Skip to main content
sharethis

ญาติผู้สูญเสียจากเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะชุมนุมคัดค้านหลัง ศอ.บต. มีมติจ่ายเยียวยา 4 ล้าน รองเลขาฯ ศอ.บต.เผยทางศอ.บต.จะตั้งกรรมการพิเศษพิจารณาใหม่  

นางแสนะ บูงอตันหยง ญาติผู้สูญเสียจากเหตุการณ์กรณีมัสยิดกรือเซะกำลังอ่านแถลงการณ์คัดค้านหลักเกณฑ์ที่ทางคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีมติให้เยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุการณ์ 28 เมษายน กรณีมัสยิดกรือเซะเพียงรายละ 4 ล้าน

 

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 18 มิถุนายน 2555 ที่ลานด้านหน้ามัสยิดกรือเซะ อ.เมือง จ.ปัตตานี ญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจและชาวมุสลิมที่บริเวณมัสยิดกรือเซะในวันที่ 28 เมษายน 2547  ประมาณ 60 คนได้มาชุมนุมกันที่ลานด้านหน้ามัสยิดเพื่อประท้วง “ความไม่เป็นธรรม” ในการตั้งหลักเกณฑ์การเยียวยาในกรณีนี้

นางแสนะ บูงอตันหยง ญาติผู้สูญเสียจากเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะแถลงว่าญาติของผู้ที่สูญเสียไม่สามารถจะรับมติของคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบสถานการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งได้ลงมติให้เงินเยียวยากรณีมัสยิดกรือเซะ 4 ล้านบาทต่อรายโดยอ้างว่ามีการปะทะกับเจ้าหน้าที่จึงได้ตัดจำนวนที่เหลือ 3.5 ล้านบาทออกไป

"เวลาผ่านมา 8 ปี มีหน่วยไหนมาถามบ้างไหม แผลที่จะหายแล้วยังมาสะกิดอีก ถามว่าถ้าเป็นญาติของคณะจะมีความรู้สึกอย่างไร ? คำพูดที่ว่าได้ 4 ล้านก็พอแล้ว คำพูดคำนี้ยังติดใจของบรรดาญาติผู้เสียชีวิตจนวันตาย ก็ยังไม่ลืมคำนี้" นางแสนะกล่าว

ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน  2555 ที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มีมติจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ 28 เมษายน 2547 กรณีมัสยิดกรือเซะ เป็นจำนวนรายละ 4 ล้านบาท  โดยจะให้สำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ 3 คนและชาวบ้านมุสลิมอีก 32 คนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนกรณีสะบ้าย้อย มีมติจ่ายเงินเยียวยา 7.5 ล้านบาทให้กับชาวบ้านมุสลิม 19 คนที่เสียชีวิต  ในกรณีอื่นๆ ที่มีการปะทะในวันเดียวกันยังไม่มีมติออกมา

 “ผลจากการพิสูจน์สถานที่เกิดเหตุไม่พบอาวุธสงครามที่ประสงค์แก่ชีวิตของเจ้าหน้าที่ พบแต่ มีด ดาบ และหนังสติ๊กเท่านั้นซึ่งเห็นได้ว่าภาครัฐไม่ได้ยึดถือมาตรฐานสากลในการควบคุมตัวผู้ที่อยู่ในมัสยิดกรือเซะ” นางแสนะอธิบาย

ตัวแทนญาติผู้สูญเสียยังได้ระบุว่าการกระทำครั้งนี้สิ่งที่รัฐทำกับกลุ่มเยาวชนคือใช้อาวุธสงครามมีทั้งปืนเอ็ม 79 ระเบิดมือ แก๊สน้ำตา ปืนเอ็ม 16 รวมทั้งถล่มด้วยปืนอาก้าและเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งมีหลักฐานที่เป็นร่องรอยที่ผนังมัสยิด  และบุคคลที่อยู่ภายในมัสยิดทั้งหมดเสียชีวิต  ซึ่งในความเป็นจริงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าบุคคลที่อยู่ภายในมัสยิดมีทั้งเยาวชนและคนชราซึ่งไม่สามารถต่อสู้ได้  

“ถามว่าบุคคลเหล่านี้ได้รับความเป็นหรือไม่? หรือได้รับการพิพากษาหรือไม่ ? ซึ่งเห็นได้จากหน่วยงานภาครัฐใช้วิธีวิสามัญฆาตกรรม โดยใช้อาวุธสงครามกระหน่ำอย่างหนัก ถล่มเพื่อหวังแก่ชีวิตโดยไม่คำนึงถึง [สิทธิ] มนุษยชน ซึ่งในมัสยิดหรือสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา ไม่ว่าศาสนาใด ถือเป็นเขตอภัยทาน ไม่สามารถทำให้สูญเสียแก่ชีวิตได้ ซึ่งทำให้กระทบจิตใจของคนในศาสนาเดียวกันเป็นอย่างมาก” นางแสนะกล่าว

หลังจากญาติสูญเสียแถลงเสร็จก็ได้เดินทางไปยัง ศอ.บต. เพื่อยื่นเรื่องให้ทบทวนหลักเกณฑ์การเยียวยาสำหรับกรณีมัสยิดกรือเซะใหม่ 

นางคอลีเยาะ หะหลี ญาติผู้สูญเสียจากเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะเปิดเผยว่าจากการเข้าพบนายฐานิส ศรียะพันธ์ รองเลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อยื่นข้อเสนอให้มีการทบทวนการการเยียวยาสำหรับกรณีนี้ นายฐานิสได้กล่าวว่ากับญาติผู้สูญเสียว่าทาง ศอ.บต. จะตั้งคณะกรรมการพิเศษอีกชุดหนึ่งเพื่อให้มีการพิจารณาใหม่

นายฐานิสได้ระบุว่าคณะกรรมการพิเศษชุดนี้จะประกอบด้วยกรรมการ 5 คนเป็นตัวแทนจาก ศอ.บต. 2 คนและเป็นตัวแทนของผู้สูญเสียจากกรณีมัสยิดกรือเซะ 3 คน

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net