ระดับที่พอเหมาะเปลือกของระเบิดจะเเยกตัวออกมาเป็นระเบิดลูกเล็กๆ ลูกปรายจากลูกภายในจะถูกเหวี่ยงออกมาด้วยเเรงหนีศูนย์ สามารถทำลายเป้าหมายในวงกว้างได้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท