ชาวแม่รำพึงประกาศชนกลุ่มทุน แจงโดนแจ้งความกว่า 20 คดี หลังตรวจสอบทุนรุกป่าสงวน

19 ชาวบ้าน ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหาย หลังร่วมตรวจสอบการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองแม่รำพึง พื้นที่กว่า 800 ไร่ เดินหน้าแจ้งความกลุ่มทุน พ้อใช้สิทธิปกป้องชุมชน กลับถูกลิดรอนสิทธิโดยไม่ชอบธรรม ทั้งการคืนพื้นที่ยังไม่คืบหน้า

 
 
วันนี้ 16 พ.ค. 55 ที่สถานีตำรวจภูธรบางสะพาน ชาวบ้านตำบลแม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง กว่า 200 คน ยื่นหนังสือต่อตัวแทนนายอำเภอบางสะพานโดยปลัดอาวุโสนายถวิล ฉันทาวรานุรักษ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจบางสะพาน พ.ต.อ.วิติพจน์ พจนาคม และร้อยเวรผู้รับผิดชอบคดีเกี่ยวเนื่องกับการบังคับใช้ ม.25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 พ.ต.ท.ธฤต เรืองเดชา กรณีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองแม่รำพึงของบริษัทในเครือสหวิริยา จำนวน 52 แปลง พื้นที่กว่า 800 ไร่
 
สืบเนื่องจาก กรณีดังกล่าวมีการบังคับใช้ ม.25 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.53 แต่ปัจจุบันคดีความไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งมีความพยายามยัดข้อหา แจ้งความดำเนินคดีกับชาวบ้านที่ติดตามตามตรวจสอบการบุกรุกพื่นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองแม่รำพึง และพื้นที่สาธารณะใน อ.บางสะพาน จำนวน 20 กว่าคดี โดยล่าสุดมีการแจ้งความคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายด้วย
 
“วันนี้ผมเป็นหนึ่งในจำเลยที่ถูกแจ้งความฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่งเป็นเงินเกือบ 900,000 บาท พวกผมโดนฟ้องกันทั้งหมด 19 คน แต่ละคนที่ถูกฟ้องถือว่าเป็นผู้นำชุมชนที่มีความหวงแหนสมบัติของชาติของชุมชน พวกผมไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากการตรวจสอบเรื่องการบุกรุกป่าสงวนนี้ แต่ผมต้องทำเพราะมันคือบ้านผม ลูกหลานผมอยู่ที่นี่ หากเราไม่มีป่าไม้ไว้ให้ลูกหลาน มีแต่อุตสาหกรรมที่มีแต่มลพิษ อีกหน่อยเราก็คงต้องเป็นแบบคนมาบตาพุด” เสกสรร วีรกุล ชาวบ้านผู้ถูกฟ้องคดีกล่าว
 
เสกสรร กล่าวด้วยว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชาวบ้านและแกนนำกลุ่มอนุรักษ์ถูกแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งส่วนตัวถือว่าทุนกลุ่มนี้ไม่มีธรรมาภิบาล พยายามที่จะเป็นศัตรูกับชาวบ้าน และเมื่อคิดเช่นนั้นชาวบ้านก็พร้อมที่จะชนด้วยข้อกฎหมายเช่นกัน โดยในวันนี้จะลงบันทึกประจำวันกับร้อยเวรเป็นหลักฐานก่อนว่าชาวบ้านจะแจ้งความดำเนินคดีกลับกับบริษัทในเครือสหวิริยาเช่นกัน
 
“ก็คอยดูว่าสุดท้ายชาวบ้านที่ต้องสู้เพื่อปกป้องชุมชน ปกป้องตนเองตามสิทธิที่พึงมีตามรัฐธรรมนูญ กับกลุ่มทุนที่มีเงิน มีคนหนุนหลัง เอาพื้นที่ของชุมชนเราหาผลกำไรมายาวนานกว่า 20 ปี แต่คดโกงประเทศโดยการเอาที่สาธารณะ ที่ป่าสงวนฯ มาเป็นสมบัติส่วนตัวเพื่อประกอบธุรกิจ ว่าใครจะแพ้ ใครจะชนะ”
 
“เรื่องนี้ผมอยากให้เป็นเรื่องสาธารณะมากทีสุด เพราะพวกผมโดนกระทำมาตลอด ไม่เช่นนั้นเราจะมีกฏหมายรัฐธรรมนูญเพื่ออะไร มีสิทธิชุมชนเพื่ออะไร หากเราใช้สิทธิแต่เรากลับถูกลิดรอนสิทธิโดยความไม่ชอบธรรมเช่นนี้” นายเสกสรร กล่าว
 
 
ด้านนายสุพจน์ ส่งเสียง กล่าวว่า ที่ผ่านมาการบังคับใช้กฎหมาย ม.25 ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507ที่นี่เชื่องช้ามาก บริษัทในเครือสหวิริยา ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ปข 1 แจ้งความร้องทุกข์ตามคดีอาญาที่ 262/2554 ตั้งแต่เดือน เม.ย.54 เวลาผ่านมาปีกว่า คดียังไม่คืบหน้า สอบสวนไม่เสร็จ ชี้แนวเขตไม่ได้ แต่นายอำเภอโดยย้าย 2 คน รองผู้กำกับที่เหลือเวลาการทำงานเพียง 5 เดือนจะเกษียณ ก็ถูกย้ายไปชายแดน จ.สระแก้ว
 
“แต่ทุนไม่สามารถย้ายพวกผมที่เป็นชาวบ้านที่ไม่ได้มีตำแหน่งได้ จึงยัดคดีให้แทน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ยอมตกเป็นเครืองมือโดยทำให้ชาวบ้านมองว่าขาดความเป็นธรรม วันนี้พวกผมจึงมายื่นหนังสือถึงนายอำเภอให้มีการดำเนินการในเรื่องการบังคับใช้ ม.25 อย่างเป็นธรรม ถึง ผกก.เรื่องเกี่ยวกับคดีความต่างๆ และร้อยเวรที่รับเรื่อง รวมถึงขนส่งจังหวัดที่จะต้องตรวจสอบในเรืองของภาษีล้อเลื่อนที่ชาวบ้านได้ข่าวแว่วมาว่ามีการหลบเลี่ยงภาษี อย่างละเอียดด้วย”
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ชาวบ้านจะเดินทางกลับได้แจ้งว่า ชาวบ้านที่ถูกแจ้งความเรียกค่าเสียหายจำนวน 19 คน จะทยอยมาแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทในเครือสหวิริยา เมื่อทำการแจ้งความเรียบร้อยทุกคนจะแจ้งเลขคดีให้ผู้สื่อข่าวทราบ และช่วยติดตามต่อไป
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท