Skip to main content
sharethis

บทความจาก \ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์\" นักวิจัยจากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาประเทศสิงคโปร์ มองการเมืองไทยช่วงน้ำท่วมผ่านอาการ\"ทักษิโณโฟเบีย\" ที่มา: แปลจาก Pavin Chachavalpongpun. The floods have triggered a new health scare for some Thais. The Nation. 24/11/54 คุณมีอาการเหล่านี้ไหม ครั่นเนื้อ ครั่นตัว หงุดหงิด วิงเวียนศีรษะ รู้สึกอารมณ์แปรปรวน บางครั้งก็เผลอกล่าววาจา ไม่สุภาพ ผรุสวาท เสียดสี หรือบางทีก็ควบคุมตนเองไม่ได้ ถ้าคุณมีอาการใดอาการหนึ่งข้างต้น คุณอาจกำลังเจ็บป่วยจากโรคระบาดสายพันธ์ใหม่ที่พึ่งได้รับการค้นพบโดย ศาสตราจารย์ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โรคร้ายที่ชื่อว่า \"โรคกลัวทักษิณ\" โรคกลัวทักษิณได้ลุกลามถึงขั้นแพร่ระบาดในวงกว้าง โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพและเมืองใหญ่ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะเป็นคนชั้นกลาง-สูง พวกเขามีฐานะดี การศึกษาสูง อย่างน้อยปริญญาตรี อย่างไรก็ตามโรคนี้พบน้อยในหมู่ชนชั้นกลาง-ล่าง ซึ่งอาศัยในเขตชนบท หรือ ในกลุ่มผู้ซึ่งมีการศึกษาระดับประถม หรือ มัธยม โรคดังกล่าวสามารถติดต่อผ่านการสื่อสารกับผู้คนใกล้ชิด หรือจากการบริโภคข่าวสารจากสื่อและเครือข่ายสังคมที่เกินพอดี ผ่านมากว่า 5 ปีแล้วจากเหตุการณ์ในปี 2549 ที่มีการรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ของทักษิณ ชินวัตร แต่ศัตรูของของเขายังคงก้าวไม่พ้นทักษิณ นอกจากนี้แล้วดูเหมือนพวกเขาจะหมกหมุ่นกับทักษิณมากขึ้นด้วยซ้ำ พวกเขาไม่สามารถหยุดคิด หยุดพูดถึงทักษิณได้ ทักษิณอยู่ในหัวของพวกเขาตลอดเวลาไม่ว่าหลับหรือตื่น ทักษิณเป็นเครื่องไม้ใกล้มือที่ถูกใช้สร้างความชอบธรรมให้กิจกรรมทางการเมืองของคนกลุ่มนี้มาอย่างต่อเนื่อง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? นั่นเป็นเพราะทักษิณพิสูจน์ตัวเองให้เห็นถึงความเป็นสายพันธ์ตายยาก ที่รอดพ้นจากสารพันอาวุธสารพัดรูปแบบ ตั้งแต่ รัฐประหารโดยกองทัพ รัฐประหารโดยตุลาการ และปัจจุบันอาจกำลังเผชิญกับ อุทกรัฐประหาร จะถูกนำมาใช้เพื่อกำจัดเขา แม้เขาจะต้องลี้ภัยอยู่ต่างแดน แต่ตัวแทนทางการเมืองของเขาก็ยังสามารถอิงกระแสความนิยมของตัวเขาในเหล่าคนต่างจังหวัด ก้าวขึ้นมามีอำนาจทางการเมืองผ่านการเลือกตั้ง กลุ่มศัตรูของทักษิณรู้อยู่เต็มอกว่าพวกเขาไม่สามารถแข่งกันกับทักษิณหรือตัวแทนของเขาผ่านกระบวนการแบบประชาธิปไตยได้ ดังนั้นเล่ห์เพทุบายอื่นต้องถูกเสาะหามาใช้ หนึ่งในนั้นคือแผนการที่จะลดความเชื่อถือต่อ บุคลิกภาพ และเกียรติภูมิ ของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แทนที่จะวิจารณ์ผลงานที่แท้จริงของเธอ ปัจจุบัน ขบวนการต้านทักษิณ กำลังแสดงให้เห็นอาการของโรคกลัวทักษิณ ผ่านทางการมุ่งโจมตีอย่างเกรี้ยวกราดต่อน้องสาวของเขา ยิ่งลักษณ์ถูกสร้างภาพให้เป็น \"วัวโง่\" \"ควายไร้สมอง\" หรือ \"โคลนนิ่งที่น่าขันของทักษิณ\" เมื่อเธอปฏิเสธที่จะตอบโต้ พวกเขาจึงเพิ่มระดับกลยุทธ์ขึ้นไปอีกขั้นโดยการยืมปากของชนชั้นสูงมาด่าเธอ กัลยา โสภณพาณิช ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือ มัลลิกา บุญมีตระกูล คือสามแม่มดจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาปฏิบัติการกลุ้มรุมกระหน่ำกระหน่ำใส่ยิ่งลักษณ์ โจมตีว่าเธอเป็นเด็กขี้แยเจ้าน้ำตา กัลยากล่าวว่า \"การร้องไห้บ่อยๆของยิ่งลักษณ์เป็นการลดศักดิ์ศรีของผู้หญิง\" ศิริวรรณเข้าร่วมขบวนด้วยโดยการโจมตีว่ายิ่งลักษณ์ใช้น้ำตาเป็นกลเม็ดในการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากความผิดพลาดในการบริหารจัดการน้ำท่วมของเธอ ในขณะเดียวกันมัลลิกาไปไกลกว่านั้นโดยกล่าวว่า (การควบคุมอารมณ์ไม่ได้) แสดงออกให้เห็นถึงความอ่อนแอของยิ่งลักษณ์ และทำให้ชื่อเสียงอันดีงามของประเทศเสียหาย แทนที่จะประเมินที่ความสามารถในการจัดการปัญหาของยิ่งลักษณ์ พวกเธอกลับเลือกที่จะใช้วิธีการเล่นนอกกติกามาดูถูกเหยียดหยามยิ่งลักษณ์ กลุ่มสตรีที่อ้างว่าเป็นผู้มีสติปัญญาดังกล่าว ซึ่งหนึ่งในนั้นมีดีกรีระดับปริญญาเอก กลับอาศัยวิธีที่แทบไม่ต้องใช้สติปัญญามาโจมตีฝ่ายตรงข้าม พวกเธอคงจะไม่รู้ว่ายิ่งดูถูกเหยียดหยามยิ่งลักษณ์เท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งได้รับความเห็นใจจากกลุ่มผู้สนับสนุนมากขึ้น ในอาณาจักรเดรัจฉาน ไม่เพียงแค่เพศเมียเท่านั้นที่รู้จักเล่นเกมส์การเมืองสกปรก หมาป่าเพศผู้จ่าฝูงบางตัวก็สามารถหยาบช้าได้เท่าเทียมกันในการโจมตีนายกรัฐมนตรีเพศเมีย เอกยุทธ อัญชันบุตร เจ้าของเว็บไซท์ Thaiinsider.com แม้เขาเองจะมีภูมิหลังที่น่าปกปิด แต่ก็ยังกล้าออกมาวิจารณ์ยิ่งลักษณ์ว่าเป็น ผู้หญิงโง่เขลาที่หน้าด้านมารับตำแหน่ง ควรจะรู้ตัวเองว่าอาชีพอะไรที่เหมาะกับเธอ เขายังกล่าวว่า ผู้หญิงที่ไร้การศึกษา ขี้เกียจ และ ด้อยสติปัญญา จากภาคเหนือจะมาทำอาชีพหลักๆ คือขายบริการ ในขณะที่กลุ่มสตรีชาวเหนือออกมาประฌามการแสดงความเห็นเหยียดเพศหญิงของเอกยุทธ์อย่างรุนแรง แต่เหล่าบรรดาที่อ้างตัวเองว่าเป็นเฟมินิสท์ส่วนใหญ่กลับเงียบกริบ ความจริงที่ว่าวงสนทนาเรื่องสิทธิสตรีไทยมักจะถูกครอบงำโดยเหล่าสตรีชาวกรุงเทพที่มีสถานะทางสังคมสูง สามารถช่วยอธิบายว่าทำไมเอกยุทธกับวาจาไร้รสนิยมของเขาจึงรอดตัวไปในครั้งนี้ แต่ก็น่าตลกที่ว่าเหล่าแม่มดทั้งสามจากพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ออกมาอ้างว่าทำเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของผู้หญิง ปฏิเสธอย่างตาขาวที่จะตอบโต้อคติแบบเพศชายนิยมของเอกยุทธ เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ศาตราจารย์จากมหาวิทยาลัยรังสิต ก็ตามรอยเอกยุทธออกมากระหน่ำโจมตียิ่งลักษณ์ว่าเป็นนายกฯที่ไร้ประโยชน์ เจิมศักดิ์เชื่อว่ายิ่งลักษณ์ไร้สติปัญญา เป็นตัวตลก เป็นนายกรัฐมนตรีที่น่าอัปยศอดสูที่สุดในประวัติศาสตร์ ไร้ประสบการณ์ และ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งได้ด้วยการใช้สายสัมพันธ์จากเครือญาติ ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็จะเข้าใจได้ว่าทำไมเจิมศักดิ์จึงไม่มีความนิยมในตัวยิ่งลักษณ์เลย นี่คือผู้ชายที่เข้าร่วมอย่างกระตือรือร้นในกระบวนการต่อต้านทักษิณเมื่อปี 2548 โดยมีจุดประสงค์หลักคือการปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มชนชั้นสูงในเมืองหลวง เมื่อมองในมุมนี้ โรคกลัวทักษิณอาจจะไม่ใช่ปรากฎการณ์ในปัจจุบัน เพราะดูเหมือนว่าเจิมศักดิ์มีอาการป่วยจากโรคดังกล่าวมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว แนวทางในการโจมตีแบบนี้ยังคงถูกใช้โดยสมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการเกษียณอายุ อดีตวุฒิสมาชิก และ เป็นผู้ประกาศข่าวในปัจจุบัน สมเกียรติเลือกที่จะวิจารณ์ทักษะภาษาอังกฤษที่บกพร่องของยิ่งลักษณ์ ตำหนิเธอที่ไม่สามารถพูดให้ได้ดี ทั้งภาษาไทย และ อังกฤษ ประเด็นในที่นี้ไม่ได้อยู่ทีว่ายิ่งลักษณ์จะสามารถร่วมสนทนากับผู้นำตางชาติซึ่งในกรณีนี้คือ ฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯได้หรือไม่ เพียงแค่มีจุดประสงค์จะโจมตีเธอ แต่ยิ่งลักษณ์คือนายกรัฐมนตรีไทยคนแรกหรือเปล่าที่ไม่ได้เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ และแค่ไหนกันคือระดับความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษที่ยอมรับได้ ควรหรือไม่ที่ความสามารถภาษาอังกฤษที่ยอดเยี่ยมขอสมเกียรติจะเป็นมาตรฐานของนายกรัฐมนตรีไทยตั้งแต่นี้ต่อไป ในท้ายที่สุดแล้ว การพร่ำบ่นติฉินนินทาก็มีความเป็นการเมืองเสียยิ่งกว่าเรื่องการเมืองเองเสียอีก การที่ยิ่งลักษณ์ตอบโต้ด้วยการไม่ตอบโต้จะช่วยรักษาสถานะความได้เปรียบของเธอไว้ ยิ่งเธอถูกดูหมิ่นเหยียดหยามมากเท่าไหร่ เธอจะกลับมีสถานะทางการเมืองที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายแล้วเธอจะสามารถอยู่รอดปลอดภัยจากเกมส์การเมืองได้โดยการที่ไม่ต้องทำอะไรมากนัก"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net