Skip to main content
sharethis

เป็นบุญเหลือหลายค่ะ ที่หลิ่มหลีได้มีอภิโอกาสไปดูหนังประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญที่ประชาชนชาวเทยอุดหนุนการถ่ายทำผ่านทางเงินช่วยเหลือจากภาครัฐและภาคเอกชนมากมายและจิตแห่งความภัคดี เพื่อทำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เป็นเอกศรีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่แสดงความมุทิตาจิตต่ออดีตบูรพกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งกรุงอโยธยา นั่นก็คือ เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งได้ฉายไปแล้ว สามภาคด้วยกัน ตอนแรกก็เข้าใจว่าจะมีแค่ “ไตรภาค” แต่บังเอิญหลิ่มหลีก็ได้ยลยินมาว่า การถ่ายทำเรื่องนี้ เต็มไปด้วยอัศจรรย์แห่งดวงวิญญาณขององค์มหาราชที่ทำให้ได้พบได้นิมิตว่าการจะทำหนังประวัติศาสตร์ของมหาราชที่ยิ่งใหญ่พระองค์นี้ เพียงแค่ไตรภาค มิเพียงพอแน่นอน จึงมีอันจำเป็นที่จะต้องขยาย หรือ เพิ่มตอนไปอย่างมิรู้ที่สิ้นสุดได้ จึงมีภาคที่ ๔ ในนามของ ศึกนันทบุเรง ก่อนที่ภาค ยุทธหัตถี อันเป็นภาคที่สำคัญที่สุดจะได้ถ่ายทำ (หมายความว่า ยังไม่ได้ถ่ายทำ) หลิ่มหลีมีโชคเหลือหลายที่มีโอกาสได้ไปดูเรื่องนี้ในรอบ Press ซึ่งได้พบปะเซเลปดารามากมาย ทั้งที่เล่นในเรื่องนี้ และที่ไม่ได้เล่นในเรื่องนี้ หลายคนก็มาเพราะเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกองถ่าย หลายคนก็มาเพราะเป็นแฟนหนังเรื่องนี้ อยากจะได้ดูเป็นคนแรกๆ หลายคนมาเพราะไม่อยากจะเสียเงินเพราะเข้าใจว่าภาครัฐอุดหนุนแล้ว ใยตัวข้าจะต้องเสียค่าตั๋วมาดูอีก หลากหลายเหตุผล แต่ในฐานะสื่อคนหนึ่ง หลิ่มหลีก็มาในฐานะผู้ที่จะนำความปลาบปลื้มยินดีกับหนังเรื่องนี้มาแจ้งให้เหล่าผู้ที่พร้อมจะเสียอัฐมากมายเข้าไปชม.. การเดินเรื่องของเรื่องนี้ บอกได้เลยว่า อย่างน้อยก็ยังเป็นเรื่อง การตัดต่ออะไรดีขึ้น ในฐานะหลิ่มหลี ผู้จำความประวัติศาสตร์อะไรสมัยเรียนประถมและมัธยมไม่ได้เลย การได้มานั่งเรียนรู้ความยากลำบากของมหาราชพระองค์นี้ ช่างเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต หลิ่มหลีเป็นแฟนคลับภาพยนตร์นเรศวรก็ว่าได้ ได้ดูแล้ว ภาค ๑ และ ภาค ๒ ซึ่งหลิ่มหลีซื้อของจริง เพราะว่าแผ่นผีไม่มีขาย หล่ิมหลีก็ไปถามว่าทำไมไม่มีขาย เขาบอกว่า ไม่ทำขายเพราะขายไม่ดี อ้าว.... โถ ไม่รู้จักแฟนคลับเลย แต่ภาค ๓ ของแท้แพงมาก และคาดว่าแผ่นผีจะไม่มีขายเช่นสองภาคแรกเช่นกัน หลิ่มหลีก็เลยต้องรอของแท้ลดราคา เอ๊ะ .... แล้วหลิ่มหลีเป็นแฟนคลับได้ยังไง ...สลิ่มอย่างฉัน พูดอะไรก็ต้องเป็นอย่างนั้นสิ ฉันมีเหตุผลของฉัน ชิชิ อย่ามาถามให้มาก รับรู้เฉยๆก็พอนะจ๊ะ หล่อนๆ ทั้งหลาย เด๋วเอาไปกุดหัวซะนิ เริ่มต้นของหนัง มีการฉายย้อนหลังเล็กน้อยให้ได้รับรู้ความเป็นมาของพระนเรศ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้เป็นกษัตริย์ นี่ก็เป็นประวัติศาสตร์สำคัญที่หลิ่มหลีไม่รู้ พระองค์ยังเป็นแค่วังหน้า ซึ่งวังหน้าแปลว่าอะไรหลิ่มหลีก็ไม่รู้ น่าจะแปลว่า เวลามีปัญหามีการรบ วังหน้าออกรบก่อนแน่ๆ ส่วนคุณฉัตรชัยที่เล่นเป็นพ่อ ไม่เห็นทำอะไรเลย สงสัยว่าเพราะแก่แล้ว เลยอยู่เฉยๆ ได้แต่บอกลูกน้องเก่าว่า ถ้าไปรบ แพ้ไม่ได้ ... จะมีก็ตักเตือนลูกหน่อยว่าให้เห็นแค่คนแก่คนเฒ่าที่เคยเลี้ยงดูอุ้มชูกันมา แต่ดูเหมือนลูก ซึ่งก็คือพระนเรศ จะไม่ฟังพ่อ เถียงไม่ตกฟาก แต่กลับเชื่อเมีย เมียว่าอะไรก็ว่าตาม ดูพระนเรศวรมาหลายตอน หลิ่มหลีคิดทะลึ่งในใจที่น่าจะพอให้อภัยกันได้ ก็ตรงที่ เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องของมหาเถรคันฉ่องซะมากกว่า เพราะถ้าไม่ได้พระมอญรูปนี้ พระนเรศวรไม่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้แน่ๆ สิ้นพระชนม์ไปเสียแต่เด็กแล้ว ไหนจะเพราะมหาเถรทำให้หนีไปจากหงสาวดีได้ ไหนจะมีนิมิตที่แม่นยำยิ่งนัก ทักท้วงเรื่องโน้นนี้ให้ได้รอดศึกได้ ไหนจะมียารักษาพระนเรศวรให้รอดตายได้ แถมที่หลิ่มหลีรู้ว่า มหาเถรคันฉ่องนี่เป็นพระอาจารย์ของบุเรงนอง แต่ไม่ยักแก่ ดูเหมือนในภาค ๔ จะหน้าตึงขึ้นกว่าภาคก่อนหน้า ในขณะที่วัยรุ่นคนอื่นแก่ลงอย่างเห็นได้ชัด คือหลิ่มหลีว่า หลิ่มหลีติดตามเรื่องนเรศวรมาตั้งแต่ยังสาวที่พอจะหาทางมีสามีได้จนมาเป็นสาวแก่ที่หาสามีไม่ได้แน่แล้ว รวมๆกันก็จะสิบปีอยู่แล้ว แน่นอนหลิ่มหลีว่าเป็นการถ่ายทำที่ยาวนานมาก เวลาแต่ละฉากที่จะมีคนตาย ดูเหมือนทำหน้าไม่ได้เสียใจที่จะตาย (ดีใจที่ไม่ต้องเล่นต่อหรือยังไงจ๊ะ) ไอ้ที่รอดนี่ทำหน้าเสียใจที่รอด ไม่รู้เพราะถ่ายทำนานจนแก่จนศัลยกรรมจะเอาไม่อยู่หรือเปล่า แต่มองในแง่สุขภาวะ หลิ่มหลีว่ามันดีมากๆเลย เพราะการถ่ายทำที่เริ่มตั้งแต่นักแสดงทุกคนยังวัยรุ่นจนสูงวัยกันขนาดนี้ก็เหมือนเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ที่ เล่นตั้งแต่เด็กยันโต ดังนั้นหลิ่มหลีว่านักแสดงทุกคนคงดีใจ (หึหึ) ที่จะมีงานทำต่อไปจนแก่แน่ๆ ว่าแต่ได้ค่าตัวหรือยัง เด๋วโดนแฉในพันทิพเหมือนงวดก่อนอีกนา ... หนังเรื่องนี้สนุกมากค่ะ และยาวนานมาก ยาวนานทั้งระยะเวลาในภาค และจำนวนภาคที่ไม่มีที่ยุติแน่นอนว่าจะเป็นไปถึงไหน หลิ่มหลีแนะนำให้พกหมอนหนุนคอไปด้วยค่ะ มีบางฉากที่หลิ่มหลีอินไปกันหนังชนิดที่กัดฟันกรอดๆ มือไม้จิกเข่าไว้แน่นด้วยความอิจฉา ก็คงจะเป็นฉากเลิฟซีนระหว่างพี่ทิ้งกับเลอขิ่น ซึ่งหลิ่มหลีรับไม่ได้ สาบแช่งเลอขิ่นให้ตายตั้งแต่ภาค ๒ จน ภาค ๔ เลอขิ่นก็ยังไม่ตาย แถมมีเลิฟซีนที่หลิ่มหลีแน่ใจว่า พกพาเด็กวัยรุ่นไปดูแล้ว เสียผู้เสียคนแน่ๆ แต่เรื่องนี้ได้ เรต “ส” ที่แปลว่า สงสารคนดู เอ้ยไม่ใช่ ส่งเสริมให้ดูนะคะ ถ้ายังไงก็ไปอุดหนุนกันหน่อย หนังเรื่องนี้บอกอะไรหลายอย่างให้หลิ่มหลีได้เห็น เช่น ผู้นำต้องมีลูกน้องที่เก่งจริงๆ ผู้นำไม่ต้องเก่งก็ได้ แค่มีความเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนก็พอ อีกอย่างหนังเรื่องนี้หลิ่มหลียังไม่เห็นการแสดงออกของพระอัจฉริยภาพขององค์มหาราชอะไรเลย ไอ่ทิ้งเก่งกว่าอีก แม่ทัพก็เก่ง ส่วนเหนือหัวบ้าบิ่นอย่างเดียว ทำการสิ่งใดไม่ได้คิดถึงคนโดยรวมเลย ซึ่ง..หลิ่มหลีว่ามันไม่ถูก ดูสิ เดือดร้อนกันไปหมด แต่ก็ได้อรรถรสของหนังดีค่ะ คนอะไรจะเก่งไปซะหมดก็ไม่ได้ มันต้องมีพลาดมีพลั้งกันบ้าง บอกให้รู้ถึงความละเอียดอ่อนของผู้สร้างที่อยากให้เห็นว่าองค์มหาราชก็แค่คนไม่ใช่เทพเทวดา ที่บ้าบิ่นได้ โง่ได้ คิดสั้นๆได้ มันต้องมีสักคนสิที่เตือนเราได้ ฮั่นแน่...ก็มณีจันทร์เมียรักนั่นไง ฉากการรบ หลิ่มหลีไม่เข้าใจ ว่าผู้สร้างเห็นพม่าดีกว่าเราได้ยังไงกัน หลิ่มหลีละคับแค้นใจ หนังเรื่องนี้ตั้งใจจะให้เรารักชาติและองค์มหาราช แต่เวลาเปิดตัวแม่ทัพฝ่ายพม่า ซึ่งก็เป็นคนแก่ที่หลิ่มหลีก็ไม่ได้รู้จัก เท่ก็ไม่เท่ อะไรก็ไม่รู้ แต่แหม๋ เปิดตัวมาที เท่ระเบิด ส่วนฝ่ายสยามประเทศ ทำไมมันยืนรอเขาออกจากประตูกำแพงได้ไร้ทิศไร้ทาง ไร้มาดไร้การจัดทัพให้เป็นระเบียบได้ตรงข้ามกับพม่าขนาดนี้ เห็นแล้วก็ งง ว่า แน่ใจนะว่าไอ้อดีตที่ผ่านมานั้น เรารบพม่าชนะเนี่ย ไม่ใช่เพราะรบอู้ไปเรื่อยแล้วรอน้ำหลากน้ำท่วมจากตอนเหนืออย่างเดียว (ว่าแต่สมัยก่อนมีเขื่อนทางเหนือไหมคะ ที่เวลาจะให้ตอนใต้น้ำท่วม ก็ปล่อยน้ำจากเขื่อนมาฆ่าล้างศัตรูของแผ่นดินได้หง่ะค่ะ หลิ่มหลีก็ไม่รู้ว่าไอ้เขื่อนนี่เขาสร้างกันไว้แต่ชาติปางไหน) (แล้วสมัยก่อนมันมีคำว่า สยามประเทศแล้วหรอคะ หลิ่มหลีงง ไม่ใช่กรุงโยนี เอ้ย โยเดียรบกับกรุงหงสาวดีหรอคะ เป็นพม่ากับสยามหรอคะ อันนี้หลิ่มหลีก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน เรียนมาน้อย คืนแผ่นดินไปเยอะ) มีหลายฉากที่หลิ่มหลีต้องเอาผ้าพันคอ (โรงหนังหนาวค่ะ) มาซับน้ำตา หลิ่มหลีไม่เล่าหรอกว่าฉากไหน เด๋วจะเท่ากับเป็นการสปอยหนัง ให้กับคนที่ยังอยากดูมาก (เสียงจากข้างหลังตะโกนถามหลิ่มหลีว่า “ยังมีคนอยากดูอีกหรอ” หลิ่มหลีด่ากลับไปแล้วค่ะ “ไอ่พวกไม่รักชาติ” หุหุ) หลิ่มหลีแน่ใจว่าหนังเรื่องนี้ น่าจะชื่อว่า ศึกนันทบุเรง ๑ เนื่องจากเรื่องนี้จบลงเพียงแค่ พระนเรศ เอาชนะแม่ทัพคนหนึ่งขององค์นันทบุเรงได้ โดยที่นันทบุเรงนำศึกมา แต่ยังไม่ได้ทรงออกรบเองเลย ฝ่าพระบาทยังไม่ได้เหยียบโยเดียนครเลย แล้วยังมีแม่ทัพเหลืออีกหลายนายที่ต้องมาออกรบก่อนเจ้านาย ท่าทางว่า เฉพาะตอนศึกนันทบุเรง ก็น่าจะมี ซับเซตของภาคอีกประมาณ ๖ ภาคด้วยกันได้ นับๆดูก็น่าจะประมาณนี้ ภาค ๑ ตัวประกันหงสา ภาค ๒ ประกาศอิสรภาพ ภาค ๓ ยุทธนาวี ภาค ๔.๑ ศึกนันทบุเรง แม่ทัพรองบ๊วยฝ่ายซ้าย ภาค ๔.๒ ศึกนันทบุเรง แม่ทัพรองบ๊วยฝ่ายขวา ภาค ๔.๓ ศึกนันทบุเรง แม่ทัพใหญ่ ภาค ๔.๔ ศึกนันทบุเรง แม่ทัพหลานนันทบุเรง ภาค ๔.๕ ศึกนันทบุเรง แม่ทัพลูกนันทบุเรง ภาค ๔.๖ ศึกนันทบุเรง เจอนันทบุเรงเองเลย ภาค ๕.๑ ยุทธหัตถึ ฯลฯ แล้วก็ค่อยมีภาคต่อๆไปอีกค่ะ เพื่อความสมบูรณ์แห่งภาพยนตร์มหากาพย์แห่งสยามประเทศอันเป็นการเฉลิมศรีใหักับอดีตบูรพมหาราชของสยามชน (อีข้างหลังตะโกนมาว่า พี่หลิ่มหลีจะให้เขาทำหนังภาคเยอะๆแข่งกะบ้านผีปอบหรอว่ะ) อีบ้า... บ้านผีปอบนั่นนะ มหากาพย์หนังไพร่นะมึง เอาสองเรื่องนี้มาเทียบกันได้อย่างไร บ้านผีปอบเสียหายหมด หึหึ ปล.. หนังเรื่องนี้ นมตู้มๆของน้องๆนักแสดงตัวประกอบ ขโมยซีนนักแสดงนำแต่ละท่านได้ดีมากในระดับที่หลิ่มหลียกนิ้วให้ค่ะ ยกเว้น น้องแอ๊ฟกับน้องทราย .. ช่วยไปตบนมหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net