Skip to main content
sharethis

(3 ต.ค.54) 17 เครือข่ายประชาสังคมด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนในภาคใต้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใน 30 วัน พร้อมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนายนิเซ๊ะ นิฮะ ซึ่งถูกควบคุมตัวต่อเนื่องโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน และให้มีหนังสือยอมรับผิดต่อความผิดพลาดในการทำงานของเจ้าหน้าที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ และให้รัฐชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้ถูกควบคุมตัวโดยมิชอบตามสมควรแก่กรณี 000000 แถลงการณ์ กรณี/เรื่อง ขอให้ยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี นราธิวาส ยะลา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2554 ได้มีใบแจ้งข่าวจากศูนย์ทนายความมุสลิม แจ้งว่าศาลจังหวัดปัตตานีเรียกเจ้าหน้าที่ไต่สวนการควบคุมตัวไม่ชอบ ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 กรณีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าจับกุมนายนิเซ๊ะ นิฮะ ที่บ้านเลขที่ 32/5 หมู่ที่3 ตำบลตะลุโบะ อำเภอเมืองจังหวัดปัตตานี ในวันที่ 16 กันยายน 2554 เวลาประมาณ 05.00 นาฬิกา โดยไม่ได้แสดงหมายแต่อย่างใด และควบคุมตัวไปยังค่ายทหารบริเวณโรงไฟฟ้าปัตตานี ต่อมาเวลาประมาณ 09.00 นาฬิกา วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวต่อไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี และทำการซักถามโดยมิได้แจ้งว่าการควบคุมตัวและการซักถามดังกล่าว เป็นไปโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายใด ระหว่างการซักถามเจ้าหน้าที่สอบถามถึงประวัติส่วนตัว โดยมิได้มีการซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบแต่อย่างใด ต่อมาเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2554 เจ้าหน้าที่ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ค่ายอิงคยุทธบริหารฯ แจ้งกับนายนิเซ๊ะ นิฮะ ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกะพ้อ อำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี ยื่นคำร้องขอออกหมายควบคุมตัวตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยมิได้แจ้งว่าเหตุที่ขอออกหมายควบคุมตัวดังกล่าวเป็นไปด้วยความจำเป็นใด และในวันที่ 25 กันยายน 2554 เจ้าหน้าที่ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์นำผลการซักถามให้ผู้ถูกควบคุมตัวลงลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าว โดยในเอกสารดังกล่าวผู้ถูกควบคุมตัวให้การปฏิเสธและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบใดๆ ที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น ต่อมาพนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการควบคุมตัวในวันที่ 26 กันยายน 2554 และย้ายสถานที่ควบคุมตัวไปที่ศูนย์พิทักษ์สันติ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดยะลา จึงเป็นการดำเนินการที่ซ้ำซ้อนและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ภายหลังจากที่ผู้ร้องคัดค้านได้ยื่นคำร้องแล้วนั้น ศาลมีคำสั่งนัดไต่สวนผู้ร้องและผู้ร้องคัดค้านและนายนิเซ๊ะ นิฮะ ผู้ถูกควบคุมตัว ในวันพุธที่ 5 ตุลาคม 2554 เวลา 09.30 นาฬิกา ทั้งนี้นายนิเซ๊ะ นิฮะ นั้นปัจจุบันเป็นปัญญาชนที่มีบทบาทในงานพัฒนาชุมชนตามวิถีชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่น อดีตเป็นนักกิจกรรมนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงสมัยที่มีการชุมนุมของประชาชนและนักศึกษาขับไล่ พลเอกสุจินดา คราประยูร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือเหตุการณ์ที่เป็นที่รู้จักกันว่า เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี2535 ร่วมกับพรรคสานแสงทองซึ่งเป็นพรรคการเมืองนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง จากนั้นก็ได้มีบทบาทเกี่ยวข้องกับงานพัฒนาสังคมและชุมชนมาโดยตลอด อาทิเช่นงานค่ายอาสาพัฒนาชนบท หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬได้มีโอกาสร่วมเคลื่อนไหวกับสมัชชาคนจน กระทั่งได้รับเลือกเป็นประธาน PNYS (กลุ่มนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มหาวิทยาลัยรามคำแหง) เมื่อปี 2537 และต่อมาได้มีส่วนร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคม ร่วมกับองค์กรเครือข่ายภาคประชาสังคมอย่างต่อเนื่อง จนจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2540 คณะรัฐศาสตร์ สาขาการปกครอง ด้วยตระหนักถึงมาตรฐานแห่งหลักนิติรัฐที่มีเจตนารมณ์จะคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน และจะผดุงซึ่งความยุติธรรมในสังคม ถ้าพิจารณาถึงประโยชน์ของพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต่อการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งที่ชายแดนใต้ โดยยึดหลักเจตนารมณ์แห่งหลักนิติรัฐข้างต้นแล้ว คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไม่มีเหตุผลแห่งตรรกะใด ที่จะยอมรับได้ว่าไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่มาจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐอ้างอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในขณะควบคุมตัวประชาชนที่ถูกสงสัย และตามอำนาจของกฎหมายฉบับนี้ ประชาชนไม่มีสิทธิจะทำการตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐที่อ้างว่าได้ปฏิบัติตามหน้าที่ อาทิเช่น กรณีมีการซ้อมทรมานผู้ถูกสงสัยขณะควบคุมตัว โดยเฉพาะที่เป็นข่าวครึกโครม นั่นคือ กรณีอิหม่ามยะผา กาเซ็ง และกรณีนักศึกษาราชภัฎยะลา เพื่อไม่ให้เป็นแค่น้ำผึ้งเพียงหยดเดียว ที่เป็นเหตุให้ต้องเกิดการแสดงออกทางการเมืองของภาคประชาชน ที่ยกระดับมากกว่านี้ และทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศต้องเสียชื่อเสียงต่ออานารยะประเทศที่เคารพในหลักการสิทธิมนุษยชนสากลนั้น เครือข่ายประชาสังคมคัดค้าน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงมีข้อเรียกร้องต่อรัฐ ดังต่อไปนี้ หลังจากแถลงการณ์ฉบับนี้ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ ขอให้รัฐปล่อยตัวนายนิเซ๊ะ นิฮะ ทันที เพื่อเป็นบรรทัดฐาน และให้มีหนังสือยอมรับผิดต่อความผิดพลาดในการทำงานของเจ้าหน้าที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ ให้รัฐชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้ถูกควบคุมตัวโดยมิชอบตามสมควรแก่กรณี ขอเสนอต่อรัฐบาลให้ยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ภายใน 30 วัน ถ้ายังตระหนักถึงความมั่นคงในสิทธิเสรีภาพของประชาชน องค์กรภาคี เครือข่ายประชาสังคมคัดค้าน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สนน.จชต.) มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม(MAC) ศูนย์ประสานงานองค์กรนักศึกษาและเยาวชนชายแดนใต้(BOMAS) สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) องค์การบริหาร องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี องค์การบริหารนักศึกษาภาคปกติมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา สภานักศึกษา องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เครือข่ายส่งเสริมสิทธิและเข้าถึงความยุติธรรม (HAP) มูลนิธิวัฒนธรรมอิสลามภาคใต้ (YAKIS) ศูนย์ส่งเสริมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย (CCPD) ศูนย์วัฒนธรรมอิสลามเพื่อการพัฒนา (PUKIS) สมาคมเยาวชนเพื่อการพัฒนา (YDA) สมาคมสตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสันติภาพ (DEEPPEACE) สมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมแห่งประเทศไทย(สนมท.) เครือข่ายผู้ช่วยทนายความมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม(SPAN) เครือข่ายบัณฑิตอาสาจังหวัดชายแดนภาคใต้(INSOUTH) กลุ่มนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้มหาวิทยาลัยรามคำแหง(PNYS)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net