Skip to main content
sharethis

2 ส.ค.54 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ห้องพิจารณาคดี 501 มีการสืบพยานโจทก์ในคดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ (Central World-CTW) คดีหมายเลขดำที่ อ.2478/2553 ซึ่งพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นาย สายชล แพบัว อายุ 28 ปีอาชีพรับจ้าง จำเลยที่1 และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 26 ปี อาชีพรับจ้าง จำเลยที่ 2 ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ร่วมกันเผาทรัพย์โรงเรือนอันเป็นที่เก็บสินค้าของผู้อื่นเป็นเหตุให้บุคคล อื่นถึงแก่ความตาย โดยในวันนี้ (2 ส.ค.) เป็นการสืบนายรัชพล เจริญสุข เจ้าหน้าที่ชุดรปภ.ของ CTW ผู้ถ่ายภาพในวันเกิดเหตุ

นายรัชพล ให้การว่า เหตุที่สามารถชี้ตัวจำเลยที่ 1 ได้ เพราะเป็นผู้ถ่ายภาพจำเลยที่ 1 ภายในห้างวันที่ 19 พ.ค.53 ซึ่งเป็นเวลาที่มีกลุ่มคนบุกเข้ามาภายในห้างช่วงเวลาประมาณ 14.30 น. โดยตนถ่ายขณะที่อยู่บนชั้น 3 ส่วนจำเลยอยู่ชั้นล่าง มีระยะห่างประมาณ 30 เมตร แม้ภายในห้างถูกตัดไฟ แต่บริเวณดังกล่าวยังพอมีแสงสว่างจากเพดานอาคารซึ่งเป็นกระจก ส่วนเหตุที่ภาพถ่ายไม่ชัดเจนเพราะถ่ายผ่านกระจก ต้องหมอบถ่าย และถ่ายภาพต่อเนื่องประมาณ 5 ภาพ กดชัตเตอร์รัวใช้เวลาประมาณ 4-5 วินาที รวมเวลาในการเล็งด้วยแล้วประมาณ 1 นาทีเท่านั้น แต่ที่จำหน้าจำเลยได้เพราะหลังเกิดเหตุการณ์ได้กลับไปดูไฟล์ภาพของตนเองอีก ครั้ง จำได้ว่าภาพที่เห็นลายสักที่แขนบุคคลดังกล่าว แต่ภาพที่นำสืบในศาลไม่สามารถเห็นรายละเอียดใดๆ ได้ และตนไม่ทราบว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่จึงเลือกภาพดังกล่าวนำส่งศาล เพราะตนเพียงนำสำเนาไฟล์รูปถ่ายทั้งหมดส่งให้กับหัวหน้าไปเท่านั้น ทั้งนี้ ตนใช้กล้องส่วนตัวในการถ่ายภาพดังกล่าว ยี่ห้อแคนนอน รุ่น 30D เลนส์ฟิก 50 มม. ไม่สามารถซูมได้

ส่วนจำเลยที่ 2 นั้นรัชพลระบุว่า เห็นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมมารวมกับผู้ต้องหาอีก 6-7 คนแล้ว โดยไม่ทราบพฤติการณ์ของผู้ต้องหาก่อนหน้านั้น

รัชพล ระบุว่า ตนได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 ครั้ง ในที่เกิดเหตุ ที่ สน.ปทุมวัน และที่สำนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยให้การถึงรูปพรรณสันฐานจำเลยด้วยว่ามีรอยสักที่แขน และถือถังดับเพลิงสีเขียว แต่ในภาพการจับกุมจำเลยที่นำส่งศาลไม่ปรากฏภาพถังดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้ชี้ตัวจำเลยจากภาพสองครั้งด้วยกันในชั้นสอบสวน

ทนาย จำเลยยังซักค้านเรื่องการพบศพชายที่ชั้น 4 โดยรัชพลเบิกความว่า เข้าไปถ่ายในระยะใกล้ และขณะนั้นศพส่งกลิ่นบ้างแล้วแต่ไม่รุนแรง สภาพศพมีกองเลือด มีถังดับเพลิงบริเวณใกล้เคียง

อัยการถามติงว่า พยานเบิกความว่าไม่เห็นพฤติการณ์จำเลยก่อนหน้านั้น แต่ขณะนั้นเกิดเหตุการณ์อะไร พยานเบิกความว่า ขณะนั้นมีกลุ่มควันออกมาจากห้างเซ็น และมีเสียงกระจกแตกจากอาคารภายใน ซึ่งเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งเป็น รปภ.ในที่เกิดเหตุอีกปากหนึ่งในวันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.) 9.00-16.00 น. โดยศาลอนุญาตให้ใช้คอมพิวเตอร์และจอฉายภาพตามที่อัยการ้องขอ ทั้งนี้ มีสื่อมวลชนสนใจรายงานข่าวนี้เพียงไม่กี่สำนัก และเกือบทั้งหมดเป็นผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ   

ทั้ง นี้ จำเลยทั้งสองถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และไม่ได้รับการประกันตัว ส่วนอัยการยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2553  ในคำฟ้องคดีระบุว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองกับพวก ร่วมกันชุมนุมและมั่วสุมกันบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ในช่วงที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง โดยพวกจำเลยได้เข้าไปในบริเวณอาคารห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วใช้กำลังทำลายบานกระจกผนังอาคาร บานกระจกประตู อาคารเซ็นทาวเวอร์ อาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณห้างสรรพสินค้าดังกล่าวจนแตกเสียหายและยังเป็นการกีด ขวางการจราจร ขัดขวางต่อการประกอบกิจการของห้าง ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเสียหายและเกรงกลัวอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน
 
นอกจากนี้ จำเลยทั้งสองกับพวก ยังได้ร่วมกันเข้าไปภายในบริเวณอาคารเซ็นทาวเวอร์และอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นทรัพย์โรงเรือนอันเป็นที่เก็บสินค้าของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหา กษัตริย์ แล้วพวกจำเลยได้ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์จนทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ เผาอาคารเซ็นทาวเวอร์และไฟไหม้เผาทรัพย์สินต่างๆของผู้เสียหายที่ 1 ถึงผู้เสียหายที่ 270 รวมค่าเสียหายจำนวน 8,890,578,649.61 บาท และยังเป็นเหตุให้นายกิติพงษ์หรือกิตติพงษ์ สมสุขที่อยู่ภายในอาคารดังกล่าวถึงแก่ความตาย  เหตุเกิดที่แขวง- เขตปทุมวัน กทม.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net