วอนดูแลสวัสดิภาพแรงงานข้ามชาติผู้ประสบอุทกภัยที่ต้องการกลับประเทศ

มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา เรียกร้องให้ตรวจสอบกรณีแรงงานข้ามชาติสัญชาติพม่าอพยพกลับประเทศเนื่องจากน้ำท่วมในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ใกล้เคียง และให้กำหนดแนวทางในการให้ความช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรมโดยประสานความร่วมมือกับรัฐบาลพม่าอย่างใกล้ชิด เมื่อวันที่ 4 พ.ย.54 มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.) ทำหนังสือถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรียกร้องให้ตรวจสอบกรณีแรงงานข้ามชาติสัญชาติพม่าอพยพกลับประเทศเนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ใกล้เคียง และให้กำหนดแนวทางในการให้ความช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรมโดยประสานความร่วมมือกับรัฐบาลพม่าอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ มสพ. เปิดเผยว่า มีแรงงานข้ามชาติสัญชาติพม่าจำนวน 1,000 คนต่อวันเดินทางกลับประเทศผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สอด แต่ต้องมีกระบวนการสอบเพื่อทำประวัติ ประกอบกับมีแรงงานข้ามชาติสัญชาติพม่าจำนวนมาก ทำให้ต้องรอเป็นระยะเวลานาน ระหว่างรอกระบวนการทำประวัตินั้น ไม่ปรากฏว่าทางด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สอดจัดสวัสดิการอาหารและน้ำดื่มให้ รวมถึงการส่งแรงงานกลับประเทศนั้นยังเกิดอุปสรรคในส่วนของเจ้าหน้าที่ฝั่งประเทศพม่าที่ไม่เพียงพอต่อกระบวนการ ส่งผลให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองอำเภอแม่สอดต้องชะลอการส่งกลับ การส่งกลับแรงงานจึงดำเนินขึ้นในช่วงเย็นจนกระทั่งเวลากลางคืน จากกรณีดังกล่าว มสพ.เรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดสวัสดิการด้านอาหารและน้ำดื่มให้เพียงพอ รวมถึงจัดสถานที่พักพิงสำหรับรองรับแรงงาน เพิ่มรอบการบริการส่งกลับและตรวจตราการเรียกเก็บค่าเดินทางเป็นกรณีพิเศษ เพื่อป้องกันการแสวงหาประโยชน์จากสถานการณ์อุทกภัย ประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่อำเภอแม่สอด และหน่วยงานของรัฐบาลพม่า เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดข้างต้น รวมถึงคุ้มครองสวัสดิภาพของแรงงานในกระบวนการส่งกลับ และกำหนดนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมในการให้ความช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติผู้ประสบอุทกภัย พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงแรงงาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงรัฐบาลพม่า เนื่องจากหลายกรณีที่เอกสารบัตรประจำตัวหรือหนังสือเดินทางของแรงงานสูญหายหรือถูกนายจ้างยึดไว้ ประกอบกับไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ และความหวาดกลัวต่อการถูกจับกุม ซึ่งเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการเข้าถึงความช่วยเหลือ ที่ มสพ.1/2554 จดหมายเปิดผนึก ด่วนที่สุด วันที่ 4 พฤศจิกายน 2554 เรื่อง เรียกร้องให้ตรวจสอบกรณีแรงงานข้ามชาติสัญชาติพม่าอพยพกลับประเทศเนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ใกล้เคียง และให้กำหนดแนวทางในการให้ความช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรมโดยประสานความร่วมมือ กับรัฐบาลพม่าอย่างใกล้ชิด เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก จากการรายงานข่าวของสำนักข่าว เดอะ เนชั่น (The Nation) เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2554 ถึงกรณีแรงงานข้ามชาติสัญชาติพม่าอพยพกลับประเทศพม่า เนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ใกล้เคียง เแหล่งข่าวรายงาน ว่าช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมามีแรงงานข้ามชาติสัญชาติพม่าจำนวนกว่า 30,000 คน ถูกกักตัวไว้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ทั้งนี้แรงงานข้ามชาติสัญชาติพม่ากลุ่มนี้เป็นแรงงานที่ไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งหาทางกลับประเทศพม่า เนื่องจากผลกระทบน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในการกักตัวนั้นแรงงานกล่าวถึงปัญหาการขาดแคลนอาหารและน้ำ รวมถึงจำนวนคนที่มากจนล้นพื้นที่ของด่าน นอกจากนี้แหล่งข่าวกล่าวอ้างถึงกลุ่มคนที่ให้การช่วยเหลือแรงงาน ซึ่ง ปรากฏรายงานว่าแรงงานข้ามชาติสัญชาติพม่าเดินทางกลับประเทศพม่า เป็นจำนวนมาก ราว 1,000 คนต่อวันนั้น ซึ่งเดินทางโดยรถบรรทุกออกจากด่านตรวจคนเข้าเมืองสมุทรสาคร ทั้งนี้ แรงงานต้องจ่ายค่าเดินทางคนละ 2,400 บาท เพื่อเดินทางไปยังอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก (รายละเอียดข่าว สามารถอ่านได้ที่ http://www.nationmultimedia.com/national/Burmese-hungry-30168959.html) อีกทั้งยังมีรายงานข่าวของสำนักข่าว Irrawaddy กรณีแรงงานข้ามชาติสัญชาติพม่าผู้ประสบอุทกภัยจำนวนมากถูกจับกุมและถูก ควบคุมตัวโดยตำรวจตรวจคนเข้าเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามด่านตรวจต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจระหว่างการเดินทางไปยังชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก (รายละเอียดข่าวสามารถอ่านได้ที่ http://www.irrawaddy.org/article.php?art_id=22366) มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา(มสพ.) ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนไม่แสวงหาผลกำไร ตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชน มสพ. ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ไม่ปรากฏว่ามีการกักตัวแรงงานข้ามชาติจำนวนมาก ตามรายงานข่าว แต่ปรากฏแรงงานชาติจำนวนมากเดินทางกลับประเทศพม่า โดยปัญหาและข้อเท็จจริงมีความสอดคล้องกับข้อมูลที่เผยแพร่ในรายงานข่าวของ สำนักข่าวเดอะเนชั่น (The Nation) ดังนี้ แรงงานข้ามชาติสัญชาติพม่าประสงค์จะเดินทางกลับประเทศผ่านชายแดนแม่สอดจำนวน มาก ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีแรงงานจำนวน 1,000 คนต่อวันเดินทางกลับประเทศผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สอด แต่ทั้งนี้ก่อนเดินทางกลับนั้นต้องมีกระบวนการสอบเพื่อทำประวัติ และประกอบกับมีแรงงานข้ามชาติสัญชาติพม่าจำนวนมาก จำนวนนี้รวมถึงแรงงานหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ แรงงานจึงต้องรอเป็นระยะเวลานาน ซึ่งทาง มสพ. ได้รับแจ้งข้อมูลว่าระหว่างรอกระบวนการทำประวัตินั้น ไม่ปรากฏว่าทางด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สอดจัดสวัสดิการอาหารและน้ำดื่มให้กับ แรงงานกลุ่มนี้ รวมถึงการส่งแรงงานกลับประเทศนั้นยังเกิดอุปสรรคในส่วนของเจ้าหน้าที่ฝั่ง ประเทศพม่า ซึ่งมีจำนวนเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอต่อกระบวนการ ส่งผลให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองอำเภอแม่สอดต้องชะลอการส่งกลับ การส่งกลับแรงงานจึงดำเนินขึ้นในช่วงเวลา 17.00 น. ต่อเนื่องจนกระทั่งเวลากลางคืน เนื่องด้วยสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงนั้น ส่งผลกระทบต่อภาคแรงงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติ ซึ่งการอพยพของแรงงานนั้นเกิดอุปสรรคหลายประการทั้งค่าใช้จ่าย เส้นทางการเดินทาง และที่พัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของแรงงานข้ามชาตินั้นมีข้อจำกัดในส่วนของการ เดินทางและที่พักอาศัย รวมถึงกรณีที่แรงงานข้ามชาติประสงค์จะเดินทางกลับประเทศโดยปลอดภัยนั้นต้อง ผ่านด่านทางการระหว่างประเทศไทยและประเทศพม่าซึ่งได้กำหนดข้อตกลงระหว่างกัน ไว้ ส่งผลให้เมื่อเกิดกรณีภัยพิบัติและปรากฏจำนวนแรงงานข้ามชาติเดินทางกลับ ประเทศจำนวนมาก กระบวนการโดยปกติจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการในภาวะจำเป็นและฉุกเฉิน ซึ่งการให้ความช่วยเหลือเรื่องสวัสดิการอาหารและน้ำดื่ม รวมถึงดูแลความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางกลับแก่แรงงานข้ามชาติในกรณีภัยพิบัติเช่นนี้ นอกเหนือจากหลักการและมาตรฐานของหน่วยงานที่ต้องดำเนินการแล้ว ยังเป็นการให้ความช่วยเหลือขั้นพื้นฐานตามหลักสิทธิมนุษยชน ดังนั้น มสพ. จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและโดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ กระบวนการดังกล่าวดำเนินการตามข้อเสนอ ดังนี้ กรณีการจัดสวัสดิการ เนื่องจากแรงงานข้ามชาติต้องรอกระบวนการทำประวัติเป็นระยะเวลานานที่ด่าน ตรวจคนเข้าเมืองอำเภอแม่สอด ซึ่งแรงงานเหล่านี้ลี้ภัยจากผลกระทบน้ำท่วมในประเทศไทย ดังนั้น ในระหว่างรอกระบวนการทำประวัติและส่งกลับนั้น รัฐบาลควรจัดสวัสดิการด้านอาหารและน้ำดื่มให้เพียงพอ รวมถึงจัดสถานที่พักพิงสำหรับรองรับแรงงาน ทั้งนี้ในกรณีหญิงมีครรภ์ เด็ก และผู้ป่วย รัฐบาลควรจัดสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และหลักสิทธิมนุษยชนเป็นเบื้องต้น กรณีการจ่ายค่าเดินทาง เนื่องจากการเดินทางของแรงงานครั้งนี้มีจำนวนมาก การบริการตามปกติจึงอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการและความจำเป็นของเหตุการณ์ ซึ่งส่งผลให้มีกระบวนการเรียกเงินเพื่อเอารัดเอาเปรียบแรงงานโดยไม่มีทางต่อรองได้ รัฐบาลควรเพิ่มรอบการบริการส่งกลับและตรวจตราการเรียกเก็บค่าเดินทางเป็น กรณีพิเศษ เพื่อป้องกันการแสวงหาประโยชน์จากสถานการณ์อุทกภัย กรณีการส่งกลับ เนื่องจากกระบวนการต้องใช้ระยะเวลานานดังข้อเท็จจริงข้างต้น การส่งกลับทั้งการเดินทางจากพื้นที่อื่นมายังด่านตรวจคนเข้าเมืองอำเภอแม่ สอด และการเดินทางจากด่านแม่สอดไปยังประเทศพม่าในเวลากลางคืนนั้น อาจเกิดกรณีแอบอ้างหรือหาผลประโยชน์จากแรงงาน ซึ่งการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบดังกล่าวอาจกระทำโดยบุคคลภายนอก หรืออาจมีเจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการดังกล่าว รัฐบาลควรประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่อำเภอแม่สอด และหน่วยงานของรัฐบาลพม่า เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดข้างต้น รวมถึงคุ้มครองสวัสดิภาพของแรงงานในกระบวนการส่งกลับประเทศพม่าอย่างปลอดภัย รัฐบาลควรกำหนดนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมในการให้ความช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติ ผู้ประสบอุทกภัย พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงแรงงาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงรัฐบาลพม่า เนื่องจากหลายกรณีที่เอกสารบัตรประจำตัวหรือหนังสือเดินทางของแรงงานสูญหาย หรือถูกนายจ้างยึดไว้ ประกอบกับไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ และความหวาดกลัวต่อการถูกจับกุม ซึ่งเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการเข้าถึงความช่วยเหลือ มสพ. ยินดีต่อนโยบายของรัฐบาลไทยกรณีผ่อนผันกฏระเบียบต่างๆ เพื่อให้แรงงานข้ามชาติสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมได้และการ ที่รัฐบาลได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติผู้ประสบอุทกภัย อย่างไรก็ตามเนื่องจากการขาดนโยบายที่เป็นรูปธรรมและขาดการประสานงานที่ทั่วถึง จึงยังคงพบปัญหาและอุปสรรคดังกล่าวข้างต้น ดั้งนั้นรัฐบาลควรประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประสานความร่วมมือกับรัฐบาลพม่าอย่างใกล้ชิดเพื่อคุ้มครองแรงงานให้ สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้และป้องกันการแสวงประโยชน์โดยมิชอบในระหว่างเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ ขอแสดงความนับถือ มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท