Skip to main content
sharethis

บันทึกลำดับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับขบวนการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนคนจนไร้ที่ดินลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิการทำอยู่ทำกินบนผืนแผ่นดินแห่งชีวิต จะอีกกี่ปีที่ผ่านไปความอยุติธรรมยังมีอยู่

 
 
ราวกลางปี 2545 ได้เกิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการปฏิรูปที่ดินไทย เมื่อกลุ่มประชาชนคนจนไร้ที่ดินลุกขึ้นมาคัดค้านการต่อสัญญาเช่าพื้นที่สวนป่านับหมื่นไร่เพื่อปลูกปาล์มน้ำมันของกลุ่มนายทุนใน จ.สุราษฎร์ธานีและ จ.กระบี่ พร้อมเรียกร้องให้รัฐนำพื้นที่เลิกสัญญาเช่ามาปฏิรูปให้กับเกษตรกรรายย่อยที่ไม่มีที่ดินทำกินและมีที่ดินทำกินไม่เพียงพอ
 
จากข้อเรียกร้องดังกล่าวมีผู้รวมลงชื่อต่อสู้เรียกร้องที่ดินทำกิน ประมาณ 25,000 ครอบครัว ในนาม “เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้”
 
การต่อสู้ใช้เวลาประมาณปีเศษ “กลุ่มเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้” ได้ถูกคุกคามต่างๆ นาๆ และในที่สุด เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2546 เจ้าหน้าที่รัฐ ประมาณ 2,000 นาย ได้เข้าสลายการชุมชนของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนภาคใต้
 
การสลายการชุมนุมในครั้งนั้นส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมต้องเปลี่ยนยุทธวิธีการต่อสู้เรียกร้องสิทธิจากกลุ่มใหญ่กระจายเป็นกลุ่ม ก๊ก ตามจังหวัดต่างๆ
 
ผ่านไป 9 ปี แม้บางท่านอาจจะลืมเลือนกันไปบ้างแล้ว แต่ ณ ปัจจุบัน ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานียังคงมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ยืนหยัดต่อสู้เรียกร้องสิทธิในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย โดยยึดตามหลักการสิทธิขั้นพื้นฐานของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
 
กระทั่งเมื่อประมาณปี 2551 คนจนเหล่านั้นที่ยังมีอุดมการณ์ร่วมกันได้กลับมารวมกลุ่มต่อสู้เรียกร้องสิทธิ์อีกครั้งในนาม “สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.)” โดยมีสมาชิก 3 ชุมชน คือ 1.ชุมชนสันติพัฒนา 2.ชุมชนไทรงาม (1, 2, 3, 4) 3.ชุมชนคลองไทรพัฒนา มาจนถึงปัจจุบัน
 
ในระหว่างการเรียกร้องสิทธิ์ครั้งนี้ กลุ่มนายทุนและนักการเมืองท้องถิ่น ผู้เสียผลประโยชน์ ได้กระทำทุกวิถีทางในการที่จะสลายกลุ่มคนจน ไม่ว่าจะเป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา ปัจจุบันมีผู้ถูกฟ้องร้องดำเนินแล้ว จำนวน 26 คน หรือด้วยการใช้อำนาจอิทธิพลมืดข่มขู่ คุกคาม
 
เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นต่อเกษตรกรคนจนถูกบันทึกไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า
 
ความรุนแรงในชุมชนคลองไทรพัฒนา กับชีวิตที่ถูกเซ่นสังเวย
 
9 สิงหาคม 2552 เวลา 06.30 น.มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 40 คัน รถปิ๊กอัพ นำโดยผู้บังคับการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และกำลังตรวจจากสถานีตำรวจชัยบุรี เข้าไปตรวจค้นอาวุธและยาเสพติดในชุมชน ตรวจค้นอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทยอยกลับ ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ถืออาวุธปืนยาวหลายคนและรถไถหลายคันเข้าพังรั้วบ้าน ทำลายทรัพย์สินและบ้านเรือนของสมาชิกชุมชนจนได้รับความเสียหายจำนวนทั้งสิ้น 60 หลังคาเรือน ซึ่งสมาชิกได้ดำเนินการแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับแจ้งว่าให้ไปดำเนินการแจ้งความที่สถานีตำรวจ เมื่อเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรชัยบุรี กลับไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนใดรับเรื่องดังกล่าว
 
29 ธันวาคม 2552 เวลา 12.05 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ พ.ต.ท. จาก สภ.อ.เขาพนม จ.กระบี่ มาพร้อมกับ ผู้จัดการบริษัทจิวกังจุ้ย พัฒนาจำกัด และพวกอีก 5 คน ใช้รถปิ๊กอัพ 2 คัน เข้ามาในชุมชนคลองไทรพัฒนา และสอบถามข้อมูลต่างๆ จากสมาชิกชุมชน เนื่องจากสมาชิกบางคนในชุมชนไม่ให้ความร่วมมือ หนึ่งในนั้นคือนายอภินนท์ สังข์ทอง ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกนายตำรวจยศ พ.ต.ท. ผู้นี้ตบหน้า เมื่อนายอภินนท์จะเอากล้องถ่ายรูปบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน นายตำรวจและพวกได้ใช้อาวุธปืนจี้ที่หน้าอกนายอภินนท์ และ ภรรยา จึงเป็นเหตุให้ไม่ได้ภาพไว้เป็นหลักฐาน กระทั่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เดินทางออกไปจากชุมชน
 
11 มกราคม 2553 เวลา 19.00 น. ได้มีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองและปืนเอ็ม.16 กราดยิงเข้าใส่วงสนทนาของกลุ่มชาวบ้าน ขณะรับประทานอาหารค่ำที่หน้ากระท่อมที่พักของนายฟอง ขุนฤทธิ์ ซึ่งมีนายสมพร พัฒนภูมิ เพื่อนบ้านมานั่งอยู่ด้วย กระสุนปืนถูกนายสมพร พัฒนภูมิ เสียชีวิต หลังจากวิ่งหนีมาได้ประมาณ 10 เมตรเศษ ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำตรวจ สภ.อ.ชัยบุรี ได้ตรวจพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง 1 ปลอกและปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 7 ปลอก
 
มีข้อสังเกตว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์กราดกระสุนปืนใส่กลุ่มสมาชิกชุมชนคลองไทรฯ ที่หน้ากระท่อม ของนายฟอง ขุนฤทธิ์ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่าพบเห็นผู้จัดการบริษัทเจ้าของสวนปาล์มซึ่งเป็นคู่กรณีกับชาวบ้านเข้ามาเดินอยู่ในชุมชนโดยเฉพาะบริเวณด้านหลังที่เกิดเหตุ
 
 
19 กรกฎาคม 2554 มีกลุ่มคนใช้รถแบ็คโฮ ทำลายบ้านนายยงยุทธ
 
22 กรกฎาคม 2554 มีกลุ่มคนยิงปืนข่มขู่ ซึ่งเสียงปืนดังเป็นชุดบริเวณด้านข้างชุมชน และได้มีการยิงปืนเข้าใส่บ้านนางสาวรัตน์ อินทองคำ
 
23 กรกฎาคม 2554 มีกลุ่มคนใช้ไฟเผาบ้านนายสมหมาย ลิกชัย
 
25 กรกฎาคม 2554 มีกลุ่มคนใช้ไฟเผาบ้านนายโชคชัยและบ้านรับรองแขกของชุมชน
 
26 กรกฎาคม 2554 มีกลุ่มคนใช้ไฟเผาบ้านนายสมบัติ วงค์ปนทอง
 
28 กรกฎาคม 2554 มีกลุ่มคนใช้ไฟเผาบ้านนางพิน โมกสุวรรณ และบ้านนายพิพัฒ พูนปาน
 
29 กรกฎาคม 2554 มีกลุ่มคนใช้ไฟเผาบ้านนายสุชา บุญขำ
 
31 กรกฎาคม 2554 มีกลุ่มคนใช้ไฟเผาบ้านนางกระจาย บุญขำ และบ้านนายสมชาย สมทรัพย์
 
23 กันยายน 2554 มีกลุ่มคนใช้ไฟเผาบ้านนางเจียน ช่วยรักษา
 
 
ไทรงามพัฒนา ชุมชนกลางเขม่าปืน ถิ่นอิทธิพลเถื่อน
 
7 ตุลาคม 2554 เวลา 11.30 น. นายสุนทร หรือ สุน ช่วยบำรุง พร้อมพวกรวม 4 คน พกพาอาวุธปืนเอามาข่มขู่กลุ่มสมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ถึงภายในชุมชนไทรงามพัฒนา โดยใช้รถยนต์อีซูซุสีขาวไม่ปิดป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน รถยนต์อีซูซุสีดำ ทะเบียน บท.3512 กระบี่ จำนวน 1 คัน เป็นยานพาหนะ
 
นายสมศักดิ์ เพชรจุ้ย หัวหน้าชุมชนไทรงามพัฒนา และอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) ได้แจ้งให้ พ.ต.ท.สำเริง ชูไชย และคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้เดินทางมาที่ชุมชนทราบถึงรายละเอียด ขณะนั้นนายสุนทร ช่วยบำรุง ได้ขับรถยนต์สีขาวผ่านมา พ.ต.ท.สำเริง ชูไชย จึงเรียกให้หยุดรถเพื่อทำการตรวจค้นแต่นายสุนทร ช่วยบำรุง ขัดขืนไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ไล่ติดตามไป และมีการใช้ปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเกิดการปะทะกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงล้อรถยนต์ และจับกุมตัวนายสุนทรช่วยบำรุง กับพวก 2 คน พร้อมอาวุธปืนขนาด 11 มม. 1 กระบอก ขนาด .22 แมกนั่ม 1 กระบอก อาวุธปืนลูกซองยาวบรรจุ 3 นัด 1 กระบอก อาวุธปืนไรเฟิล จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนจำนวนมาก ส่งร้อยเวรดำเนินคดี
 
9 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 14.00 น. มีคนร้ายขับรถกระบะวีโก้ สีฟ้า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มีชายฉกรรณ์นั่งกระบะท้ายประมาณ 13 คน ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่สมาชิก แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
 
แม้ความรุนแรงไม่ยุติ แต่การเรียกร้องสิทธิ์ของคนจนไร้ที่ดินก็ยังต้องดำเนินต่อ
 
จากเหตุการณ์ความรุนแรงทั้งหมด กลุ่มทุนและผู้มีอิทธิพลใช้ทุกวิธีการที่จะดำเนินการทำลายการต่อสู้ของประชาชนมาโดยตลอด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยเป้าหมายของการได้มาซึ่งสิทธิในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ซึ่งส่งผลให้หัวใจอันกล้าหาญอันมิยอมสยบต่ออำนาจใดๆ
 
 
ขบวนการเรียกร้องสิทธิ์ของประชาชนคนจนไร้ที่ดินยังคงดำเนินต่อไป ไม่ว่าภัยอันตรายใดๆ ทั้งการทำร้ายร่างกายหรือกระทั่งเอาชีวิตก็มิอาจหยุดการต่อสู้เรียกร้องในที่ดิน เพราะที่ดินสำหรับพวกเขาคือชีวิต เป็นแหล่งผลิตอาหาร ทำให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ ที่ดินสำหรับเกษตรกรจึงมีความสำคัญ ต่างจากกลุ่มนายทุนที่มองที่ดินเป็นทรัพย์สินเพิ่มความร่ำรวยหรือสะสมความร่ำรวยให้กับตนเอง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดการต่อสู้แย่งชิง
 
อีกประเด็นที่เราในฐานะคนไทยอยู่ในบ้านเมืองเดียวกัน กฎระเบียบเดียวกัน จะต้องจับตามองคือทุกเหตุการณ์ความรุนแรงส่วนใหญ่ตัวละครในแต่ละเหตุการณ์จะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องอยู่ จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถจับกุมและหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีได้แต่อย่างใด
 
ตราบใดที่ผู้บังคับใช้กฎหมายในรูปแบบเอารัดอาเปรียบประชาชน และการเลือกปฏิบัติ แม้จะ 9 ปีผ่านไป หรือจะอีกกี่ปีก็ตาม ขบวนการต่อสู้ของคนจนก็จะยังคงมีให้เห็นและเป้าหมายในการเรียกร้องสิทธิในที่ดินทำกินก็จะยังคงไม่เปลี่ยนไปเช่นกัน 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net