Skip to main content
sharethis

หลากหลายกิจกรรมกว่า 40 ซุ้มและนิทรรศการกับงานแกนนอน Expo พัฒนาการจากมวลชนสู่ผู้ปฏิบัติงาน การจุดพลุของกลุ่มขนาดเล็กเนื่องในวาระครบรอบ 5 ปีรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 เมื่อวันที่ 17 ก.ย.54 ระหว่างเวลา 12.00-20.00 น.ที่ผ่านมา ที่ชั้น 6 อิมพีเรียลลาดพร้าว ได้มีการจัดกิจกรรมภายใต้ชื่อ “แกนนอน Expo” โดยมีกลุ่มร่วมจัดประกอบด้วย กลุ่มวันอาทิตย์สีแดง เครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันต้นกล้า กลุ่มประกายไฟ องค์กรเลี้ยวซ้าย กลุ่ม F.A.N. สมาพันธ์แกนนอนสากล เครือข่ายแกนนอนแห่งกาแลซีทางช้างเผือกและ Ban the Hollywood CLUB เป็นต้น โดยตลอดกิจกรรมมีทั้งคนเสื้อแดงและประชาชนทั่วไปสลับเปลี่ยนเข้าร่วมงานประมาณพันคน โดยกิจกรรมเริ่มต้นในตอนเทียงด้วยการกล่าวปราศรัยและต้อนรับของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง และตามด้วยละครเวทีของกลุ่มประกายไฟการละคร เรื่อง “กุหลาบปลายปืน” ที่เสียดสีคณะรัฐประหารเนื่องในวาระครบรอบ 5 ปีการทำรัฐประหาร 19 ก.ย.49 หลังจากนั้นเป็นกิจกรรมแนะนำซุ้มแกนนอนและนิทรรศการต่างๆ โดย กิ๊บเก๋ พาเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มแกนนอนที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวกิจกรรมเสื้อแดงที่ผ่านมา ซึ่งมีซุ้มและนิทรรศการกว่า 40 ซุ้ม ตัวอย่างเช่น ซุ้มจัดแสดงสินค้าของกลุ่มคนงาน TRY ARM ซุ้มครอบครัวพยาบาลอาสากมลเกด อัคฮาด ซุ้มของสำนักงานกฎหมายราษฎรประสงค์ ซุ้มของกลุ่มเพื่อนนักโทษการเมือง(FOPP) ซุ้มจำหน่ายหนังสือขององค์การเลี้ยวซ้าย นิทรรศการนักโทษการเมืองในมาตรา 112 และปัญหาของนักโทษการเมือง นิทรรศการแผนที่คนตายช่วงเดือน พ.ค.53 ซุ้มกลุ่มเอื้ออาทรมีนบุรีและกลุ่มพลังหญิง ซุ้มของสถาบันต้นกล้า ซุ้มบริการนวดตอกเส้น โดยกลุ่มตอกเส้นหัวใจแดง ซุ้มนิตยสาร RED Power ซุ้มขายหนังสือทางวิชาการและการเมือง ซุ้มเว็บ go6tv.com ซุ้มบริการตรวจสุขภาพของกลุ่มอาสาพยาบาล FARED และหน่วยอาสาพยาบาลเคลื่อนที่ VHG ซุ้มกลุ่ม REDplus.tv ซุ้มหุ่นนิ่งการเมือง ซุ้ม RED Poll ซุ้มเรดซีนีม่า ซึ่งมีการจัดกิจกรรมฉายหนัง เช่นเรื่อง คนจนผู้ยิ่งใหญ่ และ The Forgotten ซุ้มกิจกรรมชี้เบาะแสสัมภาษณ์คนที่อยู่ในเหตุการณ์สลายการชุมนุม ซุ้มบล็อกพ่น ซุ้มกลุ่ม F.A.N ที่มีการสาธิตการทำเข็มกลัดรณรงค์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเวทีเล็ก ซึ่งมีการจัดแสดงการร้องเพลงเพื่อชีวิต เพื่อประชาธิปไตย การจัดเสวนาเทคนิคการแต่งบทกวี พร้อมทดลองให้ผู้ร่วมงานแต่งบทกวีบทกลอนประชันกันด้วย หลังจากมีการแนะนำซุ้มและนิทรรศการเสร็จในส่วนของเวทีกลางได้มีกิจกรรมประมูลสินค้าของบุคคลสำคัญที่เป็นเสื้อแดงและรูปที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเพื่อนำรายได้ช่วยเหลือนักโทษทางการเมืองและสนับสนุนกิจกรรมนี้ด้วย ในช่วง 18.00 น.ได้มีเสวนาในหัวข้อ ทิศทางของประชาธิปไตยไทย (ภายใต้วัฒนธรรมรัฐประหาร จาก 19 กันยา ถึงไหนไม่รู้) โดยวิทยากรที่ร่วมเสวนาประกอบด้วย ภัควดี ไม่มีนามสกุล นักวิชาการอิสระ และ รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ โดยมี ชัยธวัช ตุลาฑล กองบรรณาธิการวารสารฟ้าเดียวกัน เป็นผู้ดำเนินรายการ (คลิกเพื่อรับชม ที่มา: Youtuve.com/patchara95) และหลังจากนั้นปิดท้ายด้วยการแสดงดนตรีโดยวงท่าเสา ซึ่งมีวัฒน์ วรรลยางกูร เป็นนักร้องนำ ด้านนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงหนึ่งในองค์กรร่วมจัดเปิดเผยถึงที่มาของกิจกรรมนี้ว่า “เกิดจากนักกิจกรรมที่เคยทำกิจกรรมในแวดวง NGO ได้คุยกัน ซึ่งจริงๆแล้วพวกเรา NGO ได้สนใจรวมกลุ่มขนาดเล็กมานานแล้ว เรื่องของการทำฐาน แล้วเราเห็นว่าปรากฏการณ์ในรอบปีที่ผ่านมาของกลุ่มขบวนของเสื้อแดงมีลักษณะของการปรับฐานขบวนใหม่” “แต่ก็อาจเรียกว่าไม่ได้ถึงกลับเป็นกระแสหลัก แต่เป็นกระแสที่มีนัยสำคัญภายใต้วาทกรรมที่เราเรียดว่า “แกนนอน” ซึ่งดำเนินการมาได้ถึงจุดหนึ่งแล้ว เราก็เลยคิดว่าทำไม่เราไม่เอากลุ่มแกนนอนต่างๆที่ได้ทำงานมาได้ระยะหนึ่งแล้วซึ่งมีอยู่จำนวนไม่น้อย ได้มาพบปะกันแล้วแลกเปลี่ยนประสบการณ์หรือแนวคิด เพื่อส่งเสริมการเกิดกลุ่มแกนนอนและการบริหารจัดการขบวนที่ประกอบด้วยแกนนอนจำนวนมาก” แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง กล่าว เกี่ยวกับตัวแบบแบบแกนนอนกับการพัฒนาประชาธิปไตยนั้น บก.ลายจุด กล่าวว่า “มันสอดเครื่องเรื่องการกระจายอำนาจ และรูปแบบที่เป็นกลุ่มเล็กเหมาะกับการเป็นกลุ่มเรียนรู้ ประชาธิปไตยไทยมันต้องการสภาพการเรียนรู้ในอัตราเร่งที่ต้องสูง ดังนั้นการทำกลุ่มขนาดเล็กกระบวนการเรียนรู้จะทำได้ดีกว่า” “ถ้าเราทำแกนนอนกลุ่มเล็กจะทำให้สมาชิกของกลุ่มได้มีโอกาสมีส่วนร่วมและจะเกิดดุลยภาพ จะทำให้พวกสุดโต่งจะทำอะไรได้ยาก เพราะเซลล์ส่วนต่างๆมีความคิดของตัวเอง เพียงแต่ว่าเราต้องปักธงให้ชัดว่าตัวอุดมการณ์จะต้องชัดเจนว่าเป็นอุดมการณ์ประชาธิปไตย ดังนั้นถ้ามีใครหลุดออกจากกรอบนี้ไปก็จะถูกทาน จะนำขบวนไปไม่ได้ที่เหลืออยู่ก็จะไม่ตาม เว้นเสียแต่ว่ากิจกรรมนั้นจะเป็นกิจกรรมที่มีแนวทางที่ถูกต้อง ขบวนก็จะเคลื่อนไปเองตามความถูกต้องไม่ได้เคลื่อนตามการนำ” สมบัติ บุญงามอนงค์ กล่าวย้ำถึงความสำคัญของแกนนอน สำหรับความคาดหวังกับการจัดงานนี้ สมบัติ บุญงามอนงค์ กล่าวว่า “คิดว่าจะเป็นการสร้างเครือข่ายพวกที่เป็นกลุ่มขนาดย่อย และเป็นการจุดพลุให้เห็นความสำคัญของกลุ่มขนาดเล็ก ซึ่งแต่ละกลุ่มเป็นอิสระต่อกันมีความสัมพันธ์กันในแนวระนาบ เชื่อว่าหลังจากงานนี้จะทำให้เรารู้จักกันมากขึ้นและเราได้เรียนรู้ที่มาที่ไปของแต่ละกลุ่มย่อยมากขึ้น” กิตติชัย งามชัยพิสิฐ แกนนอจากสมาพันธ์แกนนอนสากล เปิดเผยถึงเหตุผลที่ร่วมจัดกิจกรรมนี้ว่า “แนวทางการต่อสู้เรื่องประชาธิปไตย แนวทางเรื่องการเป็นแกนนอนมันสำคัญในแง่ของการทำให้ขบวนการต่อสู้เรื่องประชาธิปไตยมันเข้มแข็งจากฐานรากขึ้นมา เพราะการพึ่งพาแกนนำอย่างเดียวมันไม่พอ ประชาชนแต่ละส่วนควรจะเข้มแข็งขึ้นมา และแนวทางหนึ่งที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มแกนนอน หรือตัวเองมีคนเดียวก็เป็นแกนนอนเลย คือสามารถนำตัวเองได้ มองเห็นเป้าหมายยุทธศาสตร์ร่วมของขบวนได้ และจัดการสร้างกิจกรรมสร้างยุทธวิธีต่างๆของตัวเองขึ้นมาได้เอง” “แกนนอนยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมันเหมือนเป็นคำพูดเล่นๆ “ไม่มีแกนนอนมีแต่แกนนอนอะไรอย่างนี้” แต่จริงๆแล้วแกนนอนตอนนี้เริ่มเยอะขึ้น แต่ว่ามันยังไม่ถูกเผยแพร่ในวงกว้าง ดังนั้นการจัดให้เป็นแกนนอนเอ๊กโปคือการทำให้คนมาเห็นว่า แกนนอนมันไม่ได้เป็นยากและมีทำได้หลายแบบ แล้วแต่เราจะสร้างสรรค์เองเลย อยากให้คนได้มาดูและกลุ่มแกนนอนแต่ละกลุ่มที่มาออกซุ้มได้รู้จักกัน ได้แลกเปลี่ยนกัน ซึ่งคิดว่าในอนาคตแกนนอนจะได้ขยายตัวและหลากหลายมากขึ้นเข้มข้นมากขึ้น” กิตติชัย งามชัยพิสิฐ ย้ำถึงความคาดหวังในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ นอกจากนี้ กิตติชัย งามชัยพิสิฐ ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของแกนนอนกับการรัฐประหารอีกว่า “หากต่อไปถ้ามีแกนนอนมากๆ คนทุกคนสามารถที่จะปฏิบัติการด้วยตัวเองได้รัฐประหารจะไม่น่ากลัวแล้ว เราสามารถที่จะต้านรัฐประหารทุกคนได้โดยไม่ต้องรอแกนนำ” วรรณเกียรติ ชูสุวรรณ เครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคมเพื่อประชาธิปไตยหนึ่งในองค์กรร่วมจัดกิจกรรมนี้ให้เหตุผลในการจัดกิจกรรมว่า “การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยจำเป็นต้องมีทั้งแนวตั้งกับแนวนอน ซึ่งถ้าเห็นบทบาทในช่วงหนึ่งที่แกนนำโดนจับโดนปราบหมด บทบาทของแกนนอนออกมามากขึ้น โดยเฉพาะหลังสลายการชุมนุม การเคลื่อนไหวของมวลชนที่มีการปฏิบัติการกันเองเพื่อเรียกร้องช่วยเหลือเพื่อนหรือเรื่องของการร้องขอความเป็นธรรม หรือการเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำ เราจะเห็นภาพของการเคลื่อนไหวแนวราบซึ่งสามารถผลักดันไปต่อได้ ทำให้ขบวนการต่อสู้ต่อไปได้ จนทุกวันนี้แกนนอนออกมาแล้วก็มีการขับเคลื่อนต่อ” เกี่ยวกับความคาดหวังถึงพัฒนาการของแกนนอนหลังกิจกรรมนี้ วรรณเกียรติ ชูสุวรรณ เห็นว่า “งานนี้คงจะได้รู้จักหลายๆกลุ่มมากขึ้น ก่อนหน้านี้เคยได้ยินชื่อเขาบ้างหรือเคยพบเจอกันในที่ชุมนุม แต่งานนี้เหมือนงานที่เราเริ่มที่ทำงานปฏิบัติการอะไรร่วมกันของบรรดาแกนนอน ได้รู้จักกันในระดับที่มากขึ้น” “เรื่องรัฐประหารนึกถึงตอนที่มีการพูดกันว่ารัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นในสังคมไทยหลังปี 35 ซึ่งวันนี้ก็รู้สึกแบบนั้นว่ามันจะไม่เกิดอีก แต่ไม่มีหลักประกัน ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้น แต่แล้วปี 49 รัฐประหารก็กลับมาอีก ประชาชนตอนนี้มีความชัดเจน แต่การเคลื่อนตัวอาจจะช้า คือเกิดการรัฐประหารคนออกมาทันทีทันใดมันไม่เกิดขึ้น อย่างบทพิสูจน์รัฐประหารปี 49 มาวันนี้ใช้เวลา 3-4 ปีมันพิสูจน์แล้วว่ารัฐประหารมันได้สร้างความเสียหาย ดังนั้นคนที่ต้องคิดมากๆคือชนชั้นปกครองผู้นำทางสังคม ว่ารัฐประหารอาจไม่เกิดผลเสียทันทีแต่ผลระยะยาวมันเกิดและมันยืนยันได้ว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ” วรรณเกียรติ ชูสุวรรณ กล่าวทิ้งท้ายเนื่องในวาระครบรอบ 5 ปีรัฐประหาร19 กันยา พ.ศ.2549

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net