Skip to main content
sharethis

องค์กรภาคประชาชนในเชียงใหม่ร่วมประณามข้อความเอกยุทธ อัญชันบุตร พร้อมยืนยัน “พนักงานบริการ” มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และไม่ได้โง่ วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2554) เวลา 10.30 น. บริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่ หลายองค์กรด้านสตรี รวมถึงองค์กรต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ได้รวมตัวกันแถลงประณามข้อความของนายเอกยุทธ อัญชันบุตรที่โพสต์ลงในเฟซบุค โดยต่างยืนยันว่าข้อความดังกล่าวเป็นการดูถูกและทำลายความเป็นมนุษย์ของคนที่ทำอาชีพ“พนักงานบริการ” และดูถูกผู้หญิงชาวเหนือด้วย จากกรณีนายเอกยุทธ อัญชันบุตรโพสต์ข้อความลงเฟซบุ้ค (ดูข่าวเก่า) ในวันนี้ องค์กรต่างๆ ในเชียงใหม่หลายองค์กร เช่น กลุ่มพลังผญ๋าแม่ญิงล้านนา มหาวิทยาลัยล้านนา มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ กลุ่มพัฒนาสตรีเชียงใหม่ ทีมงานของสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งกลุ่มผู้หญิงเสื้อแดง ได้ทยอยมารวมตัวกันบริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ รวมแล้วราว 200 คน กิจกรรมมีทั้งการเขียนข้อความคัดค้านนายเอกยุทธบนป้าย แจกแถลงการณ์ของมหาวิทยาลัยล้านนา (ดูล้อมกรอบด้านล่าง) การกล่าวประณามข้อความของนายเอกยุทธและเรียกร้องให้เขามาขอขมาต่อสตรีชาวเหนือ โดยข้อความที่กลุ่มผู้มาเข้าร่วมกิจกรรมเขียน มีอย่างเช่น “สตรีเชียงใหม่มีศักดิ์ศรี...ไม่ยอมให้ใครมาดูหมิ่นเหยียดหยาม” “ฉันรักเพศแม่” “เรารักศักดิ์ศรี ให้เกียรติคนเพศแม่” “หยุด! ดูหมิ่นศักดิ์ศรีสาวเหนือ” “เราชาวเหนือ รักศักดิ์ศรีของคนล้านนา” หรือแม้แต่ข้อความที่คัดลอกมาจากข้อความของนักเขียนชื่อดัง อย่างคำ ผกา จากนั้นนางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 1 พรรคเพื่อไทย ได้แถลงความเห็นว่า ตนได้ตีความหมายข้อความนี้ว่ากำลังดูถูกเหยียดหยามเกียรติของผู้หญิงภาคเหนือมาก โดยอันที่จริงแล้วการขายตัวเป็นอาชีพสุจริต คนขายตัวก็มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทุกอาชีพล้วนต้องอาศัยความเพียร อาศัยทักษะ อาศัยความอดทนทั้งสิ้น ผู้หญิงขายตัวก็มีศักดิ์ศรีเท่ากัน เป็นพลเมืองที่มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันในประเทศประชาธิปไตย ซึ่งไม่ว่าจะอาชีพใดก็มีคุณค่ามากกว่าคนที่ตัดสินคนอื่นว่าด้อยปัญญาอย่างที่นายเอกยุทธทำ และแม้จะไม่สามารถทำให้นายเอกยุทธเปลี่ยนมุมมองหรือวิธีคิดได้ แต่อยากให้นายเอกยุทธใคร่ครวญสักนิดก่อนที่จะเขียนหรือกล่าวพาดพิงถึงใคร ควรจะให้มีความสมเหตุสมผล และไม่ละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์ของคนอื่น นางสาวทัศนีย์กล่าวต่อว่า ตนอยากเรียกร้องให้คนไทยทุกภาคส่วนร่วมกันประณามและต่อต้านพฤติกรรมของนายเอกยุทธ เพื่อให้นายเอกยุทธออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง และขอโทษต่อสตรีชาวเหนือ มิเช่นนั้นองค์กรชาวเหนือกลุ่มต่างๆ จะดำเนินคดีต่อการกระทำนี้อย่างถึงที่สุด และจะยังคงเคลื่อนไหวเรียกร้องความยุติธรรมจากสังคมไทย หากมีการเพิกเฉยพฤติกรรมดูถูกเหยียดหยามสตรีชาวเหนือแบบนี้อีก ขณะที่นางสาวมาลี (ขอสงวนนามสกุล) ตัวแทนจากมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ (Empower Foundation) ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานกับ “พนักงานบริการ” ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าทางคนทำงานในมูลนิธิล้วนไม่พอใจกับข้อความของนายเอกยุทธ เพราะพนักงานบริการไม่ใช่คนโง่แบบที่นายเอกยุทธกล่าวหา พวกเธอมีทักษะต่างๆ ในการดำเนินชีวิต บางคนพูดได้หลายภาษา บางคนขยันเรียนจนจบการศึกษา และการทำงานบริการไม่ได้หมายถึงการให้บริการทางเพศอย่างเดียว ซึ่งคนภายนอกมักมองคนกลุ่มนี้แต่เรื่องเซ็กซ์ แต่งานบริการมีความหมายตั้งแต่การไปกินอาหาร ไปเป็นเพื่อนเที่ยว หรือการดูแลให้คนที่รับบริการมีความสุข พนักงานบริการจึงเป็นอาชีพหนึ่งเหมือนอาชีพอื่นๆ มีเวลาเข้าออกงานเหมือนกัน อยู่ภายใต้กฎหมายเหมือนกัน และเป็นมนุษย์ที่มีหัวใจเหมือนกับทุกๆ คน อาชีพนี้จึงควรได้รับความคุ้มครองดูแลเหมือนกับอาชีพอื่นๆ แรงงานแบบอื่นๆ และคนทำงานบริการก็มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี พวกเธอไม่ได้ไปขโมยของใคร ไม่ได้ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ถ้านายเอกยุทธจะด่าใครก็ควรด่าตรงๆ ไม่ใช่ด่าไปทั่วแบบนี้ และควรรับผิดชอบต่อสิ่งที่พูด ถ้าเขามีความเป็นลูกผู้ชายเพียงพอ และอยากให้ลองคิดกลับกัน ว่าถ้าคนอื่นไปด่าเขาว่าโง่ เขาจะรู้สึกอย่างไร สำหรับมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ เป็นองค์กรที่ส่งเสริมโอกาสให้\พนักงานบริการ\"ได้รับสิทธิเท่าเทียมกับคนทั่วไปในสังคม เรียกร้องต่อสู้ให้งานบริการมีความปลอดภัย ยุติธรรม มีมาตรฐาน ในประเทศไทย มีกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้พนักงานบริการได้มีการเรียนภาษาไทย ภาษาอังกฤษ กศน. เรียนคอมพิวเตอร์ ให้คำปรึกษาเรื่องการไปทำงานต่างประเทศ ทำวีซ่า สุขภาพเกี่ยวกับการทำงาน และรวมถึงให้คำปรึกษาเรื่องกฎหมาย สิทธิต่างๆ และมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ กรุงเทพ เชียงใหม่ ภูเก็ต (http://www.empowerfoundation.org/) นอกจากนั้นในช่วงบ่ายผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกลุ่มพลังผญ๋าแม่ญิงล้านนาได้เดินทางไปฟ้องร้องดำเนินคดีอย่างเป็นทางการต่อนายเอกยุทธในข้อหาหมิ่นประมาท ที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงค์ราชนิเวศน์ด้วย อีกทั้งในวันเดียวกันนี้ยังมีเครือข่ายแม่ญิงพะเยาเข้ายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาเพื่อประณามนายเอกยุทธ อัญชันบุตรเช่นกัน แถลงการณ์ของมหาวิทยาลัยแห่งล้านนา เรื่อง ขอประนามทัศนะของนายเอกยุทธ อัญชันบุตรที่ดูหมิ่นสตรีล้านนาและนายกรัฐมนตรีหญิงของไทย จากกรณีที่นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ออกมากล่าวเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2554 นี้ ว่า “ไม่อยากจะกล่าวคำแบบนี้ เพราะจะดูเสมือนดูถูกสตรี..แต่ในความเป็นจริงนั้น..สาวเหนือที่ไร้การศึกษาหรือขี้เกียจ และด้อยปัญญา จะมาทำงานสบายที่หญิงปกติไม่ทำกัน..หลักๆก็คือขายบริการ..ฉะนั้นสาวเหนือที่ไร้สติปัญญาและโง่เขลาขนาดหนักแต่หน้าด้านมารับตำแหน่ง ก็ควรจะรู้นะว่าอาชีพอะไรที่เหมาะแก่คุณ?...” และ “ตำแหน่งนายกฯนั้น ไม่ใช่ของครอบครัว..และไม่ใช่ที่ฝึกหัดงาน..หากไร้ปัญญาก็อย่าหน้าด้านมารับตำแหน่ง...” เราคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งล้านนารู้สึกเศร้าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าจะมีคนไทยคนใดออกมากล่าวถ้อยคำเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ประชาชนไทยหลายล้านคนโดยเฉพาะในเขตภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ต้องประสบปัญหาจากภัยน้ำท่วมที่รุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษ ข้อที่หนึ่ง ถ้อยคำของนายเอกยุทธที่ดูหมิ่นเหยียดหยามสตรีภาคเหนือว่าคนที่ไร้การศึกษา หรือคนที่ขี้เกียจและด้อยปัญญาชอบงานสบายคือขายตัวนั้นไม่เป็นความจริง เพราะ 1.สตรีภาคเหนือก็เหมือนสตรีภาคอื่นๆ ทั่วโลก นั่นคือเป็นคนมีสติปัญญา ต่อสู้ดิ้นรน ไม่กลัวงานหนัก รักครอบครัว รับผิดชอบต่อครอบครัวและส่วนรวม ในสังคมไทยยุคก่อนที่ประเพณีการแต่งงานคือชายเข้าไปอยู่บ้านฝ่ายหญิง และสังคมไทยไม่มีนามสกุล ทำให้หญิงกับชายมีฐานะและศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ต่างคนต่างช่วยกันทำงานสร้างครอบครัวและสร้างสรรค์สังคม กระทั่งในหลายกรณี หญิงมีบทบาทมากยิ่งกว่าชาย สตรีในสังคมเช่นนี้มีบทบาทโดดเด่นแตกต่างจากสังคมบางแห่งที่ยกย่องให้ชายเป็นใหญ่และกดขี่หญิงให้เป็นเช่นทาส ไร้สิทธิไร้เสียง 2. ในรอบกึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ระบบเศรษฐกิจการค้าเสรีที่ขยายตัวได้กระตุ้นให้เกิดการค้าโสเภณี มีการล่อลวงหญิงจากต่างจังหวัดเข้าไปเป็นโสเภณีในเขตเมืองหลวงและลามออกไป การกล่าวว่าสตรีภาค เหนือขี้เกียจ โง่เขลา และชอบงานสบายเลยไปขายตัวจึงเป็นการโป้ปดและดูถูกกันอย่างรุนแรง 3. โลกทุนนิยมเสรีทุกวันนี้ยังคงมีการหลอกลวงและบีบบังคับสตรีจากทุกสังคมให้เข้าสู่ธุรกิจการขายตัว ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะภาคเหนือ สตรีชาวเหนือมีปัญญา ไม่เคยเกี่ยงงาน หาเงินเลี้ยงครอบครัวในทุกสาขาอาชีพ ขณะที่เขียนแถลงการณ์นี้ ก็มีสตรีชาวเหนือจำนวนหลายคันรถที่สละเวลาไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคกลางและกรุงเทพฯ คนที่ไปไม่ได้ก็ช่วยกันบริจาคสิ่งของตามจุดต่างๆในแทบทุกอำเภอของภาค ข้อที่สอง การที่นายเอกยุทธกล่าวในทำนองนายกฯหญิงของไทยไร้สติปัญญาและโง่เขลาอย่างมากทั้งหน้าด้านมารับตำแหน่ง และกล่าวว่าน.ส. ยิ่งลักษณ์น่าจะรู้ว่าอาชีพอะไรเหมาะกับตัวเองจึงไม่ใช่เพียงการดูถูกสตรีชาวเหนือคนนี้ หากยังเป็นการดูถูกประชาชนไทยส่วนใหญ่ว่าโง่เง่าที่เลือกน.ส. ยิ่งลักษณ์ให้เป็นนายก รัฐมนตรี และดูถูกสติปัญญาของคนไทยทั้งประเทศในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาที่ยังคงยินยอมให้เธอบริหารประเทศต่อไปในฐานะนายกรัฐมนตรี นี่เป็นทัศนะที่ต่ำทรามและไม่สร้างสรรค์อย่างที่สุด คำกล่าวของนายเอกยุทธช่วยเปิดด้านที่หยาบช้าและเลวร้ายในสติปัญญาของคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการดิสเครดิตผู้นำของรัฐบาลและหวังสร้างความปั่นป่วนในสังคม เอาปัญหาอคติทางเพศ ปัญหาสังคมและปัญหาการเมืองมาพันกัน หวังทำลายสังคมการเมืองแบบประชาธิปไตยในปัจจุบันด้วยการด่ากราดสตรีชาวเหนือและหมิ่นแคลนนายกรัฐมนตรี ทั้งๆที่ทุกๆฝ่ายควรจะช่วยกันแก้ไขวิกฤตปัญหาน้ำท่วมให้มากที่สุด คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งล้านนาขอประณามคำกล่าวและทัศนะของนายเอกยุทธ อัญชันบุตรในครั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันประณามทัศนะกดขี่ทางเพศ ทัศนะที่ดูถูกประชาชนในระบอบประชาธิปไตย และทัศนะที่ดูถูกเหยียดหยามและเหยียบย่ำคนที่เป็นผู้นำของประเทศ นายเอกยุทธจะต้องกล่าวขอขมาต่อสตรีชาวเหนือ ต่อนายกรัฐมนตรี และต่อประชาชนไทยอย่างเป็นทางการ พี่น้องคนไทยจะต้องร่วมกันคัดค้าน อย่าให้ทัศนะที่ผิดพลาดร้ายแรงครั้งนี้ดำรงอยู่อีกต่อไปในสังคมไทย. คณาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งล้านนา รศ.ดร.รังสรรค์ จันต๊ะ อ.สมชาย ประทุมเมศร์ อ.สุทธิวัฒน์ วงศ์รังสรรค์ อ.ภูรินทร์ เทพเทพินทร์ อ.วัชระ ศรีสรรค์ อ.สมจินต์ รักยุติธรรม อ.พลดี มงคล ศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง 3 พฤศจิกายน 2554"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net