Skip to main content
sharethis

 

23 มิ.ย.54 เวลาประมาณ 18.00 น. เวทีปราศรัยหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้หัวข้อ "ดับไฟประเทศ" เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางประชาชนที่เข้าร่วมฟังอย่างหนาแน่นและฝน ที่โปรยปรายในช่วงแรก และไม่มีการปิดการจราจรแต่อย่างใด ภายในงานมีแกนนำพรรคเดินทางเข้าร่วมงาน หลายคน เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายชวน หลีกภัย, นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ, นายกรณ์ จาติกวณิช, นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน

นายสุ เทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยว่า การปราศรัยครั้งนี้ไม่มีเจตนาพูดเพื่อให้เกิดความรู้สึกไม่ดีต่อกัน แต่มุ่งหวังให้ประชาชนได้ทราบความจริง เพราะว่าขณะนี้มีขบวนการออกไปใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อย่างเป็นระบบว่าเป็นฆาตรกรสั่งฆ่าประชาชน

นายสุเทพ ย้ำว่า การสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 นั้นไม่มีคนตาย แม้แต่คนเดียวที่สี่แยกราชประสงค์แต่ยอมรับว่าจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อ แดงมีคนตายตามเหตุการณ์ต่างๆ

การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ติดต่อกัน เหตุการณ์แรกที่มีคนตาย เกิดบนถนนราชดำเนิน 10 เมษายน 2553 มีคนตายวันเดียว 26 คน เป็นทหาร 5 คน พลเรือน 20 คน ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่น 1 คน คนที่ทำคือคนเสื้อดำ ที่ชุมนุมอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง ฆ่าและทำร้ายทั้งสองฝ่าย มีพยานยืนยันว่า รถฮอนด้า ซีอาร์วีสีดำ ขนคนเสื้อดำมาปฎิบัติการ หลังเกิดเหตุกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมรถยนต์และอาวุธสงครามจำนวนมากที่ซอยอ่อนนุช ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดี

นายสุเทพ แสดงภาพคนเสื้อดำ และคลิปวีดีโอ ถึงปฎิบัติการของคนชุดดำ  จนเป็นเหตุทำให้ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิต ไม่นับทหารและพลเรือน เสียชีวิต

"พื้นที่ชุมนุมมีการ์ด นปช.คุ้มกันหนาแน่น ไม่มีใครเข้าไปในพื้นที่ได้ แต่ทำไมคนชุดดำจึงเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมได้ โดยไม่มีใครขัดขวาง"นายสุเทพ กล่าวบนเวทีปราศรัย

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า  ไม่ใช่ 91 ศพ เท่านั้นที่ตาย แต่มีคนตายมากกว่านั้น มีตัวเลขคนตายอีกเท่าไรที่ไม่ได้ถูกนับ ทั้งนี้ การกระชับพื้นที่ของเจ้าหน้าที่มีคนเสียชีวิตเพียง 4 คน เท่านั้น ไม่มีผู้ชุมนุมที่เวทีราชประสงค์ตายสักคนเดียว การตายมาจากที่อื่น ไม่ใช่ตายที่ราชประสงค์  และคนเสื้อแดงยุติการชุมนุม เพราะคนเสื้อดำแตกกัน เขาจึงเผาเมือง การเผาไม่ได้เกิดการความแค้นที่ยุติ การชุมนุม จากนั้นนายสุเทพได้เปิดคลิปวีดีโอของแกนนำเสื้อแดง ผู้หนึ่งที่ประกาศว่า" เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง"

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ที่ตนเสียใจคือศพของผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อ แดง ถูกคนนำออกมาแห่เพื่อให้เกิดความรุนแรง

รองนายกฯ ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ตอนที่นายอภิสิทธิ์เจรจากับแกนนำ นปช. ด้วยเสียงสั่นเครื่อว่า ตนกลัวว่านายอภิสิทธิ์ยอมรับเงื่อนไขของ แกนนำ นปช. โดยการตัดสินใจยุบสภา เพราะว่าหากมีการยุบสภาตอนนั้นบ้านเมืองจะวุ่นวายขนาดไหน

"ส่วนการ ที่เสธ.แดงถูกยิงนั้น ผมสงสัยว่าฝ่ายคุณจตุพรนั้นแหละเป็นคนยิง เพราะต้องการให้เป็นข่าวใหญ่โตเพื่อต่างประเทศจะได้สนใจ และเพราะว่าฝ่ายผมเป็นฝ่ายรักษากฎหมาย ผมสงสัยเช่นนี้ ขณะนี้ไม่มีหลักฐานที่จะไปกล่าวหาใคร" นายสุเทพกล่าว

“คุณอภิสิทธิ์ ไม่ได้ร่วมสั่งการใดๆ ทั้งสิ้น ผมเป็น ผอ.ศอฉ. ผมเป็นคนสั่งการทุกอย่าง และผมรับผิดชอบ เขากล่าวหาว่าทำให้คนตาย ผมไปมอบตัวแล้ว ผมพร้อมสู้คดีพิสูจน์ความถูกความต้อง ไม่หนีไปต่างประเทศเหมือนทักษิณ (คนโฮ่ร้อง)” สุเทพยืนยันในตอนหนึ่งของการปราศรัย

เขายังกล่าวด้วย ว่า ตนเห็นปัญหาสงครามคอมมิวนิสต์ วันนี้ไปจัดตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง ชักธงแดง ทำให้นึกถึงหัวใจคนในหมู่บ้านที่ไม่กล้าแสดงตัว อยากจะให้ประชาขนช่วยพูดจา วิงวอนกับเขาให้สู้กันตามกฎเกณฑ์ สู้กันตามกติกา ทรัพย์สินเงินทองก็เยอะ ลูกน้องก็เยอะ สื่อเขาก็เยอะ สร้างข่าวโหนกระแสกันทุกวัน พวกตนสู้ยากอยู่แล้ว ไม่ต้องเอามวลชนจัดตั้งมาคุกคามพวกตน ไม่ต้องเอากองกำลังเสื้อดำมาข่มขู่กันอีก

“คุณยิ่งลักษณ์บอกไม่ สามารถควบคุมคนเส้อแดงได้ เชื่อ เพราะที่เห็นมันเป็นเฉพาะยอดภูเขาน้ำแข็ง แต่ที่บงการอยู่ข้างหลังเป็นพวกมีอุดมการณ์ล้มล้างเปลี่ยนแปลงระบอบการปก ปครองของประเทศนี้ เขาไม่เลิกหรอก ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล เสื้อแดง ไม่ใช่มวลชน แต่พวกที่เป็นแกนนำจะขี่คอพรรคเพื่อไทย” สุเทพว่า และย้ำให้ประชาชนพิจารณาว่า ในบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยนั้น มีผู้ต้องหาก่อการร้าย 22 คน ถ้าเพื่อไทยชนะ จตุพร พรหมพันธ์อาจได้เป็นรัฐมนตรี (คนโห่ร้อง)

“ผมทำใจไว้แล้ว ถ้าจตุพรเป็น รัฐมนตรีมหาดไทย หรือรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง สงสัยผมติดคุกแน่ครับพี่น้อง คนไทยอื่นๆ ก็ไม่ทราบต้องไปขุดรูอยู่กันอย่างไร ถึงเวลาเราต้องช่วยเหลือบ้านเมืองแล้ว” สุเทพกล่าว 

 

 

นาย ชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ปราศรัยคนต่อมา กล่าวว่า ไม่ต้องกลัวการจัดปราศรัยที่นี่ เพราะพูดสี่แยกไหนความจริงก็ต้องเป็นความจริง พร้อมเล่าว่าในการหาเสียงภาคอีสานเดินทางจากจ.สุรินทร์มาจ.อุบล พบว่าป้ายหาเสียงของพรรคถูกทำลายมากกว่า 90% โดยมีการกรีดหน้าหัวหน้าพรรคอภิสิทธิ์ บางแผ่นประณีตมาก กรีดเอาเลข 0 ออกด้วย ไม่อยากบอกว่าใครทำ คนในพื้นที่ก็โกรธไม่พอใจ นี่คือการไม่กล้าสู้ตามวิถีทางที่ถูกต้อง

นายชวนยังระบุว่า มีการสอนให้ประชาชนในพื้นที่ด่าผู้หลักผู้ใหญ่ ด่าสถาบัน ด่ามาถึงตนด้วย ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย โชคดีที่ พล.ต.อ.เสรี เตมียเวส อดีต ผบ.ตร. บันทึกเสียงด่ามาให้ตนจึงได้ฟ้องสองคนคือ ชินวัฒน์ หาบุญพาด, สุรชัย แซ่ด่าน ข้อหาหมิ่นประมาท ทั้งสองคนรับสารภาพ โดยสุรชัยระบุว่าสิ่งที่พูดไม่ใช่เรื่องจริงแต่มีคนบอกให้พูด ด่านายชวนต้องด่าแบบนี้ ศาลตัดสินจำคุก รอลงอาญาสองปี นี่ทำให้รู้ว่าขบวนการเหล่านี้มีระบบสอนว่าควรด่าแต่ละคนว่าอย่างไร มีการให้ร้ายต่อสถาบันหลักของบ้านเมือง จึงอยากเตือนเจ้าหน้าที่ว่าอย่าละเลยมองข้ามสิ่งเหล่านี้ แต่อย่าเหมาว่าทุกคนเป็นอย่างนั้น เพราะส่วนหนึ่งเขาทำด้วยความกลัว เช่น หมู่บ้านธงแดง บางบ้านไม่อยากติด แต่ไม่กล้าเอาออก คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการเหล่านี้ ซึ่งพัฒนามาตั้งแต่ปี 2548 ที่มีการใช้วิทยุชุมชนปลุกระดมคนเชียงใหม่ต่อต้านพรรคประชาธิปัตย์มาหาเสียง ว่า “อย่าให้พวกนี้มาหาเสียงที่บ้านเรา”

 

 

“ใคร ทำผิดรับผิด ใครไม่ได้ทำผิดอย่าไปกลั่นแกล้ง ไม่มีวิธีใดดีกว่านี้ ท่านจะยกเว้นโทษให้คนเผาศาลากลางเหรอครับ จะยกเว้นโทษให้คนเจตนาฆ่าคนเหรอครับ ผมไม่เชื่อว่าคนในชาตินี้จะยอม” ชวนกล่าว

นายชวนยังกล่าวถึงคดียุบพรรคเพื่อไทยที่มีการตัดสินอย่าง เป็นเอกฉันท์ของตุลาการรัฐธรรมนูญ และต่อมามีการเรียกร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งบทบาทของคนเสื้อแดงมีบทบาทกดดันกกต.อย่างมาก มีการข่มขู่ กกต.มีการเผาโลงศพ ความฮึกเหิมที่รู้สึกว่าทำอะไรรุนแรงแล้วคนกลัว แล้วไม่มีใครใช้มาตรการจัดการตามกฎหมายทำให้เขากล้าไปขู่ แล้วในที่สุดก็ขู่ตุลาการ แต่ก็ไม่มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ สื่อมวลชนรายงานโดยส่วนใหญ่ไปเข้าใจว่า ปชป.ชนะด้วยเทคนิค ศาลยกเพราะเรื่องอายุความ แต่ที่จริงแล้วศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยทุกข้อ และทุกประเด็นไม่มีความผิดจึงยกคำร้องไม่ยุบ
ชวนยังกล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า ตนไม่ได้เป็นคนวางมาตรฐานว่าพรรคคะแนนเสียงอันดับแรกต้องได้ตั้งรัฐบาล แต่มันเป็นธรรมเนียม อย่างไรก็ตาม ถ้าพรรคที่หนึ่งตั้งไม่ได้ พรรคอื่นก็ต้องทำแทน

กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ  กล่าวว่าถึงการทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานในความขัดแย้งเมื่อปีที่แล้ว โดยระบุว่าประสานงานกับ “นายเหวง” เป็นคนแรก ซึ่งตอนนั้นคนเสื้อแดงกำลังเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งนายกฯ ก็ย้ำว่าต้องเปิดเต็มที่เพราะเราเป็นระบอบประชาธิปไตย

“เขาเดินทาง มาเยอะมาก อยู่ที่มัฆวาน ผ่านฟ้า วันดีคืนดีก็ปราศรัยแบบนี้แต่เสื้อเขามีอยู่สีเดียว ปราศรัยเสร็จมองซ้ายมองขวา เห็นตำรวจ เห็นทหาร ยืนอยู่ข้างๆ เขาหงุดหงิด เขาบอกว่าทหารไม่อยากเห็นหน้าเลย อยู่ไกลๆ ได้ไหม ตำรวจพอไหวเพราะพูดกันรู้เรื่อง ผมคุยกับผู้บัญชาการวันนั้นเขาว่าไม่มีปัญหา ถอยทหารออกไป เราพยายามอย่างเหลือเกินที่จะอำนวยความสะดวก”

 

“นายกฯ บอกตราบใดที่เขายังชุมนุมอย่างสันติ เลขาฯ ไปประสานงาน พอวันไปเทเลือดบ้านนายกฯ ผมบอกเลิกประสานงาน” กอรป์ศักดิ์กล่าวและว่า การชุมนุมเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น จนมีการเจรากับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขณะนำมวลชนราว 5,000 ไปอยู่หน้า ราบ 11และขู่จะเดินเข้าไป มีการตกลงกันว่าจะเจรจากันแบบถ่ายทอดสด

“พอได้คุย 3 ชั่วโมงนั้นแล้วรู้เลยว่าอยากออกทีวีเท่านั้นแหละ” กอร์ปศักดิ์กล่าวและว่า การเจราจารอบแรกและรอบสองก็ยังไม่เป็นผล พร้อมทั้งระบุถึงความพยายามเจรจาอย่างต่อเนื่องโดยยึดหลักการที่นาย อภิสิทธิ์ได้มอบให้ 10 ข้อ เช่นต้องมีกรรมการกลาสืบสวนเหตุการณ์ 10 เมษา, ให้มีคณะกรรมการดูแลการแพร่ภาพพีทีวี, การประกันตัวรับปากไม่ได้แล้วแต่ศาลพิจารณา ซึ่งทั้งหมดแกนนำตอบตกลง รวมถึงการไม่ยอมให้มีการนิรโทษกรรมคดีอาญา แต่จะมีการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง นายกฯ จึงประกาศว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่วันที่ 14 พ.ย.

“ผมแอบเก็บไว้ กระดาษนั้นไว้ มันเป็นประวัติศาสตร์ หลักฐานชัดเจนว่า คนที่ต้องการให้ทุกอย่างจบในลักษณะปรองดองคือ คนชื่อ อ. และกล้าพูดได้ชัดเจนว่า คนชื่อ ทักษิณ คนชื่อ ยิ่งลักษณ์ คนชื่อ จตุพร คนชื่อณัฐวุฒิ คนชื่อนายเหวง ไม่มีทางที่จะปรองดองกับพวกเราได้ เพราะเขาไม่ใช่คนมีนิสัยจะปรองดอง” กอร์ปศักดิ์

“ประธาน นปช.ตอบรับข้อตกลงทุกประการ แต่มันก็ไม่สำเร็จ เพราะมีคนคนหนึ่งใช้คำพูดว่า “ปรองดองกันยังไง ผมไม่เห็นได้อะไรเลย”” กอร์ปศักดิ์กล่าวและว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะมีการยกร่าง พ.ร.บ.งบประมาณคืนเงินให้ทักษิณ 4.6 หมื่นล้านบาท

 

ที่มาบางส่วน: เว็บไซต์มติชน เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net