Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เขียนที่ ไหนสักแห่ง
10 เมษายน 2555

เรียนคุณสังคมที่รักและเคารพ
ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงคุณสังคม เพื่อสอบถามสารทุกข์สุขดิบว่าเป็นอย่างไร เพราะทราบว่าเพิ่งสูญเสียญาติผู้ใหญ่ไป หวังว่าคุณจะหายโศกเศร้าแล้ว แต่วันที่ผมเขียนจดหมายนี้ไม่ทราบว่าคุณยังจำได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อปี 2553 ตอนตะวันใกล้ลับขอบฟ้า ผมคิดว่าคุณคงจำไม่ค่อยได้แล้วหรือจำได้ก็คงเลือนรางทั้งๆ ที่เวลาผ่านมาเพียงช่วงไม่กี่ปี วันนั้นมีคนใส่เสื้อแดงกลุ่มหนึ่งมาชุมนุมด้วยความเชื่อทางการเมืองแบบหนึ่ง ที่เชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ เค้าเหล่านั้นออกมาเรียกร้องให้พิสูจน์เจตจำนงของประชาชนด้วยการยุบสภาและให้มีการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่เขาได้ตอบรับในวันนั้นคือการเข้าล้อมปราบด้วยกระสุนจริงแต่ประดิษฐ์ถ้อยคำว่า มาขอพื้นที่คืน คุณสังคมคงพอรำลึกถึงได้แม้จะพยายามให้บิดเบือนอย่างใดก็ตาม พยายามนำกระแสธารวาทกรรมต่างๆ มาชำระล้างความจริงแท้ให้ออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์สักเพียงใด แต่สิ่งที่ไม่ได้จางหายไปคือ ภาพชีวิตที่ร่วงหล่น โลหิตที่ไหลนองบนพื้นถนนและสาดกระเซ็นใส่เสื้อสีแดง ที่แม้มันจะสีเดียวกันกับเลือดแต่ก็มองเห็นได้เด่นชัดเมื่อเปรอะเลอะเนื้อตัว เสียงกระสุนปลิวว่อนตัดอากาศมาปะทะร่าง ปะปนกับเสียงโห่ร้องพร้อมร่ำไห้กับชะตากรรมของผู้ร่วมอุดมการณ์ คุณสังคมพอระลึกได้หรือไม่ครับ ท่ามกลางช่วงเวลาที่ผู้คนเรียกหาการให้อภัย การปรองดอง เรียกร้องให้ลืมอดีตเสีย แต่ผมและเหล่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์คงลืมไม่ได้ แต่ก็ได้แต่กล้ำกลืนเพราะมีคนบอกว่าเราต้องเดินหน้าเพื่อสิ่งที่เรียกว่าการพัฒนาของประเทศ ผมคงไม่ขออะไรคุณสังคมมาก เพียงขอมาปรับทุกข์แบบเล่าสู่กันฟัง

คุณสังคมครับ ช่วงนี้พอจะได้เจอกับท่านอดีตนายกและรองนายกผู้สั่งการในเหตุการณ์นั้นบ้างหรือไม่ครับ ถ้าเจอพวกเค้าหรือคนในพรรคของเค้าฝากความไปบอกกล่าวเขาด้วยครับว่า ท่านเหล่านั้นควรมีความละอายในสิ่งที่ได้กระทำลงไปบ้าง แม้แต่เพียงเล็กน้อยพอให้รู้ว่าท่านยังมีสำนึกแห่งความเป็นมนุษย์ผู้มีศาสนาบ้าง เพราะหลังจากเหตุการณ์ในวันที่ 10 ท่านเหล่านั้นนอกจากสั่งฆ่าเพื่อนเราแล้ว ยังขุดศพเพื่อนเรามาเยาะเย้ยถากถาง ประณามหยามหมิ่น เหยียบหยามใส่ร้ายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คนเจ็บเพื่อนเราถูกใส่ร้าย กล่าวหาคนตายว่าเป็นโจรเผาบ้านเผาเมือง ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นที่ตาย ตายก่อนไฟไหม้ทั้งสิ้น แม้แต่ในวันนี้ท่านเหล่านั้นก็มีการทำกิจกรรมทางการเมืองบริเวณที่เพื่อนเราตาย ความรู้สึกของเราประหนึ่ง ฆาตกรวนเวียนกลับไปที่เกิดเหตุ แล้วถ่มน้ำลายรดหน้าศพ ฝากคุณสังคมไปบอกท่านเหล่านั้น ได้โปรดหยุดทำอะไรที่หมิ่นหยามน้ำใจกันบ้างเถิดครับ

สุดท้ายนี้ผมฝากถึงคุณสังคมโดยตรงนะครับ ฝากให้คุณสังคมกลับไปเรียนรู้ประวัติศาตร์การเมืองและนำมาเป็นบทเรียนเสียบ้าง ว่าแนวคิดแบบไหนทำให้คนเป็นอย่างไร การที่คุณสังคมจะรักใครมากเกลียดใครมากนั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะในเมื่อเราบอกว่าเราเป็นประชาธิปไตย แต่กระนั้นการรักใครเกลียดใครก็ไม่ได้หมายความว่าคุณสังคมจะสนับสนุนให้มีการฆ่ากันได้เพียงเพราะปัญหาเรื่องความรักความเกลียดเท่านั้น คุณสังคมต้องหัดเข้าใจและหัดใช้มันสมองคิดไตร่ตรองหาเหตุและผลในเรื่องต่างๆ ใช่แต่เพียงอ่านหัวข้อข่าวจากสื่อมวลชนเลือกข้างเพียงสี่ห้าบรรทัดแล้วท่านก็มาตัดสินเอาเอง คุณสังคมต้องออกจากกะลาทางความคิดล้าหลังที่ครอบงำคุณสังคมเองอยู่แล้วหัดไปดูว่าประเทศอารยะนั้นเค้ามีวิธีใช้เหตุผลกันอย่างไร และไม่ว่าคุณสังคมจะเข้าใจเหตุการณ์ 10 เมษา 53 อย่างไรก็ช่าง แต่ขออย่างว่าอย่าได้ลืมมันไป และจงจำไว้เพื่อเตือนความคิดสติปัญญาว่า คนเราไม่ควรพรากชีวิตผู้อื่นเพียงเพราะเค้าคิดไม่เหมือนกัน

ด้วยความระลึกถึง

10 เมษายน 2555
ปล. ขออุทิศแด่ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net