Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2555 สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม Blue Sky Channel ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์นอกการกำกับดูแลของกฎหมายไทยและมีความเชื่อมโยงถึงขั่นที่ทำให้เชื่อได้ว่าอาจเป็นสถานีโทรทัศน์ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกอากาศรายการชื่อ “สายล่อฟ้า” เป็นรายการลักษณะนั่งสนทนากันสามคน และทั้งสามคนเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ คนที่หนึ่ง นั่งตรงกลาง ทำหน้าที่คล้ายผู้ดำเนินรายการ คือคุณชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต คุณชวนนท์ ไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ได้รับตำแหน่งโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และในอดีตเคยเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (กษิต ภิรมย์), อีกสองคนทำหน้าที่คล้ายเป็นผู้ร่วมรายการ นั่งทางซ้ายของจอโทรทัศน์ คือคุณศิริโชค โสภา เป็น ส.ส. จังหวัดสงขลา ตั้งแต่ปี 2544 และเป็นกรรมการบริหารพรรค, อีกคนนั่งทางขวา คือคุณเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ปี 2548 และในอดีตเคยเป็นโฆษกประจำตัว หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)

ผมทราบจากชาวพรรคประชาธิปัตย์ผ่าน Twitter และ Facebook ตั้งแต่เดือนมกราคมแล้วว่าจะมีสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องใหม่ ชื่อ Blue Sky Channel ประมวลข้อมูลจากบุคคลที่ช่วยกระจายข่าวเชิญชวนให้ติดตามชมกับชื่อ “ช่องสีฟ้า” แล้วผมก็เดาเอาว่าน่าจะเป็นช่องโทรทัศน์ผิดกฎหมายหรือ “โทรทัศน์เถื่อน” ผ่านดาวเทียมอีกช่องหนึ่งเหมือนที่ชาวเสื้อเหลืองและเสื้อแดงทำกันอยู่นานแล้ว คนอื่นๆ ก็ทำกันอย่างเย้ยกฎหมายไทย ป้าเช็งก็ทำ วัดพระธรรมกายและอีกบางวัดในต่างจังหวัดก็ทำ ค่ายเพลงสารพัดค่ายก็ทำ บริษัทขายบะหมี่แห้งบะหมี่น้ำ-ขายสมุนไพร-ขายเครื่องสำอาง มหาวิทยาลัยเอกชนและอื่นๆ

ใครต่อใครทำ “ทีวีดาวเทียม” กันจนผมตามดูไม่ไหว

ไม่รู้ว่าใครออกจานไหน-ชามไหนกันบ้าง!

เมื่อทราบว่าจะมี Blue Sky Channel เกิดเป็นช่องทีวีใหม่ และสงสัยจะเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็ไม่สบายใจ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็จะเป็นอันตรายและจะเกิดความเสียหายต่อพรรคประชาธิปัตย์ที่ผมหวังพึ่งแทนพรรคเพื่อไทยซึ่งมีช่องทีวีดาวเทียมของคนเสื้อแดงกำลังทำลายพรรคเพื่อไทยอยู่ทุกวันอยู่แล้ว ผมคิดห่วงเช่นนี้ก็โดยความเชื่อในหลักการที่ว่าพรรคการเมืองเป็นผู้เป็นข่าว ไม่ใช่ผู้ทำข่าว ไม่ควรทำข่าวของตนเองหรือทำข่าววิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น เพราะจะขาดควาเมป็นกลาง ไม่น่าเชื่อถือ และจะเป็นที่มาของความขัดแย้งระยะยาว ไม่ต้องพูดเรื่องปรองดองเพราะต่างพรรคต่างคนต่างมีช่องโทรทัศน์ของตนเองต่างมีสื่อวิทยุกระจายเสียง และสื่อสิ่งพิมพ์ ตลอดจนอินเทอร์เน็ตเว็บไซต์ของตนเอง ข่าวสารก็จะลำเอียงไปคนละทิศทาง ประชาชนจะสับสนอลวนเพราะพรรคการเมืองจะตีกันชุลมุนวุ่นวาย ผ่านรายการผ่านสื่อของตนเอง ประชาชนจะหาความจริงที่จริงแท้แน่นอนจากใครกันได้? ผสมกับสภาวะที่สื่อกระแสหลักเป็นสื่อเลือกข้างเข้าไปอีกทบหนึ่งด้วย บ้านเมืองนี้จะหาความจริงจากสื่อใดได้เล่า!

ผมไม่ได้ติดตั้งจานรับสัญญาณดาวเทียมเพื่อรับชม Blue Sky Channel แต่ได้ชมรายการ “สายล่อฟ้า” ผ่าน Youtube หลังจากได้รับแจ้งผ่านเพื่อนทาง Facebook ผมได้ดูช่วงแรกของรายการที่เป็นปัญหาให้ถกเถียงกัน ณ ทีนี้ ความยาว 31.49 นาที

ดูจบแล้วผมก็เห็นความตกต่ำของพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคตได้อย่างแจ่มชัด

หากไม่มีการแก้ไข

หากไม่ยกเลิก Blue Sky Channel

หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ยุติกิจกรรมทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคผ่าน Blue Sky Channel

ผมก็จะไม่ลงคะแนนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในสมัยเลือกตั้งครั้งหน้า อย่างแน่นอน

เฉพาะช่วงที่หนึ่งของรายการ คุณชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต, คุณศิริโชค โสภา, และคุณเทพไท เสนพงศ์ เริ่มต้นพูดคุยกันอย่างสรวลเสเฮฮา ขาดความสำรวม คุยกันเชิงเสียดสี กล่าวหาทางอ้อม ต่อนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในเรื่องเหตุการณ์อันไม่กระจ่างเมื่อบ่ายวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555 ตอนที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปบนชั้น 7 ของโรงแรม Four Seansons เป็นการส่วนตัวนานเกือบสองชั่วโมง โดยตลอดเวลาของรายการผู้ร่วมรายการทั้งสามพยายามคุยให้เห็นว่า:

นายกฯ ยิ่งลักษณ์น่าจะไปมีอะไรกับใครก็ไม่รู้ที่ชั้น 7 ของโรงแรม

และอะไรที่ว่านั้น น่าจะเป็นเรื่องการไปมีเพศสัมพันธ์กันกับผู้ชายคนหนึ่ง

ทั้งสามคน: คุณชวนนท์ อินรโกมาลย์สุต, คุณศิริโชค โสภา, และคุณเทพไท เสนพงศ์ ไม่เคยพูดอะไรตรงๆ ให้ชัดเจน ไม่แสดงหลักฐานอะไร แต่ก็พยายามพูดวกวนไปมาเกี่ยวกับเรื่องที่มีความหมายเชิงเพศสัมพันธ์ ดังลำดับตัวอย่างต่อไปนี้:

• รายการเริ่มต้นด้วยการบ่นของผู้ดำเนินรายการว่าอากาศร้อนรุ่มอย่างไรชอบกล

• คุณเทพไท ก็อธิบายว่า “ร้อนรุ่ม” เป็นอาการร้อนภายในร่างกาย

• คุณศิริโชคก็ว่าไปถึงเรื่องปัญหาน้ำท่วมว่าอาจจะเป็นเรื่องร้อน แล้วแสดงวาจาเสียดสีหยาบโลนว่าเป็นเรื่อง “ร้อนรุ่ม”เกี่ยวกับ “น้ำออก-น้ำเข้า”

• แล้วทั้งสามคนก็เชิญชวนให้ผู้ชมส่งข้อความสั้น หรือ SMS เข้ามาให้ความเห็นว่า ที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปโรงแรม Four Seasons นั้น ไปทำอะไรแน่ ให้ผู้ชม “ใช้จินตนาการ” เอาตามสบาย เพราะไม่มีใครรู้อะไรจริงอยู่แล้ว และนายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็ไม่อธิบายให้กระจ่าง

• ถึงตอนนี้ ที่ว่าให้ผู้ชมใช้จินตนาการเอาถึงเรื่องนายกฯ ยิ่งลักษณ์ “โดดภารกิจของรัฐสภา” ไปอยู่กับใครก็ไม่ทราบบนชั้น 7 ของโรงแรมนั้น

• คุณเทพไทก็เสริมขึ้นมาว่าการไปภารกิจที่เรียกกันติดปากว่า “ว.5” นั้นจะต้องส่งข้อความ SMS มาออกอากาศให้เหมาะสม “ให้ผ่าน กบว.” ด้วย (ซึ่งก็หมายความว่าข้อความต้องสุภาพ หากมีข้อความไม่สุภาพหยาบโลนอาจจะไม่ผ่านการตรวจของคณะกรรมการบริหารกิจการวิทยุโทรทัศน์ หรือ กบว. แม้ปัจจุบันกรมประชาสัมพันธ์จะไม่มีงาน กบว. แล้ว แต่การใช้คำว่า “กบว.” ในทีนี้ก็เป็นการพูดโดยเปรียบเทียบกับความเข้มงวดของการตรวจรายการโทรทัศน์ก่อนออกอากาศในอดีตเท่านั้น หากมี กบว. อยู่ เวลานี้รายการ “สายล่อฟ้า” ก็คงมิได้มีวันได้รับอนุญาตให้ออกอากาศแน่ๆ)

• คุณชวนนท์เสริมว่าอย่าส่งข้อความที่มีอะไรทำนองไม่ชัดเจนคือ “อย่าให้ลับๆ ล่อๆ”

• คุณศิริโชค แทรกทันทีว่า “ลับได้ แต่อย่าล่อ”

• จากนั้นก็ทำเฉไฉไปพูดเรื่องการไปพักโรงแรมโดยบอกว่าคนมีบ้านอยู่แล้วก็ควรไปเปลี่ยนบรรยากาศที่โรงแรมกันบ้าง ไปพรรคห้องสูท (suite) หรือห้องชุดใหญ่เลยน่าจะดี จากนั้นคุณศิริโชคก็อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์โดยไม่ได้อ้างว่าอ่านจากหนังสือพิมพ์ฉบับใด ว่าด้วยเรื่องนายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปทำกิจกรรมส่วนตัว “ว.5” บนโรงแรมแล้วกลับมาประกอบภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลจน “เหน็ดเหนื่อย”

• จากนั้นผู้ร่วมรายการทั้งสามคน ก็พูดสองแง่สองง่ามเรื่องอาการเหน็ดเหนื่อยของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ทำนองว่า แค่ไปเสริมสวยหรือไปพูดคุยที่โรงแรมจะมีอะไรให้เหนื่อยได้อย่างไร หรือว่าไปทำอะไรอื่นที่ทำให้ “เหนื่อย” เพราะนายกฯ ก็เป็นคนสวยอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องไปเสริมสวยอะไรกันอีกให้เหนื่อย

• แล้วนักการเมืองระดับผู้นำของพรรคประชาธิปัตย์ก็คุยกันต่อไปอย่างไม่ยั้งคารมเสียดสีสองแง่สองง่าม คุยกันนานเรื่องเสริมสวย สปา ประคบหิน “ปูอบวุ้นเส้น” แล้วอธิบายเรื่องเส้นทางหลบนักข่าวของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จากทำเยียบรัฐบาลขึ้นทางด่วนยมราช แล้วไปลงทางลงพระราม 6 อ้อมไปตลาด อตก. วกวนอ้อมไปจนถึงโรงแรม Four Seasons ผู้ร่วมรายการ “สายล่อฟ้า” ทั้งสามสนุกสนานกับข่าวที่ไม่อ้างที่มา พยายามต่างๆ นานาจะทำให้เชื่อว่าเป็นความจริงว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์หลอกล่อนักข่าวที่ตามมาให้หลงทางเพื่อนายกจะได้ไปโรงแรม Four Seasons โดยนักข่าวตามไม่ทัน แล้วตั้งคำถามว่า “ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น?”

• คุณเทพไทเริ่มเสียดสีอย่างไม่เกรงใจใครเรื่องที่ว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์อาจไปเสริมสวย รอยคิ้ว และอะไรต่อมิอะไรที่อาจจะมีของแท้และของปลอมอยู่บนใบหน้า

• คุณเทพไทพูดแบบกว้างๆ เรื่องหน้าผู้หญิงที่ต้องเสริมสวย โดยไม่เจาะจงว่าจะเป็นหน้านายก “ปูอบวุ้นเส้น” ตามสำนวนเสียดสีของคุณศิริโชค

• คุณศิริโชคใช้คำว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ “สับขาหลอกนักข่าว” ให้หลงทางตามไปไม่ถูก ไม่ถึงโรงแรม แล้วก็ยกเรื่อง “ทฤษฎีวิวัฒนาการ” หรือ “Evolution” ของ Charles Darwin (On the Original of Spicies-1859) แล้วอธิบายเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตจนถึงขั้นที่ “คางคกเลี้ยงแกะได้” มาถึงตอนนี้ก็ยากที่จะเข้าใจได้ชัดเจนว่าคุณศิริโชคตั้งใจจะ “ด่า” ใครว่าเป็น “คน” ที่วิวัฒนาการร่างกายมาเป็น “คางคก” ซึ่งจะให้คิดไปว่าจะเป็นคางคกขึ้นวอ หรือคนต่ำชั้นได้ตำแหน่งสูงที่ไหนอย่างไรก็สุดจะคาดเดาเพราะคุณศิริโชคเปลี่ยนใจไม่ขยายความต่อให้ชัดเจน

• จนกระทั่งคุณชวนนท์เอ่ยทำนองดูถูกเหยียดหยามเรื่องคุณอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกรัฐบาล ว่ามาแถลงข่าวปกป้องนายกฯ ยิ่งลักษณ์เพราะอยากเลื่อนขั้นจากรองโฆษกฯ ไปเป็นโฆษกรัฐบาล ทั้งๆ ที่ในความเห็นของคุณชวนนท์ไม่มีความรู้ความสามารถอะไรเลย...ถึงตอนนี้ผู้ชมก็ต้อง “จับแพะชนแกะ” กันเอาเองอย่างไม่รู้อะไรผิดอะไรถูกว่าใครคือคางคกที่อยากขึ้นวอแต่กลับกลายเป็น “เด็กเลี้ยงแกะ” ไปในที่สุด

ความหยาบโลนของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสามมาปรากฏชัดเจน เมื่อนำภาพประดิษฐ์ใหม่โดยกระบวนการคอมพิวเตอร์กราฟฟิคส์ไม่ใช่ภาพจากเหตุการณ์จริงเอามาจากที่ไหนก็ไม่อ้าง นอกจากจะบอกว่ามีคนเขาทำกันในอินเตอร์เน็ต เป็นภาพแผ่นป้ายแขวนที่ประตูห้องโรงแรม พิมพ์คำว่า:

“Do not disturb” (แปลว่า “อย่ารบกวน”)

แล้วเปลี่ยนเป็นภาพป้ายแขวนที่เดิม แต่มีข้อความใหม่ว่า:

“เอาอยู่”

(คงจะให้ความหมายว่า “กำลังร่วมเพศกันอยู่”)

นี่เป็นช่วงหยาบโลน กักขฬะ หยาบคาย ไร้สมบัติผู้แทนราษฎรผู้ดีอย่างที่สุด ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องรรยาบรรณวิชาชีพสื่อสารมวลชน ที่ไม่สามารถจะมาเรียกร้องเอาจากนักการเมืองแบบนี้ได้

• คุณชวนนท์เสริมตามมาด้วยความหยาบคายอีกว่าที่ติดป้ายเช่นว่านั้นหมายความว่า:
“ห้องนี้แขกกำลังเอากันอยู่”

• คุณศิริโชคเติมว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์นั้นต้องเรียกว่า:

“ปู Four Seasons” หรือ “ปูสี่ฤดู” : คุณเทพไทบอกว่าให้เรียก “ปูเอาอยู่”

จากนั้นทั้งสามคนก็เห็นพ้องต้องกันว่าเรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์จะตั้งกระทู้ถามในสภาผู้แทนราษฎรโดยคุณเทพไทบอกว่าจะให้คุณรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงครามเป็นคนตั้งกระทู้เพราะเป็นนางพยาบาล ย่อมจะมีความเข้าใจเรื่องนายกฯ ยิ่งลักษณ์กับการพบบุคคลบนชั้น 7 ของโรงแรมดี

จากนั้นทั้งสามคนก็พุดเชิงดูถูกนายกฯ ยิ่งลักษณ์ในทำนองที่ว่า “คุณยิ่งลักษณ์แก” ชอบมอบให้รัฐมนตรีอื่นมาตอบคำถามแทน อาจเป็นเพราะว่าไม่มีความสามารถตอบคำถามด้วยตัวเองได้

ต่อมาก็หันมาวิจารณ์เรื่องการจัดงานเลี้ยงเพื่อความปรองดองที่ทำเนียบรัฐบาลที่ใช้เงิน 10 ล้านบาท แล้วแนะว่าน่าจะไปจัดที่โรงแรม Four Seasons แล้วเปิดห้องสูทที่ Four Seasons ด้วยเลยจะดีกว่า

• คุณชวนนท์ก็บอกว่างานเลี้ยงที่ทำเนียบรัฐบาลคือ “ปาร์ตี้เอาอยู่”

• คุณศิริโชคกลับมาเรื่องระบายน้ำจากเขื่อน พูดสองง่ามสองแง่ว่า: นายกฯ “พร่องน้ำเร็วจนเกินไป”

• คุณชวนนท์เสริมว่า “นายกสนใจเรื่องน้ำบ่อปลาหน้าโรงแรม Four Seasons”

• แล้วก็ตำหนิคุณยิ่งลักษณ์ว่าไม่สนใจปัญหาน้ำท่วมเอาแต่ไป “นั่งฟังเพลง จิบแชมเปญ จิบไวน์” ไม่ใส่ใจปัญหาของประชาชน แล้วก็ย้ำว่า: “รัฐบาลน่าจะมีสำนึกดูแลประชาชนบ้าง”

• คุณชวนนท์บอกว่าหลังเหตุการณ์ที่โรงแรม Four Seasons แล้วดูเหมือนว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ “จะมีท่าทางงงๆ เหมือนกับจะเสียศูนย์”

• คุณศิริโชคเติมอีกว่านายกคงไม่ได้โดน “เล่นของ” หากแต่น่าจะ “โดนของเล่น” มากกว่า

รายการ “สายล่อฟ้า” ช่วงที่ให้ร้ายนายกฯ ยิ่งลักษณ์โดยนักการเมืองสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ระดับ ส.ส.อาวุโสและระดับผู้บริหารก็จบลง

ทิ้งไว้ให้ผู้ชมรายการคิดต่อไป...

ผมคิดได้ทันทีว่า:

1. พรรคประชาธิปัตย์ท่าจะ “เอาตัวเองไม่อยู่แล้ว” หากจะให้อยู่ในร่องในรอยของความเป็นพรรคการเมืองระดับชาติที่มีประวัติอันยาวนานกว่าพรรคใดต่อไป พรรคประชาธิปัตย์ต้องหยุดทำในสิ่งที่ไม่พึงกระทำเช่นนี้ทันที

2. พฤติกรรมของสมาชิกพรรคระดับแนวหน้าหยาบคาย หบายโลน ไร้สติ สิ้นจริยธรรม ดังปรากฏในช่วงเวลาออกอากาศ 31.49 นาทีของรายการ “สายล่อฟ้า” นี้ ถ้าเป็นนักการเมืองที่ดี จะพูดโดยไม่รับผิดชอบเช่นนี้ไม่ได้ นักการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชนจะขาดจริยธรรม ไร้กริยามารยาท ขาดความเป็นผู้มีสมบัติผู้ดีในการพูดในที่สาธารณะเช่นนี้ไม่ได้

3. บุคคลทั้งสามเป็นนักการเมืองระดับผู้นำและเป็นผู้บริหารของพรรคมีการศึกษาสูงด้วยกันทั้งสามคนมีประวัติการทำงานการเมืองมายาวนาน เหตุไฉนจึงไม่ได้พัฒนาคุณภาพของตนเองให้ถึงระดับเป็นผู้มีวัฒนธรรมประชาธิปไตยได้ เหตุใดจึงแสดงความคิดเห็นแบบไม่มีข้อมูลไม่รับผิดชอบ เอาแต่พูดให้ “สนุกปาก” พูดไปเรื่อยๆ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสาธารณชน และความเสียหายต่อผู้ที่ถูกพาดพิงถึงโดยเฉพาะนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

4. เรื่องของนายกฯ ยิ่งลักษณ์บนชั้น 7 ของโรงแรม Four Seasons ที่ว่าเป็นความลึกลับที่ประชาชนอยากรู้นั้นแน่นอนและนายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็ยังไม่ตอบให้หายสงสัย จึงมีเหตุผลชอบธรรมที่จะตั้งข้อสงสัยต่อไป อย่างน้อยสองเรื่อง: คือเรื่องชู้สาวคาวโลกีย์เรื่องหนึ่ง กับเรื่องธุรกิจส่วนตัวที่นายกฯ ไม่ต้องการบอกใครอีกเรื่องหนึ่ง หากทั้งสองเรื่องนี้หรือเรื่องหนึ่งเรื่องใดที่สังคมสงสัย จะมีผลกระทบต่อบ้านเมือง ไม่ว่าในทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือศีลธรรมและจริยธรรมของผู้นำประเทศ ถือเป็นหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้วที่จะต้องติดตามค้นหาความจริง แล้วนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชน แต่การสืบหาความจริงต้องทำเป็นระบบ เป็นวิทยาศาสตร์ เป็นเหตุเป็นผล พรคประชาธิปัตย์ต้อง “ตามล่าหาความจริง” ด้วยกระบวนการสืบสวนสอบสวนทั้งทางลับและทางการ โดยใช้กลไกของพรรคและกลไกของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญและตามกฎหมาย

จับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ให้ได้...ไล่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ให้ทัน

เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ

หรืออาจจะเพื่อภาพพจน์และความโปร่งใสของนายกฯ ยิ่งลักษณ์เองด้วย

พรรคประชาธิปัตย์ต้องทำงานหนักและทำงานจริงมากกว่านี้...

มากกว่าจะให้สมาชิกพรรคมาพูดกล่าวหา เสียดสี ดูหมิ่นดูแคลนนายกฯ ยิ่งลักษณ์เอาตามอารมณ์ของตน

หวังว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคการเมืองที่มี “ระดับ” มากกว่านี้

วันเวลาของนักการเมืองไร้สาระหมดลงแล้ว นักการเมืองที่มีแต่สำนวนโวหารแต่ขาดเนื้อหาไม่ควรจะมีที่นั่งในหัวใจของประชาชนอีกต่อไปแล้ว หากคนในพรรคประชาธิปัตย์ส่วนหนึ่งปฏิรูปตัวเองไปแล้ว แต่ยังเหลืออีกสามคน หรือมากกว่าสามคน ยังไม่ปฏิรูปตนเอง หรือปฏิรูปตัวเองไม่เป็น ก็ต้องกำจัดออกไป หรือถ้าส่วนใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์เป็นเช่น
สามคนสามสายล่อฟ้านี้...ก็...

ถึงเวลาแล้วที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องปฏิวัติตัวเองใหม่หมดทั้งพรรค

ไม่อย่างนั้นก็หมดเวลา

5. พรรคการเมือง ไม่ใช่สื่อสารมวลชน และนักการเมืองก็ไม่ใช่สื่อมวลชน คุณชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต, คุณศิริโชค โสภา, และ คุณเทพไท เสนพงศ์ เป็นนักการเมืองซึ่งควรมีบทบาทเป็นผู้ “ถูกสื่อมวลชนสัมภาษณ์” มิควรมาเป็นสื่อมวลชนเสียเอง หากมาเป็นสื่อมวลชนเสียเองในไม่ช้าก็จะไม่มีใครมาสัมภาษณ์ เมื่อไม่คุ้นเคยกับงานสื่อสารมวลชน เวลามาทำหน้าที่สื่อมวลชนจึงเกิดความผิดพลาดเสียหาย เพราะ:

• จัดรายการก็ไม่เป็น ดำเนินรายการก็ไม่ถูก

• บทที่ควรจะมีก็ไม่มี

• ข้อมูลที่ควรจะสืบค้นก็ไม่สืบหา

• กล้องโทรทัศน์ที่ควรจะไปถ่ายทำผลิตภาพก็ไม่ทำ

• รายการโทรทัศน์ที่ยาวนานเป็นชั่วโมงจึงต้องพึ่งการ “พูดแบบไม่มีหูรูด” กันเต็มเวลา

• ศิลปะการผลิตและสร้างสรรค์รายการโทรทัศน์ที่ดีก็ไม่มีฝีมืออะไรให้เห็น

• รายการ “สายล่อฟ้า” คือ “ขยะ” ตั้งแต่ต้นจนจบรายการ

6. สถานีโทรทัศน์ภาษา Blue Sky Channel นั้นดูองค์ประกอบโดยรวมแล้ว คล้ายจะเป็นสถานีโทรทัศน์ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ไม่มีหลักฐานประกาศชัดแจ้งในที่สาธารณะว่าใครเป็นเจ้าของ จากข่าวที่พอสืบได้พอทราบว่าคุณเถกิง สมทรัพย์เป็นผู้บริหารสถานีและทราบว่าคุณเถกิงเองก็เคยช่วยงานในทีมสื่อประชาสัมพันธ์ของนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมาก่อนหน้านี้ ชื่อช่องก็ “สีฟ้า” สีของพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ทำรายการจำนวนมากในผังรายการก็คนจากพรรคหรือเพื่อนของพรรคประชาธิปัตย์

Blue Sky Channel รับชมได้ผ่านจานส้ม (IPM) ช่อง 23 หรือจานทึบ ปรับสัญญาณไปที่ 11635 Horizontal 27500 Simulate ใช้ดาวเทียม NSS6 KU Band ซึ่งเป็นดาวเทียมของบริษัท SES บริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ Euronext Paris และ Luxemburg Stock Exchange (SESG) เป็นบริษัทที่ให้เช่าช่องสัญญาณดาวเทียมสื่อสารและโทรคมนาคมทั่วโลก มีลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ใครก็ตามที่เป็นเจ้าของ Blue Sky Channel จะเป็นพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ก็ตาม ถือได้ว่าทำธุรกิจออกอากาศรายการโทรทัศน์นอกการกำกับดูแลของกฎหมายไทยและ “คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ – กสทช.” โดยเหตุที่มิได้ใช้ช่อดาวเทียมไทยคมของเราเอง แม้ในโลกที่การสื่อสารเสรีมากจนไม่จำเป็นที่นักธุรกิจสื่อสารมวลชนไทยจะต้องทำธุรกิจออกอากาศรายการโทรทัศน์ภายใต้กรอบจำกัดของกฎหมายไทย แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองของประเทศไทย ควรที่จะทำตนเป็นแบบอย่าง ไม่ทำสิ่งที่ไม่สมควรหรือไม่ถูกต้องตามกรอบจริยธรรมของพรรคการเมืองและนักการเมือง และต้องไม่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายไทย

7. พรรคประชาธิปัตย์คือพรรคการเมืองไหนก็ตาม มีสิทธิที่จะสื่อข่าวสารผ่านสื่อของตนเองและสื่อสาธารณะทุกรูปแบบรวมทั้งสามารถมีสถานีโทรทัศน์ของตนเองได้ แต่ควรจะต้องปฏิบัติให้อยู่ในกรอบของกฎหมายและจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อสารมวลชน และกรอบจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากมีช่องทางสื่อสารของตนเองเช่นสถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ตเว็บไซต์ หรือสื่ออื่นใด ก็ต้องแสดงความโปร่งใส แสดงตน แสดงความเป็นเจ้าของเปิดเผยบัญชีรายชื่อผู้บริหาร ผู้ทำงาน ผู้ถือหุ้น ประกาศนโยบายให้ประจักษ์ในที่สาธารณะและอื่นๆ เพื่อความโปร่งใสชัดเจน ให้ประชาชนทำความรู้จักและพึงระมัดระวังในการรับข้อมูลข่าวสารที่ลำเอียงจากพรรค และหากจะใช้สื่อไปในทางสร้างสรรค์ พรรคประชาธิปัตย์ก็ควรใช้สื่อเพียงเพื่อให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อประโยชน์ในการสร้างสังคมประชาธิปไตยที่ยั่งยืน ไม่ใช้เพื่อทำลายพรรคหรือนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามดังที่กำลังทำอยู่

ผมในฐานะที่มีประวัติชีวิตการลงคะแนนให้พรรคประชาธิปัตย์มามากกว่าพรรคอื่นใดตั้งแต่อายุ 18 จนถึงอายุ 64 ในปีนี้ รู้สึกผิดหวังในบุคคลชั้นนำทั้งสามคนของพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างยิ่งคือ:

คุณชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต,

คุณศิริโชค โสภา,

และคุณเทพไท เสนพงศ์

ความต่ำคุณภาพของสมาชิกพรรคทั้งสามอาจสะท้อนถึงคุณภาพโดยรวมของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย
หากไม่แก้ไขตามที่ใจปรารถนา

ผมจะไม่ลงคะแนนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในสมัยเลือกตั้งหน้าอย่างแน่นอน 
พรรคเพื่อไทย ผมก็จะไม่เลือกเช่นกัน

หากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ไม่ปรับปรุงตัวเอง และหากไม่ชี้แจงให้ผมกระจ่างในเรื่องเกิดขึ้นบนชั้น 7 ของโรงแรม Four Seasons และหากไม่เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีคุณภาพให้ผมภูมิใจได้
พรรคประชาธิปัตย์ ผมก็จะไม่เลือก
พรรคเพื่อไทยผมก็จะไม่เลือก
ผมจะอยู่เป็นพลเมืองไทยที่ไร้รัฐบาลไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต!

สมเกียรติ อ่อนวิมล
19 กุมภาพันธ์ 2555

 

อ้างอิง :
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=pgj7pgiijv0http://www.ses.com/4232583/en 
http://www.lyngsat.com/tvchannels/th/Bluesky-Channel.html

 

 
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net