Skip to main content
sharethis

คณะนายตำรวจ แจงเดินทางนอกราชการ ดูพื้นที่กรณีปัญหาก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล จ.เชียงราย รับชาวบ้านเดือดร้อนจริง พร้อมให้กำลังใจชี้ชาวบ้านทำในสิ่งที่ถูกต้อง เผยจะรายงานผู้ใหญ่ตามจริง วันที่ 29 พ.ค.54 เวลาประมาณ 16.00 น.พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช. ภ.5) ลงดูพื้นที่กรณีปัญหาการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ในพื้นที่ ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย เพื่อค้นหาข้อเท็จจริงด้วยตนเองหลังจากทราบข่าวการคัดค้านของชาวบ้านมานาน โดยมี พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย และ พ.ต.อ.ภาสกร ณ พิกุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอเวียงชัย ร่วมเดินทางมาด้วย ในบริเวณเต็นท์ด้านพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าฯ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “มหาวิทยาลัยป้องกันชุมชน” พบชาวบ้านประมาณ 20 คน จึงได้เข้าไปสอบรายละเอียด ได้ข้อมูลว่า ชาวบ้านจาก 3 ตำบล ใน3 อำเภอ ได้ร่วมกันต่อสู้คัดค้านการก่อสร้างโครงการมาตั้งแต่ต้นจนเกือบครบ 3 ปีแล้ว โดยโครงการดังกล่าวมันไม่โปร่งใสมาตั้งแต่แรก โดยทางบริษัทฯ ได้ให้นายหน้าซึ่งก็คือพวกผู้นำชุมชนในอดีต มาไล่กว้านซื้อที่นาชาวบ้านประมาณ 78 ไร่ โดยบอกชาวบ้านว่าจะเอามาทำโรงสีข้าวและลานรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร โดยไม่มีใครยอมพูดความจริง เพราะถ้ารู้ว่าจะเอามาสร้างโรงงานไฟฟ้า ชาวบ้านก็จะไม่ยอมขายให้เด็ดขาด ส่วนพวกอดีตผู้นำก็หวังแค่เงินค่านายหน้าจากบริษัทฯ เท่านั้น จากนั้น พล.ต.ท.ชัยยะ ได้สอบถามชาวบ้านเพิ่มเกี่ยวกับการทำประชาคม และการไปดูงานที่โรงงานไฟฟ้าในจังหวัดอื่น ได้รับคำตอบว่า การทำประชาคมที่ผ่านมานั้นมีความไม่โปร่งใส โดยมีการนำเอารายชื่อจากการลงชื่อประชุมหมู่บ้านมาระบุในการทำประชาคม ทั้งที่บางหมู่บ้านประชุมเรื่องการยกระดับ อบต.ขึ้นเป็นเทศบาล แต่ที่เลวร้ายที่สุด คือการนำเอารายชื่อของชาวบ้านที่ลงชื่อในการเข้าร่วมประชุมไปแอบอ้างว่าเป็นรายชื่อชาวบ้านที่สนับสนุน ซึ่งก่อนหน้านั้นชาวบ้านไม่ทราบเรื่อง แต่พอเกิดเรื่องไปขอดูเอกสาร ที่ อบต.เวียงเหนือจึงทราบว่า หน่วยงานรัฐ และนายทุนรวมหัวกันหลอกชาวบ้าน โดยกล่าวอ้างว่าได้ทำประชาคมและผ่านมติชาวบ้านแล้ว ส่วนการไปดูงานก็เอาพวกนายหน้าที่ดิน และอดีตผู้นำชุมชนที่มีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้ไปดูงาน 1 วัน 1 โรงงาน กลับมาก็ไม่มีใครพูดอะไร แต่บริษัทฯ ก็ถ่ายรูปแล้วบอกว่าคนที่ไปเห็นด้วยทั้งหมด ซึ่งขัดแย้งกลับความจริง ยิ่งช่วงหลังๆ ให้พวกชาวบ้านที่ได้รับเงินมาหลอกให้คนในชุมชนไปทำบุญ ไปงานกฐิน พอขึ้นรถได้ก็พาไปดูโรงไฟฟ้าแทน แล้วก็เอาชื่อคนที่ถูกหลอกไปแอบอ้างอีก ทาง ผบช.ภ.5 ได้สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน่วยงานในจังหวัดเชียงราย ในการเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งได้คำตอบจากชาวบ้านว่า ทุกวันนี้ชาวบ้านไม่สามารถพึ่งใครได้ในจังหวัดเชียงราย นับตั้งแต่ ผู้ว่าราชการจังหวัด จนถึงหน่วยงานราชการอื่นๆ โดยทุกฝ่ายใส่เกียร์ว่างไม่สนใจใยดีกับปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ปล่อยให้ชาวบ้านสู้กันเองจนชาวบ้านอดคิดไม่ได้ว่าภาครัฐทำงานให้ประชาชนหรือใครกันแน่ และเมื่อวันที่ 23 พ.ค.2554 ที่ผ่าน นายทุนก็นำกำลัง อส.จากกรมการปกครอง กว่า 50 นายมาข่มขู่ชาวบ้าน ตำรวจก็ตั้งด่านจับหมวกกันน็อก ตรวจใบขับขี่ เพื่อสกัดชาวบ้านที่จะเดินทางมาคัดค้าน บนถนนชุมชน จนชาวบ้านหมดศรัทธา ในหน่วยงานรัฐ และข้าราชการ นอกจากนี้ ชาวบ้านยังมีการระบุด้วยว่า กอ.รมน. ได้ลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง แต่กลับเขียนทำรายงานเข้าไปยังจังหวัดว่า ปัจจุบันเหลือกลุ่มผู้ค้านเพียงแค่ 5 คน ทั้งๆ ที่ชาวบ้านคัดค้านหลายพันคนในรอบ 3 ปี ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 17.00 น.ชาวบ้านได้ทราบข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่เข้ามาบริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการ จึงทยอยเดินทางมากว่า 500 คน ทำให้บรรยากาศเริ่มตึงเครียด ทาง พล.ต.ท.ชัยยะ จึงได้แจ้งให้ชาวบ้านทราบว่า ตนเดินทางมานอกราชการโดยไม่แจ้ง เพราะต้องการทราบข้อมูลความเป็นจริงในพื้นที่ เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นปัญหายืดเยื้อมานาน พล.ต.ท.ชัยยะ กล่าวกับชาวบ้านว่า วันนี้ได้มาเห็นกับตาแล้วว่าชาวบ้านเดือดร้อนจริง และมีจำนวนมาก อีกทั้งได้ทราบถึงต้นสายปลายเหตุของปัญหาที่แท้จริงแล้ว ซึ่งจะนำเรียนไปยังผู้ใหญ่ให้ได้รับทราบตามจริง พร้อมให้กำลังใจว่าชาวบ้านได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วในการแสดงสิทธิในการปกป้องชุมชน การที่ชุมชนเข้มแข็งขนาดนี้ไม่มีใครมาก่อสร้างโครงการได้ ถ้าชาวบ้านไม่เอาใครก็สร้างไม่ได้ ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 18.00น. พล.ต.ท.ชัยยะ และคณะจึงได้เดินทางกลับ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net