Skip to main content
sharethis

ทีมสอบ 4 ศพ ยันปืนข้างศพไม่ใช่ของชาวบ้าน ปลอกกระสุนในรถเป็นของทหารพราน ไม่พบเขม่าทีมือคนเจ็บ นัดแถลงผล 20 มีนา พร้อมเสนอ 6 ข้อ ตั้งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ที่มีประชาชนร่วม จับทหารตรวจสุขภาพจิตป้องกันก่อนเหตุซ้ำ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 มีนาคม 2555 ที่โรงแรมบีพี แกรนด์สวีท อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีบ้านกาหยี ตำบลปูโละปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานีครั้งที 5 มีผู้เข้าประชุมประมาณ 13 คน มีนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี เป็นประธาน

ที่ประชุมมีมติรับรองรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ทหารพราน 3 คนยิงปืนเข้าใส่รถกระบะที่มีชาวบ้านโดยสารมา 9 คน ซึ่งกำลังเดินทางไปงานละหมาดศพ ทำให้มีชาวบ้านเสียชีวิต 4 คน บาดเจ็บ 3 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2555 ที่บ้านปุโละปุโย อำเภอหนอกจิก จังหวัดปัตตานี ความยาว 11 หน้า อย่างเป็นเอกฉันท์ โดยจะจัดลงนามรับรองและแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มีนาคม 2555 ที่จังหวัดปัตตานี

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับรองข้อเสนอด้านนโยบาย 6 ข้อ ประกอบด้วย 1.ขอให้ยอมรับข้อเท็จจริงและแถลงต่อสาธารณชนให้เป็นที่ประจักษ์เพื่อความเข้าใจที่ดีต่อกัน 2.ให้ชดใช้เยียวยา 3.การดำเนินคดีตามกฎหมายกับเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำผิดเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

4.การรณรงค์ให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของกระบวนการชันสูตรศพและการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ในกรณีการตายที่มีความเคลือบแคลงสงสัย 5.การตั้งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็นอิสระ โดยประกอบไปด้วยภาครัฐ ตัวแทนภาคประชาชน ผู้นำศาสนาและนักวิชาการที่ทุกฝ่ายยอมรับ และ 6.การเพิ่มการตรวจตราสอดส่องสภาวะทางจิตใจของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงที่ต้องทำงานภายใต้ความกดดันและอันตรายเป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน

ก่อนลงมติที่ประชุมได้อภิปรายร่างรายงานดังกล่าว โดยมีข้อสรุปว่า จากการประมวลหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ว่า อาวุธปืนอาก้า (AK-47) ที่ตกอยู่ที่บริเวณหัวเข่าของชาวบ้านที่เสียชีวิต อยู่ที่บริเวณห้องโดยสารด้านหน้า และปืนพกสั้น (ขนาด .45) ที่ตกอยู่ระหว่างศพ 2 ศพในบริเวณกระบะบรรทุกด้านหลังไม่ใช่ปืนของชาวบ้านที่โดยสารมาในรถคันดังกล่าว

คณะกรรมการสรุปว่า จากการตรวจสอบปลอกกระสุนปืนจำนวน 3 ปลอกที่ตกอยู่ในห้องโดยสารพบว่า ไม่ได้ยิงมาจากปืนกระบอกที่พบในรถ แต่กลับถูกยิงมาจากปืน 3 กระบอกของทหารซึ่งเป็นของกลางที่อยู่ในที่เกิดเหตุนั่นเอง ปืนอาก้าในรถและกระสุนเหล่านั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลย นอกจากนี้ยังไม่พบเขม่าดินปืนจากปืนกระบอกนั้น ซึ่งน่าเชื่อได้ว่าปืนนั้นไม่ได้ผ่านการยิงในขณะเกิดเหตุ

ส่วนปืนพกสั้นที่พบในรถนั้น จากการตรวจสอบเขม่าดินปืนพบว่า มีการยิงจากปืนกระบอกดังกล่าวจริง แต่จากการเก็บตัวอย่าง ไม่พบเขม่าดินปืนจากมือของผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คนทำให้ยืนยันได้ว่าพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่คณะกรรมการไม่สามารถตรวจสอบประเด็นเดียวกันนี้กับชาวบ้านที่เสียชีวิตที่ด้านกระบะหลัง 3 คนได้ เพราะญาติไม่ยินยอมให้ตรวจพิสูจน์ จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้เสียชีวิตเป็นผู้ยิงปืนพกสั้นในรถหรือไม่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net