ครม.ตั้ง "ยงยุทธ" นั่งประธานคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอ คอป.( ป.คอป.) หวังแก้ไขปัญหาสร้างความปรองดอง ดึงทหาร ตำรวจ ศาล อัยการ ร่วม ด้านอภิสิทธิ์ชี้ระวังเปลี่ยนแปลงเจตนารมณ์ คอป.
4 ตุลาคม 2554 นางฐิติมา ฉายแสงโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ต่อนโยบายสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย โดยมอบหมายให้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานประสานงาน คอป.จึงให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคอป. (ปคอป.) โดยมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นรองประธาน ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วยเลขาธิการ ครม. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงการคลังปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรมปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานศาลยุติธรรม ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย นายวีระวงค์ จิตต์มิตรภาพ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่ปลัดกระทรวงยุติธรรมมอบหมายเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
นางฐิติมากล่าวว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะมีอำนาจในการเสริมสร้างความเข้าใจและสนับสนุนการดำเนินงานของ คอป. เสนอแนะมาตรการเยียวยา ฟื้นฟูเหยื่อและผู้เสียหาย ตลอดจนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุความรุนแรงหรือความขัดแย้งทางการเมืองประสานงานขอความร่วมมือติดตามผลการดำเนินการตามข้อเสนอของ คอป.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับค่าตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่ในการประชุมแต่ละครั้งประธาน ปคอป.จะได้เงินเบี้ยประชุมครั้งละ10,000 บาท ส่วนรองประธาน ปคอป. จะได้เบี้ยประชุม 9,000 บาทต่อครั้ง ส่วนคณะกรรมการได้ 8,000 บาทต่อครั้ง รวมแล้วจะมีเบี้ยค่าตอบแทนในการประชุม ปคอป.แต่ครั้งละทั้งสิ้น 163,000 บาท
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีรัฐบาลแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานและติดตามผลงานการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงแห่งชาติ (ปคอป.) ว่า ถ้าเป็นการประสานงานโดยปกติไม่เป็นปัญหา แต่ก็ต้องจับตาดูว่าคณะกรรมการดังกล่าวจะมีการแปลงเจตนารมณ์ของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) หรือไม่ เพราะในรายละเอียดการแต่งตั้ง ปคอป.นั้น มีอำนาจพอสมควรในการชี้นำการปฏิบัติ ดังนั้น จากนี้ไปฝ่ายค้านจะติดตามตรวจสอบว่าข้อเสนอต่างๆ และการตีความข้อเสนอของ คอป.จะเป็นไปตามเจตนารมณ์หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับ ปคอป.ด้วย เพราะการที่รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการประสานงานกับองค์กรอิสระไม่ใช่เรื่องแปลก
ส่วนกรณีรายชื่อบุคคลภายนอกรายหนึ่ง ซึ่งมีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่ง มีชื่ออยู่ใน ปคอป.ด้วยนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องติดตามว่าจะมีบทบาทอย่างไร สำคัญอยู่ที่ว่ากรรมการต้องยึดเจตนารมณ์และข้อเสนอของ คอป.อย่างเคร่งครัด ไม่มีการแปลงสารหรือบิดเบือนเจตนารมณ์ของคอป. และทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่สังคมต้องช่วยกันจับตาดู ส่วนเรื่องเบี้ยประชุมที่มีการให้ค่าตอบแทนสูงกว่าคณะกรรมการชุดอื่นๆ ที่เคยมีการตั้งมานั้น ตนคิดว่าไม่มีอะไรพิเศษ คงเป็นไปตามเกณฑ์ แต่ทั้งนี้ไม่ทราบว่ามีการระบุเพดานค่าตอบแทนอย่างไร
เมื่อถามถึงการที่รัฐบาลมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลายชุดเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ และเร็วๆ นี้มีรายงานข่าวว่ากำลังจะมีการตั้งคณะกรรมการมาพิจารณาในเรื่องคดีมัสยิดกรือเซะโดยให้ รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนขอยกตัวอย่างกรณีน้ำท่วมที่มีการตั้งคณะกรรมการ ซึ่งจะทำให้ประชาชนสับสน ทั้งที่มีหลายกลไกที่มีอยู่แล้วและรัฐบาลไม่ได้ใช้ประโยชน์เต็มที่ และดูเหมือนเป็นการตั้งไล่ตามปัญหามากกว่า ฝ่ายค้านจะพยายามชี้แนะและหวังว่ารัฐบาลจะเปิดโอกาสให้รัฐสภามีการหารือใน ประเด็นนี้อย่างชัดเจน จะได้ช่วยกันระดมความคิด